Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Chariot
•
ติดตาม
10 มี.ค. 2019 เวลา 02:15 • ประวัติศาสตร์
พระยาพิชัย...ซามูไรดาบหัก!
ศิลปะเพลงดาบไร้พ่าย ไทย-ญี่ปุ่น!
ตำรา "ดาบครึ่ง-ไร้พ่าย" ศิลปะร่วมกันของวีรบุรุษ 2
แผ่นดิน "มิยาโมโตะ มุซาชิ" และ "พระยาพิชัยดาบหัก" !!
http://woodychannel.com/ Miyamoto Musashi Self-portrait.jpg - Wiki
ปี พ.ศ. 2127 สมเด็จพระนเรศวร
ประกาศอิสระภาพที่เมืองแครง!
ณ ดินแดนอาทิตย์อุทัยที่ห่างไกลออกไป
ได้มีเอกบุรุษผู้ไม่เป็นรองใครในเชิงดาบได้ถือกำเนิดขึ้น
เขาก็คือ มิยาโมโตะ มุซาชิ
ปรมาจารย์นักดาบผู้ไม่เคยแพ้ใครอันเป็นตำนาน
เล่าขานของชาวญี่ปุ่น
นักรบญี่ปุ่นท่านนี้หากจะว่าเป็นซามูไร
ก็คงไม่ถูกต้องเสียเท่าไหร่
เพราะจากข้อมูลที่ศึกษามานั้น
"ซามูไร" มีความหมายถึง "ผู้รับใช้" ที่รบเพื่อนาย
และถวายชีวิตตนเองได้โดยถือเป็นเกียรติอย่างสูงส่ง
แต่มุซาชิได้เลือกวิถีชีวิตที่เขาเป็นผู้กำหนดเอง
ตลอดทั้งชีวิตเขาเดินทางเพียงคนเดียวเพื่อแสวงหา
วรยุทธ์อันเป็นสุดยอด
เข้าประลองและโค่นล้มยอดยุทธ์จากสำนักต่างๆ มากมาย
วีรกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา
ได้แก่การสังหารเจ้าสำนัก "โยชิโอกะ" ถึง 3 คน
และล้างบางศิษย์ทั้งสำนักที่มีอยู่ถึง 70 คนภายใน
เวลาชั่วข้ามคืน!
ว่ากันว่าเพลงดาบที่เป็นที่เล่าลืออันเป็นอมตะของเขาเป็นเพลงดาบคู่ที่หาที่เปรียบได้ยาก
แต่หากจะว่าไปตามจริงแล้ว
ต้องเรียกว่าเพลง "ดาบครึ่ง" เสียมากกว่า!
https://ja.m.wikipedia.org/wiki/ファイル:Miyamoto_Musashi_Self-Portrait.jpg
ด้วยว่ามิยาโมโตะ มุซาชิมักจะนิยมปรากฎตัว
ต่อยอดยุทธ์สำนักต่างๆ ด้วยดาบยาวข้างหนึ่ง
และดาบสั้นอีกข้างหนึ่ง
ซึ่งก็สร้างความรั่นพรึงให้กับทุกผู้ทุกนามที่ได้ประดาบกับเขาอยู่เสมอ
นับเป็นตำราดาบพิศดารที่แม้แต่ลูกหลานชาวญี่ปุ่น
นับวันจะหาผู้สืบทอดยากยิ่งขึ้นไปทุกที!
157 ปีถัดมาหลังจากนั้น
ที่บ้านห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิถต์
ได้มีวีรบุรุษไร้พ่ายอีกผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีฐานะเป็นลูกชาวนาธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ด้วยความลึกซึ้งในเชิงมวยและเชิงดาบ
ในเวลาต่อมายอดฝีมือผู้นี้ได้ถวายตัวเข้าเป็นข้ารับใช้
ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ร่วมเดินทัพกู้ชาติกับมหาราชแห่งกรุงธนฯ ทุกหนแห่ง
จนได้ตำแหน่งเป็น "พระยาพิชัย" ในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ. 2316 พม่ายกทัพหวังจะตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ
เพื่อจะรุกเข้ามาในขณะที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ยังไม่เสร็จศึกจากกัมพูชาประเทศ
เหตุการณ์อันเป็นตำนานได้อุบัติขึ้นเมื่อวันอังคาร
เดือนยี่ แรม 7 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2316
พม่ายกทัพมาติดอยู่ที่ สมรภูมิ วัดเอกา ไม่สามารถ
จะตีฝ่าลงไปถึงกรุงธนบุรีได้!
กำลังพลของพม่าถึงกับต้องพ่ายกลับไป
ด้วยว่าแสนยานุภาพ "ดาบครึ่ง" ของนายทหารไทยที่
ปักหลักสู้อย่างชนิดเลือดเข้าตา!
ลูกพระเจ้าตาก : facebook.com
จนได้รับสมญา "พระยาพิชัยดาบหัก"
ต่อมาชั่วลูกสืบหลาน
คำถามอาจมีอยู่ว่า
ตามปกติธรรมดาของทหารไทยที่มักถนัด
ในวิชาดาบสองมือ
เมื่อดาบที่ถือหักสะบั้นไปนั้น
เจ้าตัวก็มักจะพลันเสียกำลังใจเกิดความท้อแท้
คิดแต่จะถอยหนีออกจากสนามรบ
เช่นนั้นแล้ววิชาดาบแขนงใดกัน
ที่ทำเอาพม่าต่างก็พรั่นพรึงต้องหนีกลับไปถึงกรุงอังวะ
วิชา "ดาบครึ่งไร้พ่าย" อันเป็นตำนานร่วมกันระหว่าง "มิยาโมโตะ มุซาชิ" และ "พระยาพิชัยดาบหัก"
จะได้มาปรากฎต่อหน้าท่านผู้อ่าน ณ บัดนี้
ศิลปะว่าด้วยการใช้ "ดาบครึ่ง"
ที่เป็นที่นับถือกันในหมู่ชาวญี่ปุ่นโบราณ
ว่ามีความสูงส่งกว่าศิลปการใช้
"ดาบเดี่ยว" หรือ "ดาบคู่"
ก็ด้วยเนื่องมาจากว่าผู้ใช้นั้นจะต้องสามารถทำจิตใจ
ให้เป็นหนึ่งเดียวกับดาบ
ศิลปะดาบครึ่งชั้นสูงของชาวญี่ปุ่น Techniques of Musashi : Fumon Tanaka
พูดภาษาชาวบ้านคือ
มีความรู้สึกประหนึ่งว่าดาบที่ยาวออกไปนั้น
เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะของตัวเอง
จะต้องฝึกใช้งานจนเคยชินจนคำนวนได้ว่า
หากยืดแขนออกไปเป็นระยะเท่านี้
ดาบที่อยู่ในมือจะยาวออกไปเป็นระยะเท่าใด
เมื่อ "สัมผัสรู้" ได้แบบนี้แล้ว
ก็จะสามารถรับรู้ถึง "มณฑล"
ที่ดาบสามารถเคลื่อนที่ไปถึง
และรู้ถึง "อันตราย" ที่รุกล้ำเข้ามาใน
"มณฑลดาบ" ของตัวเรา
ราวกับว่าผู้ถือดาบได้มีการสร้างกรอบรูปวงกลม
ที่คนอื่นมองไม่เห็นขึ้นมารอบตัว
ผู้ถือดาบจะต้องหันไปรับมือกับคู่ต่อสู้คนใดก่อน
หรือจะ "วาดวงดาบ" เพื่อสร้าง "แนวป้องกัน"
ไปในทิศทางใด
ก็ด้วยอาศัย "ใจสัมผัส" ถึงรังสีแห่งการคุกคาม
ที่ส่งผ่านเข้ามาทางมณฑลนั้นๆ
การสัมผัสรู้ในลักษณะนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้เลย
Bowie Techniques : Dwight C.McLemore
หากละเลยคำสอนในทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับ
ปัญญาทั้ง 3 ระดับ
อันได้แก่
จินตมยปัญญา - ปัญญาที่เกิดแต่จิตโดยธรมชาติ
สุตมยปัญญา - ปัญญาที่เกิดโดยประสบการณ์
ภาวนามยปัญญา - ปัญญาที่เกิดจากการทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
การฝึกเพลงดาบโดยปราศจากการพัฒนาปัญญา
ในทั้ง 3 ระดับนี้ก็จะไม่ต่างอะไรกับการฝึกละครรำ
คือผู้ฝึกจะมีเพียงความสามารถในการทำท่าทำทางต่างๆ ตามที่อาจารย์สอนเท่านั้น
คือจะเป็นได้เพียง "นักเลียนแบบ"
แต่จะไม่สามารถพัฒนา "ศิลปะท่าทาง"
ไปสู่การเป็น "ศิลปะการต่อสู้" ที่สมบูรณ์ได้
ภิกษุในพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นนิกายชินโต
ของประเทศญี่ปุ่น
หรือนิกายเถรวาท / มหายานฝ่ายสยาม
ต่างก็มุ่งมั่นที่จะให้ผู้ปฏิบัติตาม "ฝึกสติ"
เพื่อให้รับรู้ถึง "มาร" อันได้แก่ "โลภะ โทสะ โมหะ"
อันเป็นเสมือนคมดาบของคู่ต่อสู้ที่แหวกผ่าน
"มณฑล" ของ "สติ" เข้ามา
ก็จะต้องอาศัย "ปัญญา" ที่ว่องไว คือ "คมดาบ"
ของเราปัดป้องออกไปนั่นเอง
http://www.khaosukim.org/khaosukim/index.php/dhramma/159-2011-07-16-14-27-09
ทั้ง "มิยาโมโตะ มุซาชิ" และ "พระยาพิชัยดาบหัก"
ต่างก็เป็นพุทธศาสนิกชนที่มีความเคารพนบนอบ
ในคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงทำให้เข้าถึงหลักการเหล่านี้ได้โดยไม่ยาก
เมื่อได้พัฒนาฝีมือเพลงดาบควบคู่ไปกับความสามารถในการใช้ปัญญาในทั้ง 3 ระดับได้พอสมควรแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือการฝึก "สร้างภาพจากความนึกคิด"
ซึ่งมีความแตกต่างจากจินตนาการ
เพราะสิ่งที่เรียกว่าการ "สร้างภาพจากความนึกคิด" นี้
เรียกเป็นภาษาทางวิทยาศาสตร์บางแขนงว่า
Thoughtographic
ซึ่งจะต้องอยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีที่สอดรับ
กับความเป็นจริง
หรือที่ภาษาในทางคณิตศาสตร์เรียกว่าความ "สมมาตร"
หรือ Symmetry นั่นเอง
ยอดฝีมือในระดับ "ไร้พ่าย" ในอดีตต่างก็มี
ความสามารถในการ "สร้างภาพจากความนึกคิดนี้"
เป็นที่มาของการรับรู้ท่าทางเคลื่อนไหวต่างๆ
ของคู่ต่อสู้ก่อนหน้าที่จะเกิดขึ้น
จนทำให้ตนสามารถปัดป้องและตอบโต้ได้อย่างว่องไว
จนผู้ชมที่ไม่เข้าใจอาจคิดไปว่านักสู้ท่านนั้นมี "ตาทิพย์"
https://m.pantip.com/topic/30876909?
สามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้
ซึ่งความจริงแล้วเป็นผลมาจากสติที่ไวกว่าบุคคล
ทั่วไปมากกว่า
ซึ่งพระยาพิชัยดาบหัก
และมิยาโมโตะ มุซาชิ
ต่างก็มีคุณสมบัติที่ว่านี้
ทำให้มีความสามารถในการบังคับ "ดาบครึ่ง"
ซึ่งบุคคลทั่วไปยากที่จะใช้งานให้ถนัดมือได้
การศึกษาและฝึกฝนความรู้ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ของกายและใจในทุกระดับ
เป็นสิ่งที่พระบรมศาสดาตรัสรับรองไว้ใน
"โพธิราชกุมารสูตร"
การฝึกฝนท่าดาบซ้ำไปซ้ำมาในแบบของ
"ภาวนามยปัญญา"
ในทำนองเดียวกับที่นักปฏิบัติสาย "วิปัสนากรรมฐาน"
เฝ้าตามดูลมหายใจตัวเองตลอดทั้งวัน
และนักปฏิบัติสาย "สมถกรรมมัฎฐาน"
ท่องมนต์บทสวดที่ยากๆ จนจำได้ขึ้นใจ
นำไปสู่ปัญญาในระดับที่สูงขึ้นที่เรียกว่า
"สุตมยปัญญา"
ศิลปะดาบครึ่งชั้นสูงของชาวญี่ปุ่น Techniques of Musashi : Fumon Tanaka
หรือปัญญาที่เกิดจากประสบการณ์
จากนั้นจึงพัฒนาไปสู่
"จินตมยปัญญา"
กลายเป็นปัญญาที่เกิดแต่จิตโดยธรรมชาติ อันเป็น "สัญชาติญาณพิเศษ" ที่มนุษย์ทั่วไปสัมผัสไม่ได้
คล้ายกับปัญญาของสัตว์ฉลาดบางจำพวก
เช่นการหนีภัยธรรมชาติของสัตว์ที่รู้ล่วงหน้า
ว่าจะมีภัยธรรมชาติก่อนการมาถึงนับสิบๆ วัน
ยอดฝีมือในระดับไร้พ่ายในยุคก่อนๆ นั้น
ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติทางจิตชั้นสูง
อย่างที่ยากจะหาคนปกติในสมัยนี้มาเทียบได้
จนสุดท้ายเมื่อย่างก้าวลงสู่สนามรบ
ท่านเหล่านั้นจะเหลือความคิดเพียงไม่กี่อย่าง
ในทำนองเดียวกับนักเดินจงกรม
ที่ลืมตัวตน ลืมเรื่องเป็นตาย ลืมทุกสิ่ง
และมุ่งมีสมาธิอยู่กับเรื่องตรงหน้าเท่านั้น
สิ่งที่อยู่ในความคิดนักรบมีเพียงไม่กี่เรื่อง
1 จะสืบเท้าไปทางไหน มีวัตถุประสงค์อะไร
2 ควรมุ่งไปในทิศใด
3 ควรก้าวย่างอย่างไร
4 แบ่งสัดส่วนในการก้าวย่าง กับการเตรียมใช้กำลังได้เหมาะสมกับสถานการณ์แล้วหรือไม่
5 ก้าวย่าง!!!
ศิลปะดาบครึ่งชั้นสูงของชาวญี่ปุ่น Techniques of Musashi : Fumon Tanaka
เป็นหรือตายไม่ใช่สิ่งที่นักรบมีสิทธิตัดสิน
ที่ทำได้มีเพียงรักษาสติให้อยู่กับตัวทุกชั่วขณะเท่านั้น!
ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 วินาที
สำหรับผู้ที่ฝึกจิตมาอย่างดีแล้ว
ดังเช่นมิยาโมโตะ มุซาชิ และ พระยาพิชัยดาบหัก
สองยอดฝีมือไร้พ่ายแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
และสยามประเทศที่น่ายกย่องผู้นี้เอง
เนื้อหาจาก
พระยาพิชัยดาบหัก : วลัยลักษณ์ ทรงศิริ
คู่มือพระคณาจารย์ : รวมพระคาถาและบทสวด
มหาเวทย์มวยไทย : อัตถนิช โภคทรัพย์
Techniques of Musashi : Fumon Tanaka
Bowie Techniques : Dwight C.McLemore
เรียบเรียงใหม่โดย
//The Chariot
11 บันทึก
54
1
10
11
54
1
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย