นายกลับ คำทอง หารู้ไม่ว่าตำรวจอยู่ใกล้ตัวเเค่เอื้อม คงทำงานไปไม่สนใจอะไร เขามองดูต้นไม้สูงใหญ่เดินผ่านตำรวจไม่เกิน ๒ วา แต่ไม่มีตำรวจเห็น นายเจิมคงรำคาญเต็มทน จึงลุกขึ้นชันเข่าประทับปืนลูกซองเบรานิงยิงออกไป ๒ นัด แต่ไม่โดน นายกลับหันมามองแว๊บเดียวแล้วหันหลังวิ่งทันทีคราวนี้ตำรวจทุกคนเห็นนายกลับเเล้ว ทุกคนไล่กรวดเป็นเเถวหน้ากระดาน โดยมีพลฯ จำเนียรอยู่สุดแถวทางขวา มีพลฯ หาญอยู่ทางซ้าย พอวิ่งไปถึงปลายสวน พวกที่อยู่กลางแถวไปติดกอไผ่และยังมีคอกควายเก่าอยู่อีกด้วย พลฯ บุญวิ่งกระหนาบเข้าข้างซ้าย พลฯ จำเนียรวิ่งกระหนาบเข้ามาทางขวา นายกลับวิ่งวนไปมา แล้วล้มลงนอนหงายท้อง ชักมีดพกออกมาถือยันเอาไว้ไม่ให้พวกตำรวจเข้าไปใกล้ ด้วยการหมุนตัวไปรอบๆ พอได้จังหวะก็ลุกขึ้นวิ่งหนี ชนพลฯ บุญล้มลง แล้ววิ่งต่อไปถึงลำห้วยนายกลับกระโดดลงไป ในห้วยมีน้ำเพียงแค่ศอกจึงวิ่งลุยได้สบาย ทั้งคนร้ายทั้งตำรวจวิ่งลุยน้ำอยู่ในห้วย
นายกลับเตรียม วกขึ้นตลิ่ง พลฯ จำเนียรส่องด้วยปืนพระรามหกในระยะห่างเพียง ๒ วา ถูกตรงสะบัก ล้มหงายตึงลงมายังห้ายที่มีหาดทราย แล้วจู่ๆ นายกลับก็หายไปต่อหน้าเฉยๆ โดยไม่มีร่องรอย ขุนพันธ์เข้าใจว่า คนร้ายอาจหนีกลับไปบ้านของตนเพื่อเอาปืนและเครื่องรางฯ จึงนำกำลังกลับไปที่บ้านนายกลับ เจอเข้ากับลูกเลี้ยงจึงใช้ขึ้นไปเอาเครื่องรางลงมาให้ เพราะตำรวจไม่รู้ที่ซ่อน แต่ลูกเลี้ยงไม่ยอมเพราะกลัวนายกลับฆ่าเอาทั้งเเม่ทั้งลูก ขุนพันธ์จึงสั่งลูกน้องทั้งสี่คนขึ้นไปค้น แต่ค้นถึง ๓ เที่ยวก้ไม่เจอจึงพากันกลับโรงพัก ก่อนกลับได้กำชับว่าจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า เพื่อสอบถามเอาความจริง