23 ก.พ. 2019 เวลา 12:16 • ธุรกิจ
"มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท"
.
คนรุ่นลุงสอนให้เก็บเล็กสะสมน้อย ก็สามารถเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ในที่สุด
.
สมัยนี้มีใครบ้างรู้จักเหรียญสลึง
หนึ่งสลึง = 0.25 บาท
สี่สลึง = 1 บาท
[หนึ่งสลึง = 25 สตางค์ ( 100 สตางค์ = 1 บาท)]
.
หากเรามีเหรียญสลึงจำต้องเก็บให้ถึงสี่เหรียญจนเป็นเงินหนึ่งบาท ร้านค้าทั่วไปจึงจะยอมรับให้ซื้อของได้ เพราะในปัจจุบันสินค้าราคาต่ำกว่าหนึ่งบาท หรือเป็นเศษสตางค์แทบไม่มีให้เห็นแล้ว
.
หลายคนพอได้รับเหรียญสลึงมามักจะไม่ค่อยสนใจ เพราะเป็นจำนวนเงินที่น้อย ทั้งเหรียญสลึงเองก็มีขนาดเล็ก พกลำบาก ดังนั้นพอได้มาแล้วก็เลยชอบที่จะนำไปใส่ตู้บริจาค หรือยกให้ร้านค้าที่ทอนเงินเป็นเหรียญสลึงคืนไปซะมากกว่า หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ขี้เกียจเก็บ
.
ฟังๆดูแล้ว การเก็บเหรียญสลึงดูไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์สักเท่าไร และดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะต้องนำมาใส่ใจ
.
แต่หนึ่งสลึง ก็คือ เงิน
การเห็นคุณค่าของเงินแม้เพียงเล็กน้อย ลุงถือว่าเป็นทัศนคติที่สำคัญ ที่ไม่ควรมองข้ามกันไป
ดังนั้นลุงจึงอยากจะให้แง่คิด ในเรื่องทัศนคติเกี่ยวกับการมองเห็นคุณค่าของเงินที่ว่า การรู้จักสะสมเงินแม้เพียงเล็กน้อย มันก็อาจจะช่วยให้เรามีพฤติกรรมในเรื่องของการออมที่ดียิ่งๆขึ้นไป ทัศนคติที่ถูกต้องแบบนี้จะสามารถนำพาเราให้สามารถมีทรัพย์สินมากมายก่ายกองได้ในที่สุด
.
เรามาเก็บเหรียญสลึงกันเถอะ
.
มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
.
#เงินลุง #สลึง #ออม
#มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
โฆษณา