21 ก.พ. 2019 เวลา 07:58 • ประวัติศาสตร์
สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย “สมเด็จย่าแห่งยุโรป” (ตอนที่ 3)
เจ้าหญิงน้อยผู้ครองบัลลังก์และเกมการเมืองที่แสนสับสนวุ่นวาย
1
ในค่ำคืนวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ.1837 (พ.ศ.2380) เจ้าหญิงวิกตอเรียเสด็จเข้าบรรทม เป็นค่ำคืนที่ปกติ ไม่มีอะไรต่างจากคืนก่อนๆ
1
แต่วันรุ่งขึ้น เวลา 6.00 น. พระราชมารดาของพระองค์ก็ได้ทรงปลุกพระองค์ให้ตื่นบรรทม มีผู้ชายสองคนมาขอเข้าเฝ้าพระองค์
ชายทั้งสองคือพระอัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอร์รีและสมุหพระราชวัง
1
บุคคลทั้งสองคือบุคคลสำคัญในทางศาสนาและการเมือง และทั้งสองคนนี้ต่างรีบมาเข้าเฝ้าตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ นั่นหมายถึงต้องมีเรื่องสำคัญมากๆแน่นอน
เจ้าหญิงวิกตอเรียเสด็จลงมายังห้องรับรอง เมื่อชายทั้งคู่ได้เข้าเฝ้าเจ้าหญิง สมุหพระราชวังได้คุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์เจ้าหญิง เจ้าหญิงวิกตอเรียทราบในทันใดครับ พระปิตุลาของพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว
สมุหพระราชวังได้จุมพิตที่พระหัตถ์ของพระองค์พร้อมกับแจ้งข่าวว่า “พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 4 ได้เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 2.12 น. “ ต่อไปนี้เจ้าหญิงวิกตอเรียคือพระประมุขพระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร
เจ้าหญิงวิกตอเรียทรงทราบข่าวจากพระอัครสังฆราชและสมุหพระราชวัง
แต่เจ้าหญิงมิได้ทรงตื่นเต้นมากนัก พระองค์ทรงเตรียมองค์มาเป็นเวลานานแล้ว ต่อมาพระองค์ทรงเขียนในบันทึกว่า “ข้าพเจ้ายังเยาว์และอ่อนประสบการณ์ แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่ามีไม่กี่คนที่มีจุดประสงค์ที่ดีและความปรารถนาที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องนอกเหนือจากตัวข้าพเจ้า” แสดงให้เห็นถึงพระประสงค์ที่จะเป็นพระประมุขที่ดี
2
หลังจากสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียขึ้นครองราชย์ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง คณะองคมนตรีก็ได้เข้าเฝ้าพระองค์ และทุกคนก็ราวกับต้องมนตร์ เรื่องจากสมเด็จพระราชินีนั้นทรงสง่างามและดูน่าเกรงขาม ถึงแม้พระองค์เพิ่งจะ 18 พรรษา และมีส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตรเศษๆเท่านั้น แต่ทุกคนก็ประทับใจในพระองค์ ถ้าเป็นสมัยนี้น่าจะเรียกว่า “ออร่า” ครับ
1
ดยุกแห่งเวลลิงตัน (Duke of Wellington) กล่าวในภายหลังว่า “พระองค์ไม่เพียงแต่มีบารมีคับเก้าอี้เท่านั้น แต่พระบารมีของพระองค์นั้นล้นห้องเลยทีเดียว”
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายอย่างที่พระราชินีผู้ทรงพระเยาว์ผู้นี้ยังต้องเรียนรู้อีกมาก
1
พระองค์ทรงไว้วางพระทัยในตัวของลอร์ด เมลบอร์น (Lord Melbourne) นายกรัฐมนตรีวัย 58 ปี
ลอร์ด เมลบอร์น (Lord Melbourne)
พระองค์ทรงฟังคำแนะนำของลอร์ด เมลบอร์น แต่พระองค์ไม่ทรงฟังคอนรอยกับดัชเชสส์เลย สิ่งแรกที่พระองค์ทรงทำเมื่อได้ขึ้นครองราชย์ ไม่ใช่การหารือราชการนะครับ แต่คือการย้ายออกจากห้องของพระราชมารดา
1
ไม่เพียงแค่นั้นครับ พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ย้ายพระราชมารดารวมถึงคอนรอยไปอยู่ในตำหนักใหม่ที่ห่างไกลและจำกัดอำนาจของสองคนนี้ ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานของพระองค์เด็ดขาด
1
พระราชมารดาของพระองค์ไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ในเมื่อพระราชธิดาคือสมเด็จพระราชินีแล้ว ทำให้ความสัมพันธ์ของพระราชินีและดัชเชสส์เริ่มจะห่างเหินกันยิ่งกว่าเดิม
ต่อมา พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย ได้รับการจัดขึ้นที่โบสถ์เวสต์มินสเตอร์ ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1838 (พ.ศ.2381) มีประชาชนเข้าร่วมชมพิธีกว่า 400,000 คน
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย
ในช่วงแรกนั้น ชาวอังกฤษตื่นเต้นกับพระราชินีองค์ใหม่ ซึ่งทั้งสาวและดูไฟแรง
ในปีต่อมา พรรควิกได้สูญเสียอำนาจให้แก่พรรคขุนนาง ซึ่งทำให้ลอร์ด เมลบอร์น ผู้ซึ่งพระราชินีทรงไว้วางพระทัย ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
1
พระราชินีจึงรับสั่งให้เซอร์ โรเบิร์ต พีล (Sir Robert Peel) ตั้งสภาขึ้นใหม่เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน แต่พีลก็ไม่ยอมทำตามง่ายๆครับ เขายื่นข้อเสนอแก่พระราชินีว่าถ้าจะให้เขาตั้งสภาขึ้นใหม่ พระองค์จะต้องทรงเปลี่ยนนางต้นห้องซะ เนื่องจากนางต้นห้องของพระราชินีนั้น มักจะเป็นภรรยาของขุนนางระดับสูง และที่ผ่านมานางต้นห้องก็มักจะเป็นคนจากพรรควิก พีลจึงคิดว่าควรต้องให้มีคนของพรรคขุนนาง ที่ถวายการรับใช้พระราชินีโดยตรงบ้าง เพื่อแสดงให้ผู้คนเห็นว่าพรรคขุนนางนั้นคือพรรคใหม่ที่เข้ามาบริหารแผ่นดินและรับใช้ใกล้ชิดพระราชินี
1
เซอร์ โรเบิร์ต พีล (Sir Robert Peel)
แต่แน่นอนครับ พระราชินีทรงเป็นคนหัวดื้อ พระองค์ทรงปฏิเสธ พระองค์ทรงเชื่อว่าพระองค์กำลังถูกรังแก พีลกำลังจะข่มเธอไม่ต่างอะไรจากคอนรอย
พระองค์ทรงเขียนจดหมายถึงลอร์ด เมลบอร์น โดยพระองค์ทรงรับสั่งในจดหมายว่า “การกระทำของพีล แท้ที่จริงก็เพื่อต้องการจะข่มพระองค์ จะดูว่าพระองค์จะถูกควบคุมได้ง่ายๆหรือไม่”
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พระราชินีไม่ทรงยอมตามข้อเสนอของพีล พีลจึงปฏิเสธที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีและตั้งสภาใหม่ เมลบอร์นจึงต้องกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม
ผลที่ตามมาก็คือ ประชาชนคิดว่าองค์พระราชินีกำลังทรง “เล่นการเมือง” ทั้งๆที่จริงแล้ว บทบาทของพระองค์นั้นไม่ควรข้องเกี่ยวกับการเมือง ต้องวางองค์อยู่เหนือการเมือง ชาวอังกฤษจึงเริ่มที่จะไม่ชอบพระองค์มากเท่าแต่ก่อน ทำให้ความนิยมของชาวอังกฤษที่มีต่อพระองค์นั้นลดต่ำลง
ตอนต่อไป ผมจะมาเล่าถึงชีวิตของพระองค์ต่อครับ รวมถึงรักแรก รักแท้และรักเดียวของพระราชินี ผู้ที่จะมามีบทบาทในชีวิตของพระองค์รวมถึงหน้าประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ฝากติดตามด้วยนะครับ
โฆษณา