27 ก.พ. 2019 เวลา 01:28 • ประวัติศาสตร์
ตำนานผีกระสือ
กระสือ เป็นผีชนิดหนึ่งที่จะเข้าสิงเฉพาะผู้หญิวเท่านั้น และชอบกินของสกปรกโสโครก กระสือมักจะคู่กับ "กระหัง" ซึ่งจะเข้าสิงเฉพาะผู้ชายเท่านั้น
ลักษณะของผีกระสือ
กระสือ เป็นผีผู้หญิงแก่ที่ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ พร้อมหัวกับไส้ และอวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น หัวใจ ปอด ซึ่งอวัยวะพวกนี้จะเรืองแสง วูบวาบๆ
แต่ๆๆ มีอีกนิยามหนึ่งของผีกระสือ ได้นิยามว่า กระสือเป็นเพียงผู้หญิงแก่ที่มีเพียงหัวกับไส้ แต่จะไม่มีอวัยวะส่วนอื่นเลย
ตามความเชื่อเกี่ยวกับผีกระสือ
กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่าสิงอยู่ในคนที่เป็นเพศหญิง โดยส่วนมากจะสิงอยู่ในผู้หญิงแก่ มีนิสัยชอบกินของสดๆคาวๆ มักจะออกหากินเวลากลางคืน และเวลาที่ออกไปกิน ก็มักจะถอดไปแค่หัวกับตับไตไส้พุง โดยจะทิ้งร่างกายไว้ที่บ้าน
เวลาที่ไป จะเป็นดวงไฟ ดวงโตๆสีแดงๆ ไม่ก็เป็นแสงสีเขียวเรืองๆ วูบๆวาบๆ
ส่วนเวลากลางวันนั้นจะมีลักษณะเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป
ความเป็นอยู่ของกระสือ
ในตอนกลางวัน จะเป็นหญิงสาวธรรมดา ที่มีนิสัยและพฤติกรรมแปลกๆ เช่น ไม่สบตาคน เงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ชอบเก็ยตัวอยู่คนเดียว และไม่ชอบแสงสว่าง ส่วนตอนกลางคืน เป็นเวลาออกหากิน จะถอดเฉพาะหัวกับไส้ ออกมา และลอยออกไปหากินตั้งแต่่วงหัวค่ำ ตลอดทั้งคืน และจะกลับบ้านในช่วงเวลาก่อนฟ้าสาง
อาหารของกระสือ
กระสือชอบกินของสกปรก โสโครก ของสดๆ ของคาวๆ และสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ "รกเด็ก"
จุดเริ่มต้นของผีกระสือ
กระสือนั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยไหนนั้น ก็ยังไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าในสมัยโบราณ ไม่ได้เรียกว่า "กระสือ" แต่เรียกว่า "ผีลากไส้" และในเวลาต่อมา จึงจะเรียกว่า "กระสือ" หรือ "ผีกระสือ" ในปัจจุบันนี้
กระสือเกิดจากผู้ที่มีนิสัย โลภ โทสะ ชอบกดขี่ข่มเหงและขูดรีดชาวบ้าน รับสินบน ทำผิดศีลค่อนข้างมาก แล้วทำการบูา ไสยศาสตร์มนต์ดำ แต่ทำผิดข้อห้าม จึงทำให้วิญญาณ ภูต ผี ปีศาจ ที่ตนเลี้ยงไว้ ได้หลุดออกมา แล้วเข้าตัวคนนั้น วิญญาณบรมครูจึงลงโทษ จนกลายเป็นกระสือในที่สุด
แต่บางที่ก็กล่าวว่า กระสือ เกิดจากกรรมชี่วเก่าๆ ที่ทำไว้ เมื่อาติที่แล้ว
นิสัยของผีกระสือ
ตามปกติแล้ว กระสือจะไม่ทำร้ายคน ว่ากันว่าเมื่อกระสือออกหากินเวลากลางคืนแล้วเกิดพบเจอกับคนเข้า กระสือจะลอยหนีไป
แต่ถ้าหากคนทำให้กระสือเกิดความไม่พอใจ หรือโกรธ กระสือก็จะเกิดความแค้น อาฆาต พยาบาท แล้วไปชำระแค้นกับคนๆนั้น อาจจะทำแค่บาดเจ็บ หรืออาจทำให้เสียชีวิตเลยก็ได้
หากใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวเลือกจะส่งกลิ่นโชยและชักนำให้กระสือมากินตับ ไต ไส้พุง ของหญิงที่คลอดลูก หรือทารกที่คลอด
ด้วยเหตุนี้เอง ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทรา วางไว้ที่ใต้ถุนเรือน เพื่อป้องกันไม่ให้กระสือเข้ามาได้ เชื่อกันว่า กระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้
นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบกินของโสโครก อย่างเช่น อุจจาระ หรือขี้ เป็นต้น อี๊วววววว และหลังจากกินเสร็จ ถ้าเห็นผ้าที่มีคนตากไว้ ก็จะลอยไปเช็ดปาก พอเช็ดเสร็จแล้ว ผ้านั้นจะปรากฎเป็นรอยเปื้อนดวงๆ ถ้าชาวบ้านเอาผ้านั้นไปต้ม กระสือตนนั้น จะปวดแสบปวดร้อนปาก จนทนไม่ไหว จนต้องออกมาขอร้องให้หยุดต้มต่อเลยทีเดียว (เหลือเชื่อนะ แล้วอย่างนี้ คนก็รู้หมดว่าใครเป็นกระสือสิ)
การสืบทอดทายาท
เมื่อกระสือเจ็บป่วย กำลังจะตาย กระสือนั้นจะไม่ตาย แต่จะคายน้ำลายของตน ถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่ง เพื่อสืบทายาท เป็นกระสือต่อไปก่อน ตนถึงจะตายได้โดยไม่ทุกข์ทรมานต่อ
วิธีปราบกระสือ
ว่ากันว่า ไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ คนๆนั้นออกไปได้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณนั้นได้หยั่งรากลึกลงไปในใจของคนๆนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหยั่งลึกไปถึงวิญญาณ ซึ่งสามารถบังคับให้ร่างกาของผู้ถูกสิง สามารถบังคับให้ร่างกายของผู้ถูกสิงอยู่ในสภาพที่ผิดธรรมชาติได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ถอดหัว และอวัยวะภายในให้หลุดออกมาจากร่างกาย รวมถึงการลอยตัวอยู่ในอากาศ ฉะนั้นเมื่อ ร่างกายของคนๆนั้น ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่คนธรรมดาทำแล้วจะเสียชีวิต ก็เท่ากับว่ากายนั้น เป็นร่างกายที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เป้นร่างกายที่เสียหาย และยังมีชีวิตอยู่โดยอำนาจของผีกระสือที่สิงอยู่ในร่างนั้น
หากไล่ผีกระสือออกจากร่างไปแล้ว ร่างกายนั้นจะไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ ดังนั้นการปราบกระสือ เท่ากับเป้นการฆ่าคนๆนั้นไปด้วย
บางที่เล่ากันว่า เมื่อกระสือชรามีการถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานแล้ว ตนนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานก่อนจะเสียชีวิตไป โดยจะเสียชีวิตในสภาพที่หัวกับอวัยวะภายในหลุดออกมาจากตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกวิญญาณร้ายบังคับให้แยกร่างกายออกไปหากินและหลังจากที่ตายไปแล้ว หัวกับตัวก็จะไม่สามารถติดเชื่อมกันได้อีกต่อไป
กระสือในทางวิทยาศาสตร์
ทางวิทยาศาสตร์ คือดวงไฟที่ลุกโชนจากโมเลกุลของก๊าซมีเทนที่เกิดจากการสะสมของซากเน่าเปื่อยของอินทรียสารในนาข้าว หรือท้องทุ่ง แต่มีนักวิชาการแย้งว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะก๊าซมีเทนในนาข้าว ไม่ได้มีปริมาณมากพอที่จะทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ และถ้าลุกไหม้จริง ก็จะปรากฎอยู่แค่บริเวณผิวหน้าของวัตถุ ไม่ได้ลอยขึ้นในอากาศหรือเคลื่อนที่ได้
และอีกอย่างคือ ในทางกายวิภาค ร่างกายของคนเรา เมื่อถอดส่วนหัวออกแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆ อย่างไส้ หัวใจ จะไม่ติดออกมาด้วย
ผีที่คล้ายกับกระสือ
ในตำนานผีกระสือ นอกจากกระสือไทยแล้ว มีกระสือในต่างชาติด้วย เช่น
- ในกัมพูชา เรียกว่า "เอิบ" หรือ "อ๊าบ"
- ในลาว เรียกว่า "กะสือ"
- ในเวียดนาม เรียกว่า "มาลาย"
- ในมาเลเซีย เรียกว่า "ฮันตูปินังกาลัน" หรือ "ปินังกาลัน"
- ในฟิลิปปินส์ เรียกว่า "มานานังเกล"
- ในญี่ปุ่น เรียกว่า "นุเกะ-คุบิ"
น่าสนใจมั้ยล่ะ ตำนานผีกระสือ ไม่ได้มีแค่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีในหลายประเทศมาก
ซึ่งในบทความต่อๆ ไป เราจะหาประวัติของผีนานาชาติเหล่านี้ มาฝากให้ได้อ่านกัน แล้วมาดูกันซิว่า เหมือนหรือแตกต่างจากกระสือไทยยังไงบ้าง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา