25 ก.พ. 2019 เวลา 12:22 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ไส้ติ่งอักเสบ
ไส้ติ่งตัวร้าย กับ แบคทีเรียนแสนซน
ตั้งชื่อน่ารักไปงั้น เป็นทีเกือบตาย
โรคนี้คืออะไร วันนี้ขอเก็บมาเล่า
แบบลงดีเทล ให้เข้าใจตัวโรคกันหน่อยครับ
เริ่มที่ไส้ติ่งก่อน ตัวไส้ติ่งเองเนี่ย อาจจะพอเคยได้ยินมาว่า มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีไว้ให้รอเป็นโรค ตัวซวยจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างงั้นหรือปล่าว แล้วมาย้อนไปดูถึงวิวัฒนาการของไส้ติ่งกัน
เราค้นพบว่านอกจากมนุษย์แล้ว สัตว์อื่นๆก็มีไส้ติ่งเหมือนกัน และไส้ติ่งของมันสร้างคุณงามความดีได้ด้วย
เดิมทีย้อนกลับไปในสัตว์กินพืช ที่กินใบไม้เยอะๆ ตัวใบไม้เนี่ยเป็นส่วนที่ย่อยได้ยาก เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ ตัวไส้ติ่งจะเป็นส่วนที่ไว้พักอาหาร
ทำไมต้องพักล่ะ? เมื่อก่อนลำไส้สร้างมาให้ยาวเลื้อยเฟื้อยเงาะ เพื่อที่จะมีระยะเวลาในการย่อย ค่อยๆย่อย ย่อยเสร็จก็ค่อยๆดูดซึมสารอาหารเข้าไป ยิ่งไส้ยาว ก็ยิ่งการันตีได้ว่าจะดูดซึมอาหารที่กินไปได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
นึกภาพถึงสมัยก่อน ไม่มีฟีลแบบมาเปิดตู้เย็นตอนเที่ยงคืนนะครับ ต้องออกไปล่าอาหาร จะหาได้แต่ละมื้อก็ต้องใช้พลังงานออกไปวิ่งไล่ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เพราะงั้นอาหารที่ได้มาถือเป็นของล้ำค่าที่หายากยิ่ง การกินแต่ละครั้งจึงต้องดูดซึมให้เต็มที่ ก่อนจะขับถ่ายออกมาเฉพาะส่วนที่ย่อยไม่ได้จริงๆ
แต่วิวัฒนาการทำให้สัตว์แต่ละชนิด มีลำไส้ที่แตกต่างกัน เพื่อไปทำหน้าที่ย่อยอาหารกันคนละแบบ
สัตว์กินพืช (Herbivore) วันๆก็เดินอยู่ในทุ่งหญ้า เล็มผักเล็มหญ้าทั้งวัน ซึ่งที่ยืนเล็มไปเนี่ยมันรู้ว่าผักมันย่อยยากและมีสารอาหารน้อยกว่าเนื้อ
สัตว์กินพืชจึงปรับตัวให้กินทีต้องกินได้เยอะๆ แม้ว่ากินเข้าไป ลำไส้มันก็ย่อยไม่ได้ แต่มันไป tag team กับ bacteria ที่ย่อยผักเป็น ให้มานอนเล่นอยู่ในลำไส้ แลกกับการที่ช่วยย่อยผักให้
ลำไส้ของสัตว์กินพืชก็จะต้องยาวกว่า ไว้ย่อยนานๆ แถมมีอวัยวะพระเอกคือไส้ติ่ง ที่จะใหญ่ยาวกว่าพวกกินเนื้อมากนัก
จะเป็นคล้ายๆห้องที่ไว้เก็บอาหารที่ยังย่อยไม่เสร็จ เอาไว้มาย่อยต่อได้ทีหลัง
ดูเหมือนไม่ค่อยดีใช่มั้ยครับ ต้องใช้เวลานาน ต้องเลี้ยง bacteria ให้ย่อยแทน แต่ข้อดีก็คือ สัตว์กินพืชสามารถหาอาหารกินได้เหมือนบุฟเฟต์ตามทุ่งหญ้าทั่วไป หญ้ามันไม่วิ่งหนีไปไหน ไม่ต้องออกแรงเท่าไหร่ เลยเดินช้าๆ slow life นั่งเล็มไปเรื่อย
เทียบความยาวลำไส้ จิ้งจอกกินเนื้อลำไส้ไม่ต้องยาว
สัตว์กินเนื้อ (Carnivore) เนื้อเป็นอะไรที่ย่อยง่ายกว่าผัก และอุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่าผักเยอะ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีไส้ยาวๆ ไม่ต้องมีไส้ติ่งยาวๆไว้พักอาหาร ไม่ต้องคอยเลี้ยง bacteria มาย่อยผัก
ไปล่าเหยื่อ กิน ย่อย ดูดซึม จบ แต่ก็กินผักบ้างเป็นส่วนน้อย ผักที่กินก็ย่อยไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นตัวกากอาหารแทน
ดูความยาวไส้ติ่ง (สีม่วง) หมีโคอาล่านี่ชนะเลิศ ของคนก็เป็น ติ่ง สมชื่อ
ในมนุษย์เราที่ถือว่ากินได้หมด (Omnivore) แต่ด้วยลักษณะฟัน ทางเดินอาหารก็ยังเอนเอียงไปทางกินพืชนิดหน่อย แม้ว่าจะไม่มีแบคทีเรียย่อยผัก
แต่ประวัติศาสตร์ของเราก็เน้นกินเนื้อมาซะยาวนาน จนเดา(เอาเอง)ว่าอาจจะกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวก็ได้มั้ง ไส้ติ่งที่เป็นซากอารยธรรมของเป็นแก๊งลิงกินพืช พอมาอยู่ในคนที่ผักไม่ค่อยกิน เนื้ออร่อยกว่า มันก็ไม่ค่อยสำคัญละ กลายเป็นติ่งในไส้ เรียก ไส้ติ่ง
ไส้ติ่ง (Appendix) อยู่ในส่วนลำไส้ใหญ่ตอนต้นๆ (Caecum) มันยังไม่เป็นลำไส้ใหญ่ซะทีเดียว มันเป็นกระเปาะเหมือนห้องโถงใหญ่ มีทางกว้างๆให้อาหารไหลไปต่อลำไส้ใหญ่ต่อ แต่ในห้องโถงมีช่องเล็กๆแคบๆ เหมือนเป็นห้องปิดมีทางเข้าออกทางเดียว
1
อยู่ล่างขวาของหน้าท้อง
ถ้าโชคร้ายมีอาหารไหลไปอุดตรงทางเข้า แล้วมันค้าง เอาไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นอึที่แข็งๆไปอุด (ส่วนใหญ่อึที่ผ่านตรงนี้ยังไม่แข็งเท่าไหร่) หรือเป็นตัวก้อนมะเร็ง หรือมันบวมจนปิดทางเข้าออก ทีนี้มันจะก่อเรื่องละ
เมื่อห้องปิดตายไม่มีทางออก มีคดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย โคนันจะออกมาสืบคดี ผิดๆ พวกเชื้อโรคที่อยู่ในลำไส้จะเติบโตกันสนุกสนานอยู่ในไส้ติ่ง
แบ่งตัวปั้มลูกออกหลานมาเป็นว่าเล่น
ที่เป็นประเด็นคือเชื้อพวกนี้สร้างแก๊สออกมาเป็นกิจวัตร
4
เหมือนตอนเราผายลมก็คือไล่แก๊สในลำไส้ให้ไปเข้าจมูกคนข้างๆแทน พวกนี้ก็เช่นกัน แต่ว่ามันออกไม่ได้น่ะสิ ทางออกมันปิด
จากที่เราเคยเรียนมานาน(มากๆ)ตอน ม.ปลาย
PV = nRT สูตรความดันอะไรซักอย่าง เมื่อ Volume ของแก๊สมากขึ้น ทำให้ Pressure ต้องมากขึ้นตาม
นึกภาพง่ายๆก็ลูกโป่งที่เป่าลมเข้าไปเรื่อยๆ
ก็ระเบิดตู้มแหกหน้า
แต่ไส้ติ่งจะมีคลาสกว่านั้นหน่อย ตอนที่มันบวมเต่งขึ้นมา pressure จะสูงมากพอที่ทำให้เลือดที่มาเลี้ยงหยุดไป ทำให้ตัวเนื้อไส้ติ่งนั้นค่อยๆขาด Oxygen แล้วค่อยๆตายลงที่ละส่วน มักเริ่มจากส่วนปลายก่อน เนื้อที่ตายก็เหมือนจุดบอด เป็นส่วนที่บาง ทะลุได้ง่าย
ค่อยๆขยายออก ละก็ตู้ม
ถ้า pressure ยังสูงต่อเนื่อง ส่วนที่ตายลง ก็จะทนรับ pressure ไม่ไหว ทำให้ไส้ติ่งระเบิดออกดัง.... ไม่ดังครับ ที่ดังน่าจะเป็นเสียงเจ้าของไส้ติ่งร้องระงมแทน
ทางเดินอาหารไล่มาตั้งแต่ปากยันตูด มันเหมือนท่อส่งน้ำ แรกๆก็เป็นน้ำผลไม้ น้ำอัดลม ย่อยไปย่อยมาเริ่มกลายเป็นน้ำเน่าละ ผสมกับ bacteria ที่สร้างอาณาจักรกันอยู่ในท่อ ตั้งแต่ต้นท่อยันปลายท่อ
ถ้าวันหนึ่งวันใดท่อแตก น้ำในท่อระเบิดกระจายออกมา ไม่ว่าจากส่วนไหนของท่อ ห้องทำงาน ห้องนอนทั้งหลายก็เละเทะ เต็มไปด้วยอึ และ bacteria กระจายเต็มห้อง สุดท้ายจะกลายเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วกระจายไปทั่วตัว อาจจะจบลงด้วยการเสียชีวิต
2
เมื่อไส้ติ่งที่โดนอุดเริ่มขยาย อาการปวดท้องจะเริ่มมา แรกๆเนี่ย ถ้าตามหนังสือเลยจะบอกว่าปวดทั่วๆ มวนๆไปหมด ส่วนมากเป็นตรงกลางๆท้อง คลื่นไส้ อาเจียน กินอะไรไม่ลง พะอืดพะอม ปวดนอนบิดไปบิดมา
ปวดแถวๆนี้เลย
พอไส้ติ่งเต่งขึ้นไส้ขาดเลือดจนเริ่มตาย อาการปวดจะมาชัดบริเวณด้านขวา แถบช่วงล่างๆของหน้าท้อง ไข้ขึ้น ปวดท้องเริ่มไม่ไหวละ ปวดจะเป็นจะตาย นอนเฉยๆยังไม่ได้ อะไรไปโดนทีนี่สะดุ้งเลย ถ้าอาการมาคล้ายๆแบบนี้ งดน้ำงดอาหาร ห้ามกินอะไรเลย แล้วไป รพ. ทันทีนะครับ
ไส้ติ่งเรานับเวลากันเป็นชั่วโมงต่อชั่วโมง ยิ่งนานโอกาสไส้ติ่งแตกยิ่งมากขึ้น ไส้ติ่งแตกเมื่อไหร่ โอกาสติดเชื้อมากขึ้น เสียชีวิตมากขึ้น เพราะงั้นอย่ารอเช้าค่อยไป
หมอจะประเมินว่าเหมือนอาการของไส้ติ่งอักเสบมั้ย หรือในผู้หญิงอาจจะเป็นซีสต์ที่รังไข่ ท้องนอกมดลูกที่ทำให้ปวดท้องก็ได้ บางคนอาจต้องไปทำ CT-scan เพื่อยืนยัน แต่บางคนอาจจะไม่ต้องทำ ไม่ใช่กลับบ้านได้ มาเข็นเข้าประตูห้องผ่าตัดไปเลย
ที่คีบขึ้นมายาวๆนั่นเลยครับ ไส้ติ่ง (แต่อันนี้ดูไม่บวมเท่าไหร่ น่าจะมา รพ เร็ว)
เป็นโรคที่เจอบ่อย เจอได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ได้หมดเท่าเทียม จะเห็นว่าหมอกว่ารู้ว่าเป็นไส้ติ่งได้ ต้องผ่านช่วงที่ปวดมาซักพัก แต่ต้องยังไม่แตก ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมคือวินิจฉัยได้ และรักษาได้ไม่ยาก
เป็นโรคที่ฉุกเฉินและควรรู้จักไว้ ไม่เหมือนโรคอื่นที่ไม่ต้องรีบมาตอนดึกๆดื่นๆ พวกปวดคอ เมื่อยแขน ท้องเสีย อะไรพวกนี้ มาพรุ่งนี้เช้าก็ได้
รักษายังไงล่ะ มี 2 แบบให้(หมอ)เลือก คือให้ยาฆ่าเชื้อ หรือผ่าตัด ส่วนมากหมอเลือกผ่าตัด เพราะเห็นๆกันเลยว่าเอาออกไปแล้ว หายแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับผลข้างเคียงจากการผ่าตัดก็มีอยู่ แต่ถ้าจะไม่ผ่า ให้ยาฆ่าเชื้อ เกิดว่าคุมไม่อยู่ไส้ติ่งแตกขึ้นมา แบบนี้ก็เสี่ยงตายเหมือนกัน
หมอจะเลือกทางที่ปลอดภัย เสี่ยงน้อยกว่า เพราะ priority แรกคือ Save life จะมาห่วงสวยเดี๋ยวหน้าท้องเป็นรอยผ่าอดใส่บิกินี่อันนั้นเก็บไว้ท้ายๆ มัวแต่ห่วงนู่นห่วงนี้เดี๋ยวจะไม่รอดเอา
จบไปอีก 1 โรคที่อยากให้รู้จักกัน เหมือนจะไกลตัว แต่บอกเลยว่าไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดกับตัว จะเกิดเมื่อไหร่ หรือเกิดกับคนรอบข้าง อย่าอดทนเยอะ รีบมา รพ. นะครับ ก่อนจะสายเกินไป
โฆษณา