26 ก.พ. 2019 เวลา 00:30 • บันเทิง
รีวิว Alita Battle Angel เมื่อไซบอร์กสาวออกตามหาความทรงจำ
สวัสดีครับ เนื่องจากในช่วงสุดสัปดาห์มาทางผมได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่อง Alita Battle Angel มา วันนี้จึงจะมาเขียนรีวิวถึง ภาพยนตร์ดังกล่าวกันครับ
(เนื้อหาในการรีวิวอาจมีสปอยล์เนื้อหาของภาพยนต์บางส่วนครับ)
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหามาดูข้อมูลพื้นฐานของภาพยนตร์เรื่องนี้กันก่อนเลยครับ
ภาพยนตร์ Alita Battle Angel นั้นกำกับโดย Robert Rodriguez ผู้กำกับที่เน้นงานเลือดสาดมาอย่าง Sin City, From Dusk Till Dawn แต่พี่แกก็แอบมากำกับหนังเด็กเช่นกันอย่าง Spy Kid ทั้งสามภาค คือจะไปให้สุดเลือดสาดพี่ก็ไปได้ จะมาใสๆแนวครอบครัวพี่ก็ทำได้ครับ และคนเขียนบทเรื่องนี้ได้แก่ ตึง ตึง ตึง (แอบรัวกลองครับ) James Cameron ผู้กำกับพันล้าน อย่างเรื่อง Titanic และ Avatar นั่นเอง แต่พี่ Cameron ไม่ได้เขียนคนเดียวครับ ยังลากคนมาช่วยอีกคนคือ Laeta Kalogridis ชื่ออ่านยาก สะกดยาก พิมพ์ยากมาก เนื่องจากมีเชื้อสายกรีกครับ โดยผลงานที่โดดเด่นก็คือ Shutter Island เท่านั้นยังไม่พอเนื้อเรื่องยังเอามาจาก Gunnm อ่านว่ากันมุ มาจาก "กัน" ที่แปลว่า ปืน กับ "มุ" ที่แปลว่าความฝัน ผลงานระดับขึ้นหิ้งของยูกิโตะ คิชิโระ ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2534 หรือร่วมๆ 28 ปีที่แล้ว เห็นแค่ชื่อผู้กำกับกับ คนเขียนบทนี่แทบการันตีเลยครับว่าเรื่องนี้มันต้องดังเท่านั้น อย่ากระนั้นเลยสตูดิโออย่าง 20th Century Fox เลยอัดฉีดไปเต็มที่ราวๆ 170 ล้านเหรียญ และเม็ดเงิน 170 ล้านนี่ก็เนรมิตฉากตระการตาได้คุ้มค่าจริงๆ สมเป็น CG Hollywood ยิ่งถ้าดูสามมิตินี่ยังกับเดินเข้าไปอยู่ในเมืองเศษเหล็กเลยทีเดียว 😁😁😁
เอาละกลับมาที่เนื้อเรื่องเสียหน่อย
เนื้อเรื่องเริ่มจาก Alita ตัวเอกของเราถูกค้นพบในกองเศษเหล็ก ณ เมืองเศษเหล็กโดย Dr.Ido ซึ่งนางเอกของเราเหลือแค่ส่วนหัวกับช่วงตัวอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ตาย เนื่องจากในโลกปี ค.ศ. 2563 มนุษย์ทุกคนแทบเป็นไซบอร์กหมดแล้ว ถ้าส่วนสมองไม่ตายก็สามารถเอามาประกอบกับชิ้นส่วนเครื่องจักรต่อไปได้ ซึ่งน่าจะด้วยหน้าตาน่ารักดูบอบบางทำให้ Dr.Ido ยกพาร์ทร่างกายที่ทำให้ลูกสาวที่เสียไปแล้วให้ และส่วนลึกก็พยายามดูแลปกป้อง Alita ไม่ผิดกับลูกสาวของตน ซึ่งเนื้อเรื่องก็พัฒนาต่อไปในแนวพ่อหวงลูกสาว ลูกสาวโตเป็นวัยรุ่นอยากมีความรัก อยากผจญภัยไปให้ไกลกว่าเมืองเศษเหล็กที่เปรียบเสมือนสลัม ไปยังนครบนฟ้าหรือซาเล็มที่ทุกเรื่องเล่าเต็มไปด้วยความฝัน เป็นสถานที่ที่ผู้คนเบื้องล่างอยากหลุดพ้น ซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไรที่ Alita จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเสมอเพราะมันสามารถเรียกความจำทีละส่วนจากการเสี่ยงต่อสู้ในแต่ละครั้ง โดยในท้ายสุด Alita ต้องไปตามความฝันบางส่วนผ่านเกมกีฬาชื่อ Motorball ที่มีแนวทางคล้ายอเมริกันฟุตบอลบวกกับโรลเลอร์เบลด ที่ต้องเอาลูกบอลเข้าเส้นชัยให้ได้ โดยระหว่างทางเปิดโอกาสให้ผู้เล่นห้ำหั่นกันจนถึงตายโดยไม่จำกัดวิธีการที่ใช้รวมถึงการใช้อาวุธ ซึ่งทีนี้คนดูก็ต้องมานั่งลุ้นเอาระหว่างความรัก ในลักษณะครอบครัว ความรักในรูปแบบคนหนุ่มสาว การแข่งกีฬา และการตามหาอดีตผ่านอุปสรรคและการต่อสู้ของ Alita ครับผม 😉😉😉
Motorball
หลังจากดูจบผมขอให้คะแนนแบ่งเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
งานด้านภาพ นับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องแล้ว ภาพยิ่งออกมายิ่งสวยตามสมรรถนะของเทคโนโลยีของปีนั้นๆ โดยนครเศษเหล็กถ้าดูผ่านสามมิตินี่ยังกับไปเดินท่องนครกับตัวละครเลยทีเดียว รายละเอียดเก็บหมดทุกอย่าง นี่เป็นอีกเรื่องที่คุ้มค่ากับ 3D เป็นอย่างมากในแง่งานด้านภาพ 10/10 ครับ
งานด้านเนื้อเรื่อง ในขณะที่งานด้านภาพไปถึงขั้นสุด งานด้านเนื้อเรื่องกลับตรงกันข้าม ในฐานะคนเคยอ่านการ์ตูนในอดีตคนหนึ่งผมไม่ได้รู้สึกถึงความผูกพันธ์อะไรเลยกับ Alita ทั้งๆที่มันมีประเด็นความสัมพันธ์ให้เล่นเยอะมากในส่วนของ Dr.Ido แต่หนังกับเลือกที่จะพัฒนาในแง่ความรักของคนหนุ่มสาวมากกว่าในส่วนของ Alita กับ Hugo ซึ่งเอาเข้าจริงไม่ต่างอะไรจากหนังสูตรสำเร็จทั่วๆไป ในส่วน Motorball ก็ดีซึ่งควรจะเป็น Hi light ของหนังเลยก็ไปไม่สุด เพราะหนังเลือกเดินประเด็นไปที่ Alita-Hugo อีก
สรุป เนื้อหาด้านอารมณ์ไปไม่สุดซักทาง ทำให้ขาดความต่อเนื่องด้านอารมณ์ คือถ้าดูเอามันส์ก็โอเค แต่ให้ประทับใจคงต้องตอบว่าไม่ อาจเป็นเพราะพยายามย่อยเนื้อหาการ์ตูนหลายๆตอนมาอยู่ในหนังเรื่องเดียวก็เป็นไปได้ 6/10 ครับ
ภาพรวมคะแนน 7/10 ครับ อย่างที่บอกดูเอาภาพสวยงาม ดูฉากแอ็คชั่น ดูได้สนุกครับ แต่ให้มีความประทับใจเก็บกลับบ้านต้องบอกว่ายังขาดไปเยอะครับ ถ้าจะให้ดีน่าจะพยายามเจาะความสัมพันธ์ระหว่าง Dr.Ido กับ Alita จะดีที่สุดครับ เพราะปูภูมิหลังไว้เยอะเพียงพอกับการสร้างอารมณ์ที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับภูมิหลังของตัวละครอื่นๆครับ
Trailer เรียกน้ำย่อยครับ 😃😃😃 เผื่อจะบิวท์อารมณ์บางท่านให้ไปติดตามต่อในโรงภาพยนตร์ครับ
อ้างอิง
โฆษณา