12 มี.ค. 2019 เวลา 14:30
มีหลายๆคนสอบถามว่าอนาคตของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ต่อไปจะดีมั้ย จะล้นตลาดหรือปล่าว ปลูกยากมั้ยเเละจะขายได้ที่ไหน ใครรับชื้อบ้าง ผมบอกได้เลยว่าผมไม่รู้ครับว่าอนาคตจะเป็นยังไงจะล้นตลาดมั้ย เพราะเหตุผลที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์ก็เพราะว่าเเถวบ้านผม นอกจากทำไร่ข้าวโพดกับไร่ถั่วเหลืองถั่วเขียวเเล้วก็มีทำนาครับ ทำได้ปีล่ะครั้งเสียด้วยเนื่องจากไม่มีระบบชลประทานต้องรอน้ำฝนอย่างเดียวเท่านั้น ราคาพืชผลก็ดีบ้างตกต่ำบ้างเเล้วเเต่ถ้าปีไหนโชคดีได้ราคาเเพงก็ดีไป เข้าเรื่องกันดีกว่าที่ปลุกต้นมะม่วงหิมพานต์กันเยอะก็เพราะว่า มันเป็นพืชทนเเล้ง ไม่ได้การใช้น้ำเยอะเเละลงทุนครั้งเดียวเก็บผลผลิตได้เป็นสิบๆปี ไม่ต้องปีนขึ้นไปเก็บบนต้นรอมันร่วงลงมาให้เก็บอย่างเดียว คนเฒ่าคนเเก่ชอบมากไม่เหนื่อย จากที่ปลูกกันเเค่ไม่กี่ต้นตามเเนวรั่วบ้านตามเเนวคันนาเเค่เก็บไว้เผากินกันในครอบครัว เเต่ก็เห็นว่าราคาขายก็ดีเเถมไม่ต้องลงทุนหรือดูเเลอะไรมากไม่ต้องรอฟ้ารอฝนเหมื่อนทำไร่ข้าวโพดหรือถั่วเหลือง ก็เลยเริ่มปลูกกันเยอะขึ้นเยอะขึ้นกว่าจะรู้ตัวก็ขยายเต็มสวนเเล้ว ราคาขายก็มีขึ้นลงตามความต้องการของตลาด เเต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่ชาวบ้านพอใจ มะม่วงหิมพานต์มีถิ่นกำเนิดที่อเมกาใต้ เเต่รู้มั้ยว่าประเทศเพื่อนบ้านเรานี้เองที่เป็นผู้ส่งออกอันดับ1ของโลก รู้มั้ยครับประเทศอะไร เวียดนามครับ เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปรรูปเป็นอันดับหนึ่งของโลก ส่งออกไปทั้งยุโรป อเมริกาเเละจีน ถึงเเม้ว่าเวียดนามจะเป็นประเทศที่ส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปรรูปเป็นอันดับ1ของโลกก็จริง เเต่เวียดนามก็นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบมากเป็นอันดับ1ของโลกเช่นกัน นำเข้าจากไหนรู้มั้ยครับ นำเข้าจากทวีปแอฟริกา เช่นไนจีเรีย โมซัมบิก กานา. เบนิน แทนซาเนีย และไอวอรีโคสต์ เนื่องจากผลผลิตที่มีในประเทศไม่เพียงพอเลยต้องนำเข้าจากที่อื่น เเต่เดี้ยวก่อนอย่าคิดว่าเวียดนามไม่มีคู่เเข่งนะครับ มีคู่เเข่งเหมื่อนกัน นั้นก็คือประเทศที่มีประชากรเป็นอันดับ1เเละ2ของโลก นั้นก็คือจีนเเละอินเดีย สองประเทศนี้ประกาศเลยครับว่ามีแผนการย้ายฐานการแปรรูปเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปใกล้แหล่งวัตถุดิบในแอฟริกา เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขัน และต้องการล้มแชมป์ผู้ส่งออกเบอร์หนึ่งเวียดนามให้ได้ เเม้เวียดนามจะเพิ่มพื่นที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์เเต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศอยู่ดี ก็เลยหาวิธีลดต้นทุนค่าขนส่งเเละสามารถควบคุมคุณภาพของของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ก็เลยได้ส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์โดยทีเวียดนามค่อยรับชื้อ ไม่ว่าจะเป็น พม่า กัมพูชา เเละลาว เเต่ก่อนหน้านี้เวียดนามได้มีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และ เทคโนโลยีแปรรูปผลมะม่วงหิมพานต์ไปยังกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาเหมื่อนกันกับจีนเเละอินเดียเพื่อที่จะเข้าไปใกล้กับวัตถุดิบเเละทวีปยุโรปด้วยเนื่องจากเป็นคู่ค้าหลัก เเต่หลังจากเข้าไปไม่นานเวียดนามก็ได้เรียนรู้ว่า เมื่อประเทศแถบแอฟริกาเหล่านี้ได้เรียนรู้เทคโนโลยี่แปรรูปของเวียดนาม กลุ่มประเทศเหล่านี้เริ่มจะจำกัดการขายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ยังไม่แปรรูปให้กับเวียดนามเพื่อที่จะปกป้องการผลิตในประเทศของตัวเอง จึงทำให้ไม่กี่ปีที่ผ่านมาราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบจึงมีราคาสูงขึ้น และเวียดนามเองเริ่มมีความกังวลท่ีจะมีผลผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่เพียงพอ กับการสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้า เวียดนามจึงหันเข้ามาเปิดจุดรับชื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในไทยเพื่อที่ต้องการวัตถุดิบในการป้อนโรงงานที่บ้านของเวียดนามเอง นั้นก็คือสาเหตุที่ทำให้ราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของไทยปรับตัวสูงขึ้น ทั้งๆที่ไทยเราเองก็ไม่เพียงพอที่จะบริโภคในประเทศอยู่เเล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าปลูกเเล้วจะขายให้ใครมีคนรับชื้อมั้ย ผมเคยคุยกับพ่อค้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ทางภาคใต้ของเรา เค้าบอกว่าเค้าทำการคั่วแบบวิธีโบราณมีความต้องการเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบเป็นร้อยๆตันต่อปี ไหนจะมีพ่อค้าจากอินโดนีเซียอีกที่มาหารับชื้อถึงไทยเพื่อที่จะเอาเม็ดดิบกลับไปกะเทาะเองที่บ้านเค้า ใครที่อ่านจบเเล้วไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับเเค่อ่านสนุกๆก็พอ ขอบคุณครับที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านกัน
โฆษณา