Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
27 ก.พ. 2019 เวลา 14:27 • กีฬา
เมื่อวานนี้ อาบู ดิยาบี้ ประกาศแขวนสตั๊ด ดิยาบี้คือตำนานในแง่จอมเจ็บ คนอะไรเจ็บได้รัวๆขนาดนั้น เราจะย้อนไปดูเรื่องราวของเขาอีกครั้งว่า ทำไมเจ็บขนาดนั้น แต่อาร์เซน่อลก็ยังต่อสัญญาเกือบสิบปี มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถ้าหากต้องทำข้อสอบหนึ่งข้อ เราตัดสินใจ กากบาท ก.ไก่ ด้วยความมั่นใจว่าต้องตอบถูกแน่ แต่พอเฉลยออกมา ปรากฎว่า มันเป็นคำตอบที่ผิด
สมมติว่า ถ้ามีโอกาสได้ทำข้อสอบข้อนี้อีกครั้ง คุณจะเลือกอะไร
ระหว่าง เปลี่ยนไปตอบชอยส์อื่น เพราะมีบทเรียนมาแล้ว
หรือ เต็มใจจะกามันชอยส์เดิมตามความรู้สึก แม้จะรู้แก่ใจว่าเป็นคำตอบที่ผิดก็ตาม
ยังจำ อาบู ดิยาบี้ กันได้ไหมครับ?
เด็กหนุ่มคนนี้ คือกองกลางพรสวรรค์ของฝรั่งเศส สื่อยกให้เขาเป็น ปาทริก วิเอร่า คนใหม่ ซึ่งจากคุณสมบัติทุกอย่างมันคือใช่เลย
ในวัย 18 ดิยาบี้มีครบทุกอย่างในตัว เขาสูง 192 เซ็นติเมตร ทางบอลสุดยอด มีความเร็วเกินกว่ากองกลางปกติ แถมยังคอนโทรลบอลได้อย่างนุ่มนวลอีกต่างหาก
ด้วยความมีเลือดเนื้อของชาวไอวอรีโคสต์ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง แต่การที่เติบโตในปารีส ทำให้เขาเรียนรู้ทักษะที่ดี จากระบบฟุตบอลฝรั่งเศส มันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว
ทุกอย่างรวมอยู่ในตัวคนเดียวแบบนี้ ไม่แปลกที่ทุกสโมสรจะรุมแย่งกัน
ดิยาบี้ แจ้งเกิดกับโอแซร์ ก่อนจะติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดเยาวชน
จากนั้นลงเล่นแค่ 1 ปี ก็มีทีมใหญ่มากมายสนใจอยากได้ตัว โดยเฉพาะอาร์เซน่อล และเชลซี แต่สุดท้าย ดิยาบี้ เลือกอาร์เซน่อล
ที่อาร์เซน่อล มีอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส และเคยมีนักเตะฝรั่งเศสหลายคนประสบความสำเร็จที่นี่ ดังนั้น นี่เป็นชอยส์ที่ดิยาบี้เลือกไม่ยากเลย
ในปี 2006 อาร์เซน่อล เซ็นสัญญา 3 ปีครึ่งกับดิยาบี้ พร้อมให้เสื้อหมายเลข 2 เบอร์ในตำนานของลี ดิ๊กซั่น กับเขาทันที เพราะความเชื่อใจในฝีเท้า
พอย้ายมาทีมปืนใหญ่ ด้วยพรสวรรค์ที่เด่นชัดขนาดนั้น เขาก้าวไปติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่อย่างง่ายดาย
ในตอนนั้นปาทริก วิเอร่า อายุ 30 ปีแล้ว แฟนๆเลส์ เบลอส์ ก็อุ่นใจว่าอนาคตจะมีดาวรุ่งมาสานต่อในตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน
สโมสรแฮปปี้ ทีมชาติแฮปปี้ ทุกคนดูแฮปปี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ทุกคนไม่เคยรู้ คือ ดิยาบี้ มีสภาพร่างกายไม่เหมือนคนปกติทั่วไป
เขาบาดเจ็บได้ง่ายมาก สามารถเจ็บได้ทุกส่วนของร่างกาย คืออาจไม่ได้พักยาวมาก แต่เจ็บถี่เหลือเกิน นี่เป็นเคสที่อาร์เซน่อล ไม่เคยเจอมาก่อน
ตั้งแต่เดือนมกราคม 2006 ที่ซื้อมาจนถึง ธันวาคม 2007 ระยะเวลา 2 ปี ดิยาบี้ บาดเจ็บถึง 6 ครั้ง
ข้อเท้า 3 ครั้ง, หัวเข่า 1 ครั้ง , แผ่นหลัง 1 ครั้ง และ ศีรษะกระทบกระเทือนอีก 1 ครั้ง
เมื่อถึงเดือนมกราคม 2008 สัญญาของดิยาบี้ เหลืออีก 1 ปีเศษๆ อาร์เซน่อลต้องตัดสินใจตอนนี้แล้วว่า จะต่อสัญญาออกไป หรือจะขายทิ้งให้กับทีมอื่น
อาร์แซน เวนเกอร์ หักลบแล้วคิดว่า นี่เป็นนักเตะพรสวรรค์ที่นานๆจะมี ดังนั้นควรจะเก็บเอาไว้ อาการบาดเจ็บ เดี๋ยวมันก็หาย คงไม่ได้เป็นกันบ่อยๆหรอก
แม้ดิยาบี้ จะเจ็บถึง 6 ครั้ง แต่เวนเกอร์ มองข้ามสัญญาณอันตรายไป เขาเชื่อในความรู้สึกตัวเองมากกว่า จึงตัดสินใจต่อสัญญาออกไป 4 ปี
แต่ปรากฎว่า เวนเกอร์คิดผิด เขาประเมินผิดไปหมด
อาการของดิยาบี้ ไม่ดีขึ้น หนำซ้ำเลวร้ายลงกว่าเดิม เขายิ่งเล่นยิ่งเจ็บ บางฤดูกาลลงไม่ถึง 20 เกมด้วยซ้ำ
ตั้งแต่ต่อสัญญา ในเดือนมกราคม 2008 จนถึง ธันวาคม 2009 ระยะเวลาอีก 2 ปี ปรากฎว่า ดิยาบี้คราวนี้ บาดเจ็บไปอีก 12 ครั้ง
ข้อเท้า 1 ครั้ง, เข่า 1 ครั้ง,ต้นขา 4 ครั้ง, น่อง 4 ครั้ง , ปวดช่องท้อง 1 ครั้ง, โคนขาหนีบ 1 ครั้ง
ดิยาบี้ ได้ลง 2-3 เกม แล้วก็เจ็บ วนเวียนไปอยู่อย่างนี้เป็นปี ลงเล่นช่วงสั้นๆ แล้วก็เจ็บ กลับมาลงอีกไม่กี่เกม แล้วก็เจ็บอีก
คือพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมจะมีความหมายอะไร ถ้าเขาไม่ได้ลงสนาม?
สองปีผ่านไป ปลายธันวาคม 2009 สัญญาของดิยาบี้ เหลืออีกราว 2 ปีเศษ อาร์เซน่อล ถึงทางแยกของการตัดสินใจอีกครั้ง
ดิยาบี้ อยู่ในวัย 23 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังแข็งแกร่ง ความฝันของอาร์แซน เวนเกอร์ คืออยากเห็นสามประสานสุดยอดในแดนกลาง ดิยาบี้-ฟาเบรกาส-อเล็กซ์ ซง ซึ่งเป็นเด็กรุ่นๆเดียวกัน เติบโตขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีม
ดิยาบี้ คือนักเตะพรสวรรค์ แต่ประวัติอาการเจ็บมันเห็นได้ชัดขนาดนั้น
บางทีปล่อยขายตอนนี้ยังได้ราคาดี ดังนั้นควรตัดใจขายเลยหรือไม่ จะเอายังไงดีนะ
หลังจากพิจารณาให้ดี ปรากฎว่า เป็นอีกครั้งที่เวนเกอร์ไม่เข็ด เขาขอเสี่ยงต่อสัญญากับดิยาบี้อีกรอบ คราวนี้ต่อกันยาวจนถึงปี 2015
ซึ่งเหตุการณ์ มันก็ซ้ำรอยเดิมทุกอย่าง พริบตาที่เซ็นสัญญาไม่ถึง 1 เดือน ดิยาบี้ก็เจ็บน่อง ตามด้วยเจ็บเข่า และเจ็บน่องอีกรอบ
ตลอดสัญญาของเขา เดือนมกราคม 2010 ถึง เดือนธันวาคม ปี 2014 ดิยาบี้ บาดเจ็บไปอีก 24 ครั้ง
กายภาพบำบัดแล้ว กายภาพบำบัดอีก เจ็บแล้ว เจ็บอีก ใน 2 ปีหลังสุด เขาลงให้กับทีมแค่ 83 นาทีเท่านั้น
กลายเป็นว่า การเซ็นสัญญาครั้งล่าสุด ทีมต้องจ่ายค่าเหนื่อย และค่ารักษาพยาบาลไปฟรีๆ ไม่ได้อะไรกลับคืนมาจากนักเตะเลย
เท่าที่มีการจดบันทึกไว้ รวมแล้ว 9 ปีที่อยู่กับสโมสร ดิยาบี้ บาดเจ็บไป 42 ครั้ง
เข้าสู่เดือนเมษายน 2015 สัญญาของดิยาบี้ เหลืออีกแค่ 2 เดือนเท่านั้นจะหมดลง เจ้าตัวเจรจาขอเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอาร์เซน่อล
และเวนเกอร์ก็ต้องตัดสินใจเป็นครั้งที่ 3
ในวัย 28 ปี ดิยาบี้ กำลังอยู่ในช่วงพีคของนักฟุตบอล นอกจากนั้น เขาเป็นคนที่อยู่กับทีมมานาน และมีภาพลักษณ์ของนักเตะผู้พยายามจะคัมแบ็กกลับมาให้ได้
ที่สำคัญ นี่เป็นนักเตะที่เวนเกอร์มั่นใจจริงๆ ว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ เขาเสียดาย ถ้าสุดท้ายต้องปล่อยไปแบบนี้ คือเชื่อมั่นกันมา 9 ปีแล้ว จะมาเปลี่ยนใจอะไรตอนนี้
แต่บทเรียนจากการเซ็นสองครั้งแรก มันตำตาอยู่ คนที่มันเจ็บถี่ขนาดนั้น มันจะหายกลับมาได้จริงๆหรือ?
ถ้าเซ็นไป ไม่เท่ากับว่าทีมต้องเสียเงินฟรีๆอีกรอบหรืออย่างไร
ตลอด 9 ปี กับอาร์เซน่อล ดิยาบี้ ลงในพรีเมียร์ลีกไป 124 นัด เฉลี่ยปีละ 13 เกม มันน้อยเกินกว่าจะรับได้
และหลังจากคิดคำนวณ ท้ายที่สุด เวนเกอร์ ก็ต้องยอมรับความจริง แล้วปล่อยดิยาบี้ไปตามทาง ปิดเรื่องราว 9 ปี กับสโมสรไว้เพียงแค่นี้
จากนั้น ดิยาบี้ ไปเซ็นสัญญากับโอลิมปิก มาร์กเซย และมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เวนเกอร์ ตัดสินใจถูก
ดิยาบี้ เจ็บหนักต่อเนื่องอีก ทำให้ในช่วง 2 ปี กับมาร์กเซย เขาได้ลงเล่นแค่ 6 เกมเท่านั้น และโดนปล่อยตัวในที่สุด
ปัจจุบัน ดิยาบี้ ประกาศแขวนสตั๊ด ในวัย 32 ปี ซึ่งก็เข้าใจได้ ไม่มีทีมไหนกล้าเสี่ยงอีกแล้ว
สำหรับเวนเกอร์ นี่เป็นเรื่องที่เขาปวดใจที่สุด แต่เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
"นี่คือหนึ่งในเรื่องที่ผมเสียใจที่สุด เพราะอาการบาดเจ็บมันพรากความสุดยอดไปจากตัวดิยาบี้"
"เด็กคนนี้มีพรสวรรค์มากจริงๆ ที่ฝรั่งเศส ถ้าเขาฟิตสมบูรณ์ เขาเป็นตัวจริงทีมชาติแน่นอน ดังนั้น มันน่าเศร้าที่ทุกอย่างต้องจบลงแบบนี้"
1
ถึงแม้จะเศร้า จะเสียใจ แต่สุดท้ายเวนเกอร์ ก็ต้องตัดสินใจ
แน่นอน เขาเจ็บที่ต้องปล่อยนักเตะที่เขาเชื่อมั่นมาตลอด 9 ปี แต่เขาก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ว่าทุกอย่างมันต้องจบเพียงแค่นี้
ผมเชื่อว่าคนทุกคนมีโอกาสตัดสินใจพลาดได้ทั้งนั้น
แต่เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องเดิมอีกครั้งจะเป็นเครื่องพิสูจน์เราว่า จะเลือกหัวใจ หรือ เหตุผลมากกว่ากัน
อาร์เซน่อล ในปี 2008 พวกเขาไปต่อสัญญากับดิยาบี้ ทั้งๆที่นักเตะมีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง
จากนั้นปี 2009 ก็ยังไม่เข็ดไปต่อสัญญาอีกรอบ เพราะหวังลมๆแล้งๆ ว่านักเตะจะกลับมาเล่นดี ทั้งๆที่สัญญาณอันตรายมันเตือนอยู่ทนโท่ขนาดนั้น
ดังนั้น พอในปี 2015 เมื่อทีมปืนใหญ่ มีโอกาสอีกครั้ง ว่าจะเซ็นสัญญาต่อไปอีกหรือไม่ คราวนี้พวกเขาไม่ทำผิดซ้ำอีกแล้ว ...
ภาษาอังกฤษมีสำนวนว่า First time is a mistake, Second time is a choice
ครั้งแรก พลาดกันได้ แต่ครั้งที่ 2 คือคุณเลือกแล้วว่าอยากให้มันเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าสวรรค์ประทานโอกาสให้กับคุณอีกครั้ง ให้แก้ไขในสิ่งที่เคยพลาดไป
เลือกให้ดี ว่าจะกากบาทชอยส์เดิม เพื่อเจ็บเหมือนเดิมหรือเปล่า?
#Arsenal #Diaby #Wenger
9 บันทึก
197
3
25
9
197
3
25
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย