.
หยวนซื่อไข่ บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชาติจีน ผมเองได้อ่านหนังสือเรื่องซุสีไทเฮา ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้ ซูสีไทเฮาได้กล่าวถึงหยวนซื่อไข่ ว่าเป็นคนที่มีน้ำใจโลเล ส่วนกวังซวี่ฮ่องเต้ ก็เกลียดหยวนซื่อไข่ยิ่งกว่าอะไรดี ถึงขั้นไม่ยอมขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันกับหยวนซื่อไข่ตอนที่เสด็จกลับปักกิ่ง แถมก่อนตายยังได้เขียนจดหมายระบายความในใจ ก็ยังไม่พ้นที่จะประณามหยวนซื่อไข่ ว่า
.
พระองค์ได้รับความทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ก็เพราะหยวนซื่อไข่
.
หยวนซื่อไข่ บุคคลที่เติบโตมาในสายงานทหารจนได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นนายพลมีกองทัพ กวังซวี่ฮ่องเต้เชื่อใจในฝีมือถึงขั้นมีโองการลับให้หยวนซื่อไข่ช่วยกำจัดหยงลู่ แต่หยวนซื่อไข่ผู้สับหลอกก็ได้คาบข่าวไปบอกหยงลู่ ชู้รักซูสีไทเฮา ทำให้การปฏิรูปของกวังซวี่ฮ่องเต้สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1898 เรียกกันว่าปฏิรูปร้อยวัน แถมยังไม่พอชีวิตของฮ่องเต้นักปฏิรูปองค์นี้ต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต
.
ช่วงปลายยุคการปกครองของซูสีไทเฮา กลุ่มชาวจีนหัวก้าวหน้าทั้งหลายพยายามเคลื่อนไหวการปฏิวัติประเทศและล่มล้างราชวงศ์ชิง ซึ่งนับวันจะสาละวันเตี้ยลง โค้งตกคลอง คนที่โดดเด่นที่สุดก็คือซุน ยัดเซ็น การเคลื่อนไหวของซุน ยัดเซ็นและพวก มีมาอย่างต่อเนื่องและในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเมื่อปี 1911 เรียกว่าการ "ปฏิวัติซินไฮ่" ซึ่งใครเคยดูหนัง 1911 ใหญ่ผ่าใหญ่ คงทราบกันดี เมื่อหลงยู่ไทเฮา ไทเฮาองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิงและแผ่นดินจีน ประกาศสละราชย์สมบัติ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1912 เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์ชิง และการปิดฉากการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของแผ่นดินจีน ที่มีมาถึง 2,000 กว่าปี
.
ซึ่งช่วงราชสำนักชิงในยุคปูยีเป็นฮ่องเต้นั้น แม่ทัพที่มีบทบาทและอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งก็หนีไม่พ้น หยวนซื่อไข่ และหมอนี้ก็เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง จนนำมาซึ่งการประกาศสละราชสมบัติของหลงยู่ไทเฮา
.
ความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้ซุน ยัดเซ็น ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และหยวนซื่อไข่ ก็ได้นั่งเป็นประธานาธิบดีแทน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1912 ตามข้อตกลงที่ฝ่ายหยวนซื่อไข่และฝ่ายปฏิวัติได้เจรจาตกลงกันก่อนหน้านั้น ถ้าหยวนซื่อไข่สามารถบีบบังคับให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติได้ ตำแหน่งประธานาธิบดีก็จะตกเป็นของหยวนซื่อไข่
.
ผมได้ดูหนัง 1911 ใหญ่ผ่าใหญ่ ตอนที่หยวนซื่อไข่ตัดผมเปียต่อหนังสื่อมวลชนทั้งจีนและเทศแล้ว ก็รู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย เพราะหยวนซื่อไข่บอกว่าตัดช้าๆ ค้างไว้นานๆ นี้คือภาพประวัติศาสตร์
แต่จอมทรยศอย่างหยวนซื่อไข่นั้น เขาไม่ได้อยากเป็นแค่ประธานาธิบดีนะครับ เพราะหยวนซื่อไข่ได้วางแผนกำจัดฝ่ายปฏิวัติซะเกลี้ยง จนสามารถคุมอำนาจรัฐบาลได้อย่างเบ็ดเสร็จ