6 มี.ค. 2019 เวลา 07:39 • ท่องเที่ยว
Cape Town, South Africa เมืองสวยครบสูตร
แอร์ป้าจะพาไป เที่ยวง่าย จ่ายน้อย นั่งกระเช้า ขึ้นดอย ชมวิว จิบไวน์🍷...คำขวัญเบาๆ จากแอร์ฯ
เที่ยวเมืองเคปทาวน์ ประเทศ แอฟริกาใต้ ฉบับลูกเรือ เนื่องจาก เป็น Flight on Duty แต่ดันโชคดี ได้มีวันหยุด 1 วัน เลยได้แพลนเที่ยวกันยาวไป...เอ้าลุย!
มาดูกันว่า เที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน จะไปไหนได้บ้าง สั้นแค่เนี๊ยะ! ดังนั้นไม่พูดมากเจ็บคอ เพราะเราจะไม่นอน เที่ยวก่อนแล้วค่อยว่ากัน ....👀
แอร์ป้ามี Roommate เป็นเพื่อนสาวชาวแอฟริกาใต้ ดังนั้นทริปนี้จึงมีแต่เนื้อเน้นๆ ไม่น้ำ เพราะเพื่อนสาวได้บรีฟไว้อย่างดิบดี ต้องไปที่นั่นที่นี่ จนก่อนออกจากห้อง ก็พูดส่งท้าย "อย่าลืมนะยูววว ต้องไปที่บอกให้ได้นะ ห้ามลืม"!!!
ซึ่งหลังจากปิดประตูเดินออกมาก็ลืมหมด จำได้อย่างเดียวคือ กวิ้น กวิ้น และกวิ้นนนน🐧 คือแอร์ป้าอยากดูแพนกวิ้นมากกกกกก......... กอไก่ล้านตัว จะต้องไปดูให้ได้คือคิดไว้แล้ว ไม่ไปที่เพื่อนบอกได้ แต่ไม่ไปหา กวิ้น ไม่ได้!
แต่สุดท้ายจะได้ดูไหม เดี๋ยวได้รู้กัน....
เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ หากหลับตานึกถึง ภาพที่เห็นคงไม่พ้นคนผิวสี แต่ความเป็นจริงแล้ว เมืองนี้มีความหลากหลายทางชนชาติ มีทั้งคนผิวขาว ผิวสี และผิวสีผสม
บ้านเมืองที่เจริญ และก้าวหน้าไม่แพ้ที่ไหนในโลก สวยงาม และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
ธรรมชาติที่สวยงาม จนไม่เป็นรองใคร ที่ผู้คนต่างเดินทางมาเพื่อจะได้เห็นกับหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางธรรมชาติ อย่าง "Table Mountain"
สภาพอากาศดีที่ มีหมดทุกฤดู ทั้งหนาว ร้อน ฝน ร่วง ผลิ
มีหน้าหนาว ให้พอหนาว จิบไวน์พอให้อุ่น ไม่ถึงกับหิมะตกหนาวจนสั่น หากนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ลองนึกถึง ซิดนีย์ ออสเตรเรีย ก็คงใกล้เคียง เพราะเส้นละติจูดที่อยู่ในตำแหน่งใกล้กัน
การเดินทาง สามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ คือรสบัส ที่เป็นที่นิยมกัน และรสบัสแดงสำหรับนักท่องเที่ยว แบบ Hop-on/Hop-off
แต่ที่อยากแนะนำหากไปกันหลายคนคือเช่ารถส่วนตัวจะดีกว่า แบบที่มีคนขับด้วยจะยิ่งดี เพื่อความสะดวก และความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เริ่มจาก Table Mountain หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางธรรมชาติ
ภูเขาทรงตัด รูปโต๊ะ สมตามชื่อ
Table mountain เป็นภูเขาทรงตัดที่มีความเก่าแก่ และสำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงถูกจัดให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ แอฟริกาใต้ หรือ "Table Mountain National Park"
มีความสูงถึง 1,086 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งสูงขนาดนี้ แปลว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนของ เคปทาวน์ คุณจะต้องมองเห็นสิ่งนี้ไม่จากมุมใดก็มุมหนึ่งแน่นอน
Table Mountain มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจมาก เพราะเกิดจากหินหลายชนิด ผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยา และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมายาวนานกว่า 800 ล้านปี จนกระทั่งปรากฏเป็นภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ที่เราเห็น
ส่วนฐานของ Table Mountain เป็นชั้นหินดินดานซึ่งเกิดจากการสะสมตะกอนน้ำทะเลและมีหินอัคนีซึ่งเกิดจากการแทรกตัวขึ้นมาของหินหนืดหรือ แมกมา
ส่วนด้านบนเป็นชั้นหินทรายตะกอนแม่น้ำ และเมื่อประมาณ 280 ล้านปีที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้ บริเวณนี้ถูกยกตัวขึ้น และได้เกิดกระบวนการผุพัง และถูกกัดกร่อนโดยลมและฝนเป็นระยะเวลาหลายร้อยล้านปี จนเป็นภูเขายอดตัด ที่เห็น ก็เป็นเช่นนี้แล....
สรุป หากมาถึงเคปทาวน์ แต่ไม่ได้มาถึงที่นี่ นั่นแปลว่าคุณยังมาไม่ถึงจริงๆ คือต้องมา ห้ามพลาด It's a must!!
ส่วนการเดินทางขึ้นมาบนยอดเขานี้ มาได้โดยนั่งกระเช้าใส ที่หมุนได้รอบตัว 360°c ชมวิวชิมลางกันเพลินๆ ก่อนจะได้ไปเจอวิวของจริง ที่เป็นที่สุดของเมืองนี้แล้ว
แต่ก่อนจะขึ้นมา เตรียมตัวให้พร้อม ใครสายชิล ชอบนั่งกินลมชมวิว นั่งได้ตั้งแต่เช้าจนเย็น ทำตัวเหมือนจะมาปิ๊กนิก พกเสื่อ ขนม นม เนย แซนด์วิช และจิบไวน์...จัดมาให้พร้อมเพราะข้างบนนี้ไม่มีขาย
หากจิบไวน์ จนเบื่อ จะมานั่งจีบกัน ก็ไม่มีใครว่า ก็เพราะบรรยากาศมันพาไป 🤭
แต่อย่าลืมเช็คตารางรถกระเช้าให้ดี รอบเช้า จนเย็น รอบสุดท้าย คือ ไม่เกินตะวันตกดิน
แสงสุดท้าย ของตะวันตกดิน สวยจนแสบตา เป็นสัญญาณว่ารีบเตรียมตัวกลับได้แล้วเด้ออ
เมื่อขึ้นมาถึงข้างบน ที่สุดของวิวที่คุณจะได้เห็น คือเมืองทั้งเมืองของเคปทาวน์ ได้อยู่ตรงหน้าของคุณแล้ว! จะมีสักกี่ที่บนโลกนี้ ที่จะมีจุดชมวิวจากธรรมชาติ ที่สามารถมองเมืองได้จากทุกทิศทาง
บนภูเขาจะมีจุดชมวิว และจุดถ่ายรูป เป็นเนินบ้าง ชันบ้าง สะพานบ้าง แต่ไม่น่ากลัวววว รับรองโดยแอร์ป้าผู้กลัวความสูงเป็นชีวิตจิตใจ ที่ขึ้นมาก็รอด!
มาถึงแล้วก็ถ่ายรูปกันให้พอใจจนแบตหมด เก็บความทรงจำไว้ให้ได้มากที่สุด ลูบคลำหินร้อยล้านปี นั่งกันให้พอใจ เพราะคงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ลงไปเกิดนึกเสียดายขึ้นมา จะเดินกลับขึ้นมาถ่าย ก็คงไม่สนุกแน่ๆ
ช่วงเวลาที่แนะนำให้มา คือช่วงปลายปี ถึง ต้นปี เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี เย็นสบาย แต่หากให้แนะนำที่ดีที่สุด คือ ช่วงเดือน พฤศจิกายน อุณหภูมิ อยู่ที่ 10ปลาย ถึง 20 องศา°c ต้นๆ พอสบายใส่เสื้อตัวเดียวได้ ไม่ต้องใส่หนาจนเป็นหมี แต่หากใครชอบก็ไม่ว่ากัน เช็คอุณหภูมิก่อนมาดีที่สุดเด้อออ
เมื่อมาถูกเวลา ทุกอย่างก็จะดี อากาศดีที่ลมพัดโกรก เย็นสบาย จิบไวน์ก็เพลิน..
แต่หากมาผิดเวลาหน้าร้อน คงไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องขึ้นมาสูงขนาดนี้ ก็คงร้อนตับแตกผิวไหม้ไปถึงไหนๆ
(ที่จริงแค่ไม่ต้องมา ก็โดนเผามาแล้วตั้งแต่เมืองไทย -"-) ดังนั้นเช็คอีกทีให้ชัวร์ เพราะโลกมันร้อนขึ้นทุกวัน
ที่เตือนเรื่องนี้เพราะ ความผิดพลาดเกิดขึ้นกันได้ มีเพื่อนลูกเรือที่มาด้วยกัน บินจนมึน จัดกระเป๋ามามีแต่เสื้อกันหนาวแบบ ติดลบ 10 องศา!!
ฮืออออ คือสงสารนางมาก แต่ให้ทำไงเราก็เป็น Minimalism คือ น้อยๆนิยมอะไม่พกเยอะ หนัก (เอามาแค่ 2 ชุด จริงๆ👀) เพราะเน้นแต่ของกิน จนล้นกระเป๋า😂
สุดท้ายก็แก้ไขกันไป โดยพานางไปชอปปิ้งซื้อเสื้อใหม่ เลยรอดตัวไปหายห่วง
ไปต่อกันที่ Camps Bay ชายหาดสวยงามอันแปลกตา
ชายหาด Camps Bay เป็นอีกหนึ่งใน ลิสที่เพื่อนสาวแนะนำให้มา และสั่งให้ไปกินร้านนู่นร้านนี้ เยอะแยะเต็มไปหมด จนสุดท้ายไปจบที่ร้านไหนก็ไม่รู้ เพราะงงไปหมด ร้านเยอะเหลือเกิน...
ที่แห่งนี้จัดว่าอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง เหมือนเป็นหาดในเมืองก็ว่าได้ ดังนั้นการเดินทางมาได้ไม่ยาก เปิด GPS แล้วมาโลด
ชายหาดที่ขาวสะอาด มองแล้วดูแปลกกับครั้งแรกที่พบเจอ เพราะต่างจากบ้านเรามาก ความรู้สึกคือท้องฟ้าที่นี่มันกว้าง มันโล่ง ฟ้าใสไม่มีเมฆ กับสีฟ้าสดใส จนบอกไม่ถูก แต่เต็มไปด้วยวิวภูเขา คงด้วยเพราะแบบนี้ ผู้คนจึงเรียกกันว่า สวรรค์บนดิน อีกที่หนึ่งของโลกก็ว่าได้
และคงไม่แปลกที่จะเห็น Table Mountain ที่ใกล้เข้ามาอีก เพราะทะเลแห่งนี้ อยู่บริเวณอีกฝั่งของภูเขารูปโต๊ะ หรือด้านหลังของภูเขานั่นเอง
ชายหาดที่ขาว ทะเลสีฟ้าใส กว้างไกล มีภูเขาอายุล้านปี มีสนาม มีต้นไม้ ก็คงไม่แปลกที่จะมีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลก มานั่งชมวิว อาบแดด พักผ่อน พร้อมกับบันทึกความทรงจำกับสถานที่แห่งนี้
หาดทราย และสนามหญ้า ที่ตัดกันอย่างลงตัว..
ร้านอาหารที่รายล้อมอยู่ข้างทาง ยาวไปตามถนน มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร คลับบาร์ เห็นแล้วก็คิดว่า จะเอาเวลาทั้งวันมาทิ้งไว้ที่นี่ก็คงได้ อยู่แบบสบายๆ กลับไปได้หลับยาวแน่นอน
และที่ห้ามพลาดอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ก็คืออาหารป่า สลัดหมูป่าผัดเห็ดยอดมะพร้าวอ่อน.............
หลอกกกก ไม่ใช่!!! แอร์ป้าล้อเล่น
จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อมาถึงทะเลขนาดนี้ ก็คงไม่พ้น ซีฟู้ด และ ซูชิ ที่เพื่อนสาวเน้นนักเน้นหนา ว่าดี คงเพราะประเทศนี้ห่างไกลเอเชียพอสมควร ซูชิจึงเป็นอะไรที่เลอค่า ที่คุณคู่ควร
ทานแล้วก็ได้ความรู้สึกอร่อยไปอีกแบบ ที่ไม่ใช่แบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นยังไง ก็ต้องไปลองกันเองเด้อค่าาา🤭
แต่อาหารฝรั่งต้องยกให้ เพราะอาหารเมนูพวก ฟิวชั่น ทั้งหลาย คือดี แบบโนคอมเม้นท์เลยทีเดียว
Water Front เมืองท่าสุดชิค สุดคูล ดูแมวน้ำ ตัวเป็นๆ
เมืองท่าน้ำที่สวยงาม ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร หรือแหล่งชอปปิ้ง ซึ่งมองๆไปก็ได้อารมณ์คล้าย เอเชียทีค บ้านเราเหมือนกัน แต่ที่นี่จะใหญ่โต อลังการ สวยงามกว่ามาก เพราะมีทั้งร้านอาหาร โรงแรม ท่าจอดเรือยอร์ช และร้านนั่งชิล จิบไวน์ ชมวิวน้ำ ยังไม่รวมถึงวิวที่ประเมิณค่าไม่ได้อย่าง Table Mountain ที่ยังคงสามารถมองเห็นได้อยู่ไกลๆ
ที่แห่งนี้มีร้านขายของฝากน่ารักๆ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ และยังมีแมวน้ำตัวเป็นๆ แหวกว่ายกันให้เราเห็นอย่างใกล้ชิด แบบไม่กลัวคน
แอร์ป้าชักเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นแมวน้ำจริงๆ..🐬
สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาถึงที่นี่ ก็คงจะไม่พ้น การหาของกิน หาร้านที่คิดว่าจะสิงไปได้ยาวๆ จิบไวน์กันได้เพลินๆ เพราะเมื่อคุณนั่งแล้ว คุณจะไม่อยากลุกเลย จริงๆ
บรรยากาศดีมาก นั่งกินข้าว มองผู้คน สังเกตุคน ดูไปคิดไป ปล่อยใจลอยไป จะทำอะไรก็ได้ เพราะไวน์ที่นี่ถูก! นี่คือคีย์สำคัญ
เพราะเพื่อสาวรูมเมทได้กล่าวไว้ ตอนแอร์ป้าถามว่ามาที่นี่ควรจะทำอะไรดี และคำตอบก็คือ "Drink lots of wine."
ไวน์ ของ แอฟริกาใต้ มีราคาไม่แพงหากเทียบกับไวน์ที่มาจากที่อื่น ดังนั้นมาถึงนี่จะไปกินไวน์ฝรั่งเศสทำไม
ก็ต้องลองไวน์ของบ้านเค้า ไม่แพงแถมดี แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้มา🍷😊👍
Robben Island พิพิธพันธ์เพื่อโลกรู้ เลยอดดูแพนกวิ้นนนนนนน...🐧😶
อยากจะร้องไห้เป็นภาษาสวาฮีลี คือแอร์ป้าไม่ได้ดูกวิ้น เพราะด้วยความที่เราทุกคนในทีมมีเวลาน้อยมากที่จะหาข้อมูลเรื่องการเที่ยว ส่วนมากแผนที่มา ก็มาตามลายแทงของลูกเรือชาติแอฟริกาใต้ทั้งสิ้น
และเพราะคนในทีมที่ไปด้วยกันนางบอกว่าไปที่นี่แล้วเดี๋ยวจะได้เห็น ปรากฏว่าไปถึง นางเข้าใจผิด สรุปกวิ้นของพี่ อยู่อีกฟากนึงของเกาะ!!! 🙄
ลาก่อน กวิ้นน้อย ที่ฝันถึง เป็นอันต้องจบไป...
แต่อย่างน้อยก็ได้สิ่งที่มีคุณค่ากลับมา คือได้ท่านเนลสันมาปลอบใจ......
"Robben Island" ถึงยังไงก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไปไหนก็คงต้องตามกันไป...👀
นั่งเรือจริงๆสำหรับที่นี่ เพราะการเดินทางจะไปที่เกาะ ได้ต้องเป็นเรือ คาตามารัน ขนาดใหญ่ นั่งได้ 100 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ถาพภ่ายจากตอนนั่งเรือ ที่มองกลับมา ก็ยังเห็นพี่โต๊ะเค้าไม่ได้จากไปไหน แต่ยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งดูสวยกว่าเดิม..
ขณะที่นั่งเรือ คนส่วนมากจะออกมานั่งด้านนอก ชมวิวมหาสมุทร มีละอองน้ำสาดเบาๆเย็นๆ อากาศเมื่อยิ่งออกไปไกลจากฝั่งก็ยิ่งเย็น จนหนาว ยิ่งไกลก็เริ่มเกิดอาการกลัวขึ้นมา ว่านี้เราอยู่กลางมหาสมุทรแล้ว จริงๆ!
เที่ยวชมคุกที่เคยกักขัง Nelson Medala บุคคลชื่อดังของโลก นานถึง 27 ปี ที่ Robben Isialnd Museum
ภาพแสดงความเป็นอยู่ของนักโทษ และบอกเล่าถึงเรื่องราวในอดีต
เนลสัน แมนดาลา อดีตประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของประเทศแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลก ที่ได้พยายามเรียกร้องสิทธิของความเท่าเทียม เลิกการเหยียดชนชาติ และสีผิว จนหมดไปในยุคนั้น
credit http://www.yavf.or.th/th/open-world/1074/
ที่นี่คือคุกในอดีตที่ปิดตัวลงไปนานแล้ว จนปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และนักท่องเที่ยวส่วนมากจะนั่งรสบัส ขึ้นทัวร์ แบบมีทัวร์ไกด์ โดยใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง ในการเที่ยวชมรอบเกาะ
เรื่องราวโดยสังเขป คือ ที่นี่เป็นคุกที่แบ่งแยกการขังด้วยโทษความผิดของแต่ละคน โดยที่บนเกาะแห่งนี้เป็นเหมือนเมืองเล็กๆที่ได้ให้ครอบครัวของผู้คุมนักโทษ ได้อาศัยอยู่ ซึ่งมีทุกอย่างแบบที่ชุมชนหนึ่งควรจะมี เช่น โรงเรียน สถานพยาบาล และ โบสถ์
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คงเป็น คุกของนักโทษทางการเมือง ซึ่งไกด์ที่กำลังบรรยายอยู่เป็นหนึ่งในอดีตนักโทษของที่นี่ ติดคุกจริง บางคนก็ติดพร้อมกับคุณ เนลสัน แมนดาลา จึงทำให้การอธิบายเป็นไปอย่างเข้าถึง เพราะมากไปด้วยประสบการณ์โดยตรงจากชีวิตจริงล้วนๆ
มุมนึงจากเกาะ ที่ท่านเนลสัน ชอบออกมานั่งชมวิวที่นี่
แล้วก็เป็นอันจบทริป ที่ต้องกลับมานอนร้องไห้ฝันถึง กวิ้น ต่อไป และจำเอาไว้เตือนตัวเองว่า กวิ้น อยู่ที่ Boulders Beach!!!
และ 2 ที่สุดท้ายที่อยากแนะนำเพราะไม่ได้ไปเอง หากใครมีโอกาสได้ไป ห้ามลืมเด็ดขาด
แหลม Good hope หรือที่เรียกว่า Cape of good hope เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งที่ที่ต้องไปให้ได้ หากมีเวลาพอ แอร์ป้าก็คงไม่พลาดเช่นกัน
credit https://en.m.wikipedia.org/wiki/Cape_of_Good_Hope
Cape of good hope เป็นจุดชมวิว ที่สวย ที่เค้าเรียกกันว่า แหลมแห่งความหวัง ซึ่งชื่อนี้ ก็มีที่มาจากนักเดินทางชาวโปรตุเกสนามว่า Bartolomeu Dias ได้ล่องเรือเสี่ยงตายฝ่าคลื่นลมพายุขึ้นฝั่งที่แหลมแห่งนี้ได้สำเร็จเป็นคนแรก จึงตั้งชื่อให้สมกับที่ฝ่าอุปสรรคมาจนสำเร็จรอดฝั่ง โดยให้ชื่อว่า Cape of storm ในทีแรก ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นชื่อทีดูมีความหมายเชิงบวกกว่าเดิมคือ Cape of good hope จนปัจจุบัน
และสุดท้ายเพื่อนสาวแนะนำคือ "Long street" หากใครเป็นสาวปาร์ตี้ ห้ามพลาดกับถนนสาย คลับ บาร์ ที่ขอบอกก่อนเลยว่า คนที่นี่เค้าไม่ได้มากันเล่นๆ เพราะจากที่สัมผัส ไม่เช้าไม่กลับ สนุกสนานกันไม่เลิกแน่นอน หากใครอยากลองดู เพื่อเปิดโลก เพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้กับตัวเอง ก็ไปลองดูได้
credit https://www.google.com/search?q=cape.town+long+street&client=ms-android-samsung-gn-rev1&tbm=isch&source=lnms#imgrc=rqERtuKDNYdpEM
แต่ไปแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี แนะนำว่าอย่าไปคนเดียวเด็ดขาด แล้วต้องไปกับเพื่อนที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพราะเกิดเหล้าเข้าปากแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทางที่ดี ไปต่างบ้านต่างเมือง ดื่มให้น้อย แต่ดูให้เยอะ จะดีกว่า ดูเพื่อประสบการณ์ แต่อย่าไปเมาจนพัง เดินกลับไม่ถูก
เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะที่มุมไหนของโลก..
"โตแล้วจะไปไหนก็ได้" คำนี้เอาไว้ใช้ในบ้าน จะปลอดภัยที่สุด ด้วยความเป็นห่วงจากแอร์ป้าเด้ออ
Have a good day with a good hope✈
#แอร์ป้าห้าดาว
Reference

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา