2 มี.ค. 2019 เวลา 10:22 • ประวัติศาสตร์
Atlas Story : โคลัมบัสค้นพบทวีปใหม่
แต่ทำไมถึงชื่อ "อเมริกา"
(ตอนจบแล้วนะ) 😅
ถ้าพูดถึง "เอเชีย" คุณจะนึกถึงอะไรครับ ?
ไม่ว่าผู้คนในศตวรรษที่ 21 จะมองทวีปนี้เป็นอย่างไร
แต่สำหรับชาวยุโรปในศตวรรษที่ 15
"เอเชีย" คือดินแดนแห่งความมั่งคั่งครับ
ทั้งทองคำเอย เครื่องประดับเอย เครื่องเทศเอย
สิ่งเหล่านี้คือภาพในหัวของชาวยุโรป
ตามคำพรรณาของนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่
ในยุคก่อนหน้าอย่าง มาร์โค โปโล
และเมื่อข่าวประกาศไปทั่ว
ว่าโคลัมบัสค้นพบเส้นทางเดินเรือใหม่ไปอินเดีย
เหล่าเชื้อพระวงศ์ นักบวช ขุนนาง และพ่อค้า
ต่างก็รีบมาดูสิ่งที่โคลัมบัสนำกลับมา
หวังว่าจะได้พบอัญมณีมีค่า เครื่องเทศนานาชนิด หรือนกยูงตัวเป็นๆ
ต่อให้ไม่ใช่อินเดีย ก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่บ่งบอกถึงความเป็น "เอเชีย"
จะเป็นทองคำ ผ้าไหม เครื่องลายคราม หรืองาช้าง อะไรก็ได้
1
แต่สิ่งที่ได้พบเห็น
กลับเป็น พืชประหลาดที่ใบใช้สูบได้
พืชประหลาดที่มีลำต้นเป็นปล้อง
หากนำมาคั้นจะให้รสหวาน
และนกประหลาดที่มีสีสันสดใส
มีจงอยปากที่สั้นหนา
ไม่เคยมีชาวยุโรปคนใดเคยพานพบสิ่งประหลาดเช่นนี้มาก่อน !
ใช่ครับ สิ่งที่โคลัมบัสนำกลับมา
คือใบยาสูบ อ้อย และนกแก้ว
สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าชาวยุโรปล้วนรู้สึกผิดหวัง
จนเริ่มตั้งคำถามกันว่า
ดินแดนที่โคลัมบัสเดินทางไป มันใช่ "เอเชีย" จริงๆรึเปล่า ?
ทวีปอเมริกา แผนที่โลกใหม่ ที่มา Wikipedia
..
แต่โคลัมบัสก็ยังได้รับพระราชูปถัมภ์จากพระเจ้าเฟอร์ดินานด์
กษัตริย์แห่งสเปน ให้เดินทางไปสู่ดินแดนที่เขาเรียกว่า "อินเดีย" เป็นครั้งที่สอง
แถมครั้งนี้มีลูกเรือถึง 1,500 คน
สร้างความอิจฉาให้เหล่าขุนนางชาวสเปนแท้หลายต่อหลายคน
ที่ต่างสร้างเรื่องครหาโคลัมบัสว่าขุนนางชาวอิตาลีคนนี้เป็นจอมลวงโลก
ซึ่งจริงๆแล้วตัวโคลัมบัสเองก็นึกหวั่นๆอยู่ในใจเหมือนกัน
ว่าดินแดนที่ตัวเองพบเป็นอะไรกันหว่า
ต่อให้ไม่ใช่อินเดีย มันก็คือสักแห่งในทวีปเอเชียนั่นแหละน่า
1
ความกดดันจากคำครหาทำให้เขาสั่งให้เหล่าลูกเรือทุกคนกล่าวคำสาบานว่า
ดินแดนที่ได้เหยียบย่าง และสำรวจอยู่นั้น
ก็คือ ทวีปเอเชีย
และภารกิจที่พวกเขาต้องทำก็คือ
การหาให้พบว่า จักรพรรดิข่าน
หรือมหาราชาแห่งอินเดียอยู่ที่ใดในดินแดนแห่งนี้
ปฏิบัติการดั้นด้นค้นฟ้าคว้าเอเชียจึงเกิดขึ้น !
โคลัมบัสกลับไปยังเกาะที่เคยสำรวจค้างไว้
คือ ฮิสแปนิโอลา (Hispaniola)
ซึ่งปัจจุบันคือเกาะในทะเลแคริบเบียน
เป็นดินแดนของประเทศเฮติ
และสาธารณรัฐโดมินิกัน
แผนที่เกาะฮิสแปนิโอลา โดยช่างแผนที่ชาวฝรั่งเศส ที่มา Wikipedia
และเลยไปสำรวจยังเกาะคิวบา
เกาะขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
ซึ่งโคลัมบัสเชื่อมั่นว่า
ต้องเป็นแหลมแห่งหนึ่งในทวีปเอเชียแน่ๆ
แต่จนแล้วจนรอด
ก็ไม่มีวี่แววของอารยธรรมจีน
หรืออินเดียเล็ดลอดออกมาเลย
ไม่มีเครื่องลายคราม ไม่มีทองคำ
ไม่มีศาลเจ้า ไม่มีเทพเจ้า
ไม่มีอะไรทั้งนั้น
มีแต่ชาวเกาะ มีแต่อ้อย นกแก้ว และยาสูบ
โคลัมบัสเดินเรือไปเกาะแล้วเกาะเล่าจนล้มป่วย
จึงต้องรีบเดินทางกลับสเปน
แต่ก็เหมือนเดิม
แม้เขาจะกลับมาพร้อมกับของแปลกใหม่
แต่ก็ยังไม่มีใครต้องการ 😢
ความผิดหวังค่อยๆสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้โคลัมบัสจะได้เดินทางมาดินแดนใหม่
เป็นครั้งที่สาม
แต่ความผิดหวังและความไม่เชื่อใจขุนนางต่างชาติของเหล่าลูกเรือก็รวมกันมากขึ้น
จนกลายเป็นกบฎต่อต้านโคลัมบัสในที่สุด
ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของกษัตริย์สเปน
โคลัมบัสในเวลานั้นจึงมีความหยิ่งผยองอยู่ในตัวพอสมควร
เขาจึงตอบโต้
ด้วยการให้ทหารยิงลูกเรือและชาวเกาะฮิสแปนิโอลาที่ต่อต้านเขาทุกคน !
สร้างความแค้นเคืองให้ฝ่ายพ่ายแพ้จนต้องกราบทูลร้องเรียนต่อกษัตริย์สเปน
และผลที่ได้คือ
เขาไม่ได้รับอนุญาต
ให้กลับไปเยือนเกาะฮิสแปนิโอลาอีกเลย !
..
การเดินทางครั้งที่ 4
ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของโคลัมบัส
เขาไปเยือนยังดินแดนปานามา ซึ่งอยู่บริเวณตอนกลางของทวีปอเมริกา
และหมู่เกาะบริเวณรอบๆทะเลแคริบเบียน
แล้วก็เหมือนทุกๆครั้ง
เป็นการเดินทาง
ที่ไม่พบอะไรมากไปกว่าเดิมเท่าไหร่ 😥
1
โคลัมบัสกลับสเปนพร้อมสุขภาพกายที่ย่ำแย่
ส่วนสุขภาพใจก็แปรปรวนจนพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ทรงไม่พอพระทัย
และรับสั่งให้โคลัมบัสเกษียณอายุการทำงาน
และไม่มอบตำแหน่งใดๆให้อีกเลย
ชีวิตของนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่
จึงเข้าสู่ช่วงบั้นปลายที่ขมขื่น
แล้วนักเดินทางผู้นี้ก็จากไปในปี ค.ศ. 1506
โดยความเชื่ออย่างสนิทใจว่าดินแดนที่เขาไปเยือนคือ "อินเดีย"
..
ตลอดการเดินทางทั้ง 4 ครั้ง
โคลัมบัสค้นพบเพียง "เงา"
ของผืนแผ่นดินที่มีขนาดใหญ่เท่าทวีป
1
เขาเดินทางไปเยือนเกาะนับร้อยนับพันแห่ง
มีผืนแผ่นดินบ้างเล็กน้อยบริเวณตอนกลางทวีป
และบริเวณปากแม่น้ำโอริโนโค
(ปัจจุบันอยู่ในเวเนซุเอลา)
ซึ่งเขาเชื่อว่าต้องไหลมาจากใจกลางแผ่นดินใหญ่
1
จะว่าไปก็เหมือนบุญมี แต่กรรมบัง
โคลัมบัสไม่เคยได้สัมผัสผืนแผ่นดินใหญ่แบบเต็มๆเลยซักครั้ง
ไม่เคยสัมผัสดินแดนเม็กซิโก สหรัฐ แคนาดา หรือบราซิลในปัจจุบัน
1
สถานที่ที่เขาไปเยือนคือเกาะ แหลมเล็กๆ ปากแม่น้ำ และเกาะเล็กเกาะน้อยเท่านั้น
ซึ่งนั่นก็เป็นปริศนา
ที่ทำให้นักสำรวจรุ่นต่อมาต่างคิดว่า
แผ่นดินใหญ่นั้นอาจมีอยู่จริง
และไม่ใช่แผ่นดินที่โคลัมบัสเรียกว่า "อินเดีย"
..
ไม่กี่เดือนหลังจากการเสียชีวิต
ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
นักสำรวจ 3 คน
สองคนเป็นนักทำแผนที่ชาวเยอรมัน
และหนึ่งคนเป็นนักเดินเรือชาวอิตาเลียน
ได้สำรวจดินแดนใหม่นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
1
เมื่อรวบรวมกับข้อมูล
ของนักเดินเรือชาวอังกฤษและโปรตุเกส
ซึ่งเดินทางมาค้นพบชายฝั่งแคนาดาทางตอนเหนือ
1
ทั้งสามคนได้ร่างแผนที่ของดินแดนใหม่ขึ้นมา
ซึ่งรวมดินแดนชายฝั่งทางตอนเหนือ
กับดินแดนของโคลัมบัสทางตอนใต้
เข้ามาไว้เป็นดินแดนเดียวกัน
และระบุว่า นี่คือผืนแผ่นดินขนาดใหญ่
ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างยุโรปกับเอเชีย
เป็นทวีปใหม่แห่งที่ 4 ของโลกใบนี้ !
1
นักทำแผนที่เยอรมัน
ได้นำชื่อของนักเดินเรืออิตาเลียน
ซึ่งเป็นคนแรกที่ตระหนักว่าน่าจะมีทวีปแห่งใหม่
มาใช้เป็นชื่อทวีป
1
ชื่อภาษาละตินของเขาคือ
"อเมริโก เวสปุชชี" (Amerigo Vespucci)
อเมริโก เวสปุชชี ที่มา Wikipedia
ภาษาละตินเป็นภาษาที่มีสองเพศครับ
(ภาษาในยุโรปที่มีรากมาจากละตินส่วนใหญ่ก็จะมีสองเพศ)
โดยคำที่จะมาใช้เป็นชื่อทวีป
ต้องเป็นคำเพศหญิงเท่านั้น
เหมือนยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
ที่ต่างก็เป็นชื่อของผู้หญิง
(อ่านเรื่องราวของยุโรปกับเอเชียได้ในเพจครับ
เคยเขียนไว้แล้ว)
1
ดังนั้น อเมริโก จึงถูกเปลี่ยนเป็น "อเมริกา (America)" ในที่สุด
3
แล้วแผนที่โลกฉบับใหม่ก็ได้รับการตีพิมพ์
ในปี ค.ศ. 1507
1 ปีหลังการจากไปของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
1
แผนที่โลกในปี ค.ศ. 1507 ที่มา Wikipedia
มีทวีปยุโรป เอเชีย แอฟริกา และ "อเมริกา"
เด่นเป็นสง่าอยู่บนดินแดนใหม่ครับ
..
1
ส่วนชื่อโคลัมบัส แม้จะไม่ได้ใช้เป็นชื่อทวีปใหม่
แต่ชื่อของเขาก็ยังถูกนำมาใช้ตั้งชื่อดินแดนต่างๆ ทั่วทวีปอเมริกา
เพื่อเป็นการให้เกียรติแด่ผู้ค้นพบครับ
Columbus เป็นชื่อเมืองในรัฐ โอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
Colon ชื่อภาษาสเปนของโคลัมบัส
เป็นชื่อเมืองในประเทศปานามา
Colombia เป็นชื่อประเทศในอเมริกาใต้
British Columbia เป็นชื่อจังหวัดในประเทศแคนาดา
District of Columbia (D.C.)
เป็นชื่อบอกเขตที่ตั้งเมืองหลวงของสหรัฐฯ
กรุง Washington, D.C. ครับ 😁
...
ขอบคุณที่ร่วมเดินทางกันมาถึงตอนนี้นะครับ
ขออภัยที่มาช้าไปพอสมควร 🙇
ตอนหน้าๆก็จะมาเล่าให้ฟังอีกครับว่า
อ้อยกับยาสูบ สิ่งที่ชาวยุโรปไม่ได้เห็นคุณค่าในตอนแรก
แต่ภายหลังสองสิ่งนี้แหละครับ
ที่จะก้าวมาเปลี่ยนโฉมหน้าของประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล...
อ้างอิง
1. สุดยอดนักผจญภัย, ศ.ดร. สุทัศน์ ยกส้าน, สำนักพิมพ์มติชน
2. Atlantic, Simon Winchester
3. Windows of the World, Spain.
4. Windows of the World, Italy.
5. ประวัติศาสตร์สากล, พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ
โฆษณา