Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ซ้อขอเล่า
•
ติดตาม
14 มี.ค. 2019 เวลา 04:12 • ความคิดเห็น
Future ไม่ใช่หนังสือ แต่คือเครื่องมือเปลี่ยนอนาคต ตอนที่ 2
หลังจากตอนที่แล้วเราได้พูดถึง หนังสือเรื่อง Future ใน 5 บทแรกไปแล้วนั้น มาตอนที่ 2 นี้เราจะพูดถึง 5 ตอนที่เหลือกันบ้าง คือ
ตอนที่ 1
https://www.blockdit.com/articles/5c884acfcc37693efc73c228
6. Focus มั่นใจในทิศทาง
หลังจากที่เราได้สร้างตัวตนใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ต่อไปเราจะต้องมุ่งมั่นทำในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่ โดยไม่ลังเล และโฟกัสอยู่ที่จุดแข็งของเราเพียงอย่างเดียว เพื่อสร้างเสริมให้จุดแข็งนั้น แข็งแกร่งที่สุด ยกตัวอย่าง คือ เมืองอุจิ เป็นเมืองที่ผลิตชาได้รสชาติดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ดีขนาดไหน จากประสบการณ์ที่ซ้อเคยได้ไปลองมา คือต้องพูดว่า ชาเขียวของร้านทารามาจิที่เมืองอุจิ คือสุดยอดมากจริงๆ มีความหอม กลมกล่อม ไม่ขม รสชาติดี เป็นรสชาติที่แบบไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ในหนังสือกล่าวว่ามีขุนนางผู้หนึ่งได้มาชิมชาที่เมืองอุจิแล้วแบบเกิดความประทับใจขั้นสุดยอด เพราะรสชาติชาดี จนตราตรึงเข้าไปในใจอย่างมิรู้ลืม ขุนนางผู้นั้นจึงขอร้องกับเจ้าของร้านชานั้นว่า ท่านได้โปรดอย่าไปขายอย่างอื่นนอกจากชาได้ไหม เพราะชาของท่านคือ รสชาติสุดยอดจนไม่สามารถหาใครเทียบเคียงได้ เจ้าของร้านจึงตอบตกลง และเรียกชื่อร้านนั้นว่า ippodo ซึ่งแปลว่าหนึ่งคำสัญญามาตลอดตั้งแต่นั้น และจวบจนบัดดี้ชาร้าน ippodo ก็ยังคงความรสชาติดี และมีชื่อเสียงเรื่องชามาอย่างยาวนานถึง 300 ปี หาใครเทียบได้ ไม่ต้องเดินผ่าน แค่เฉียดๆร้านเราก็จะได้กลิ่นชาเขียวลอยมาเตะจมูก ซึ่งเป็นกลิ่ชาที่หอมกรุ่น เย้ายวน และเชิญชวนให้ไปลิ้มลองอย่างมาก จะเห็นได้ว่าหากเราโพกัสไปที่จุดแข็งที่สุดของเรา แล้วมุ่งมั่นพัฒนาจุดแข็งนั้นให้ไปถึงขั้นสุดยอดจนยากที่จะหาใครมาเปรียบได้ ถึงแม้มันจะเป็นจุดแข็งเพียงเล็กๆ แต่มันจะเป็นจุดแข็งที่ทรงพลังมหาศาลให้เราอยู่ได้ โดยไม่ต้องหวั่นเกรงต่อการถูกโค่นล้มทำลายไปได้อย่างง่ายดาย
หรือถ้าจะยกตัวอย่างให้ง่ายกว่านั้นคือ คุณสรยุทธ จุดแข็งของเค้าคือ เป็นผู้ประกาศข่าวที่มีลีลาการเล่าข่าวที่ไม่เหมือนใคร มีความน่าติดตาม และได้สาระไปในเวลาเดียวกัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่คุณสรยุทธจะเป็นผู้ประกาศข่าวเบอร์ 1 ของประเทศไทยได้อย่างไม่ยาก และหากเราเพ่งมองไปที่คุณสรยุทธ จะเห็นว่า ในช่วงเวลาของการทำงานที่ผ่านมา คุณสรยุทธไม่เคยทำงานด้านอื่นเลย เค้ามุ่งมั่นไปที่งานผู้ประกาศข่าวเพียงอย่างเดียว เราจะเห็นคุณสรยุทธในบทบาทเดียวเท่านั้น ไม่ว่าไปออกช่องไหน คือ ผู้ประกาศข่าว เค้าจะไม่ทำอย่างอื่นเลย นี่แหละ คือตัวอย่างของการโฟกัสไปที่จุดแข็งของตัวเอง แน่วแน่ตั้งมั่นเพื่อทำให้จุดแข็งนั้นแข็งแกร่งจนยากที่ใครจะมาเทียบชั้นได้
7.identity สร้างสรรค์อัตลักษณ์
คือ ให้สร้างความเป็นตัวตนขึ้นมาจนเหมือนแบบไม่ว่าเราจะทำอะไร งานของเราก็จะสะท้อนความเป็นตัวตนของเราออกมา เช่น ในเคสของคุณสรยุทธ สมัยก่อนการประกาศข่าวนั้น ก็จะต้องเป็นคนมานั่งอ่านข่าวให้เราฟัง ซึ่งภาพนี้จะเป็นภาพที่เราชินตาและคุ้นเคยกับรายการข่าว จนกระทั่งวันหนึ่ง บุคคลที่ชื่อสรยุทธ ได้นำเสนอรายการข่าวในรูปแบบใหม่ โดยการใส่ความคิดเห็น หรือมีการนำเสนอข่าวในรูปแบที่แตกต่างออกไปจากที่เคย และมีการใส่ความเป็นตัวตนของคุณสรยุทธลงไปในการอ่านข่าวนั้นๆ จนคนดูรู้สึกว่า เฮ้ย นี่มันไม่ใช่รายการข่าวทั่วไปปกติ มันมีความแตกต่าง หลังจากนั้นชื่อเสียงของ สรยุทธ ก็ดังไปทั่วฟ้าเมืองไทยชนิดที่แบบไม่มีใครไม่รู้จักเค้า และตั้งแต่วันนั้นมา รายการข้าวก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไป แต่ก็ต้องยอมรับอย่างนึงว่า ตั้งแต่ที่คุณสรยุทธมาเป็นผู้ประกาศข่าวจนบัดนี้ที่เค้าได้ออกจากตำแหน่งผู้ประกาศข่าวไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถเลียนแบบหรือสร้างตัวตนหรืออัตลักษณ์ในฐานะผู้ประกาศข่าวได้เด่นชัดเท่าคุณสรยุทธเลยจริงๆ นี่คือสิ่งที่หนังสือบอกให้เราสร้างอัตลักษณ์หรือที่ซ้อมักจะเรียกมันว่า DNA ก็เหมือนที่ซ้อเขียนบทความ ซ้อก็จะมี DNA ของซ้อใส่ลงไปในบทความที่ซ้อเขียน ซึ่งถ้าเป็นคนอ่านที่ติดตามกันมาตลอด พออ่านปุ๊บก็จะสามารถรู้ได้ว่า ภาษาเขียนแบบนี้ ซ้อเขียนชัวร์ นี่แหละคือสิ่งจำเป็นที่เราต้องใส่เข้าไปในผลงานของเรา หรือที่เค้ามักเรียกว่า งานของศิลปินที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ มักมีลายเซ็นหรือความเป็นตัวตนของคนคนนั้นอยู่ในผลงานเสมอ จึงยากที่ใครจะมาเลียนแบบได้
8.Designing the Future นักออกแบบอนาคต
จากข้อ 7 ที่เราพูดเรื่องคุณสรยุทธ ซ้อค่อนข้างมั่นใจว่า ก่อนคุณสรยุทธจะเปลี่ยนการจัดรายการข่าวให้กลายมาเป็นรูปแบบใหม่ในการนำเสนอข่าวอย่างทุกวันนี้ คุณสรุทธจะต้องมีการวางแผนหรือออกแบบ model ที่เค้าต้องการจะพารายการข่าวนี้ไปว่าจะพามันไปถึงจุดไหน และในแต่ละจุดที่เค้าผ่าน เค้าจะได้อะไร ยังไง และทำไม เค้าจะต้องคิดเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว ไม่งั้นคุณสรยุทธจะไม่มีวันทำสัญญากับช่อง 3 โดยการทำสัญญาว่าจะมาทำงานทุกวัน โดยไม่หยุดแม้แต่วันเดียว การที่จะตกลงเซ็นสัญญาอะไรแบบนี้ได้ในหัวเค้าต้องมีแพลนมากพอสมควรแล้วว่าสิ่งนี้เมื่อเค้าทำ ต่อไปมันจะต้องเป็นยังไง และจะดำเนินไปยังไง
หรือถ้าจะยกตัวอย่างให้ง่ายขึ้นคือ ประเทศไทย ไม่เคยมีการวางแผนอนาคตให้กับประเทศเลย แม้ทุกวันนี้เราจะมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ถามหน่อยเถอะว่ามันคือการออกแบบอนาคตจริงๆหรอ ถ้าทุกท่านจะลองย้อนคิดดู รถไฟไทยสร้างขึ้นมาทันสมัยที่สุดในอาเชียนตอนสมัยรัชกาลที่ 5 จวบจนบัดนี้ ผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยปี เรายังใช้รถไฟคันนี้อยู่จวบจนปัจจุบัน ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้ามีการวางแผนพัฒนาทำรถไฟความเร็วสูง ไปจนถึง hyperloop กันแล้ว คำถาม หากประเทศไทยมีการออกแบบอนาคตที่ดี ทำไมวันนี้เรายังได้ใช้รถไฟคันเดิม หรือแม้แต่ผังเมือง หากเรามีการวางแผน มันคงไม่มีผับ บาร์ หรือแหล่งอโคจรทั้งหลายมาเปิดใกล้วัดหรือสถานศึกษา
1
แต่คุณรู้ไหม ปัจจุบัน มีใครคนนึงกำลังวางแผนออกแบบอนาคตของเค้า โดยการจะไปสร้างเมืองใหม่ concept คล้ายๆ ซิลิคอน วัลเลย์ ของเมกา คือ ในเมืองนั้รจะมีสาธารณูปโภคครบครัน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีการเดินทางที่สะดวกสบาย รถไม่ติด มีบุคลากรทางการแพทย์ที่ดีและพร้อมสรรพ มีสวน มีธรรมชาติ พอเค้าสร้างเมืองนี้ขึ้นมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คนที่เก่งๆมีความสามารถ มีทางเลือก เค้าก็จะเลือกมาอยู่ในที่ที่ดีที่สุดเสมอ ในที่ที่เค้ารู้สึกมันดีต่อคุณภาพชีวิตเค้า แล้วสิ่งที่จะตามมา คือ เมื่อคนเก่งๆทั้งหลายไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เทคโนโลยี วิวัฒนาการต่างๆ หรือสิ่งใหม่ๆที่สร้างสรรค์ต่างๆก็จะเกิดขึ้นที่เมืองนั้น แล้วเมืองนั้นก็จะกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญและเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประชากรที่ดี มีคุณภาพ สุดท้าย ผู้สร้างเมืองนั้นก็จะได้รับผลประโยชน์เต็มๆตรกการที่เค้าลงทุนเพียงสร้างสาธารณูประโภคที่พร้อมมูลเอาไว้ เพื่อรองรับคนเก่งๆให้เข้ามาอยู่ นี่คือเรียกว่า การออกแบบอนาคต ซึ่งในปัจจุบันในระดับประเทศเรายังไม่มี ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ออกแบบอนาคตของประเทศเลย แค่เราจะเดินไปทางไหน เรายังตกลงกันไม่ได้เลย อีกคนจะเลี้ยวซ้าย อีกคนจะเลี้ยวขวา สุดท้ายมีคนกลางมาบอกพอ ไม่ต้องเลี้ยว ให้ตรงไปแต่สุดท้ายเค้าคนนั้นเสือกล็อคล้อ คำถาม แล้วมันจะตรงไปได้ไง ในเมื่อประเทศไทยยังไม่มีการออกแบบอนาคตที่ดีและจริงจังพอ แล้วพวกเราคนในชาติจะทำยังไงกันดี กับปัญหาเหล่านี้ มันเหมือนว่าเราพยามจะให้รถเดินไปข้างหน้า แต่พอล้อมันถูกล็อกมันก้อไปไม่ได้ แล้วคิดเล่นๆนะ สมมติ คุณเป็นหนึ่งในผู้โดยสารรถคันนี้ซึ่งกำลังจะขับลงมาจากดอยอินทนนท์ที่มีความสูงชัน คุณจะทำอะไรได้ เมื่อคนขับบอก เนี่ยกูจะปล่อยให้รถไหลลงไปละนะ แต่ล้อยังคงถูกล็อคอยู่และคนขับบอกว่าเนี่ย ทำดีที่สุดแล้ว เหนื่อยนะที่ทำอยู่ เห็นไหม คุณคิดว่าคุณจะทำยังไงถ้าคุณเป็นผู้โดยสารรถคันนี้ คำตอบคือ คุณคงทำอะไรไม่ได้ นอกจาก สวดมนต์ จะเห็นว่าหากเราจะทำอะไรสักอย่าง การวางแผนออกแบบอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ที่จะทำให้เรารู้ว่า เราจะต้องเดินไปทางไหน เดินไปเพื่อทำอะไร และสุดท้าย เส้นชัยของเราที่ต้องการจะเดินไปให้ถึงมันอยู่ตรงไหน หากเราไม่มีตรงนี้แล้ว เราจะกำหนดอนาคตของเราเองได้อย่างไร
9.Small and Smart
หลังจากออกแบบอนาคตของเรามาแล้ว ทีนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของขนาด พูดง่ายๆคือ ขนาดที่เหมาะสม จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่เหนื่อยจนเกินไปและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
อ่ะถ้าจะยกตัวอย่างเดิม คือ สรยุทธ จะเห็นได้ว่าช่วงแรกๆ สรยุทธมีการจัดรายงานข่าวหลายช่อง ทั้งช่อง 9 ช่อง 3 itv และอีกหลายช่อง ทำให้คุณสรยุทธ เหนื่อย เสียเวลาในการเดินทาง แถมต้องปรับตัวเข้ากับทีมงานหลายทีมอีก หลังๆสรยุทธปรับแผน คือ มาทุ่มเต็มตัวให้ช่อง 3 อย่างเดียว 4 รายการ กินนิ่มๆ ไม่เสียเวลาเดินทาง และ สรยุทธไม่เคยขยายอาณาเขตออกไปที่อื่นอีกเลย เฮียแกชัดเจนว่าขอกินแค่น่านน้ำช่อง 3 เพียงอย่างเดียว แค่นี้เฮียทำงานง่าย เดินทางน้อย ทีมงานคุ้น ยิ่งเสริมให้ประสิทธิภาพการทำงานของคุณสรยุทธให้มีประสิทธิภาพและตอกย้ำชัดเจนว่า ถ้าจะดูสรยุทธต้องช่อง 3 ช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ส่งผลกระทบต่อค่าโฆษณาที่คุณสรยุทธจะได้รับเป็นอย่างมาก
ในโลกของธุรกิจในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นั้นสุดท้าย การเลือกขนาดองค์กรที่เหมาะสม และนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดหรือจุดแข็งที่สุดของตัวเอง ให้โลกได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร บริษัทใหญ่หรือเล็ก คุณจะสามารถรอดได้แน่นอน หรืออย่างน้อย ก็นำเสนอจุดแข็งที่สุดของคุณให้โลกรอบๆตัวคุณ แค่นั้นก็อาจจะเพียงพอแล้ว เหมือนที่แจ็คหม่าเคยพูดไว้ว่า ช่วงเวลาที่เค้ามีความสุขที่สุด คือช่วงที่ aliblabla มีมูลค่าบริษัทเพียง 1mb usd เพราะเค้าสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด ยิ่งบริษัทใหญ่แค่ไหนความสุขของชีวิตของเจ้าของบริษัทมักจะสวนทางกลับขนาดบริษัทเสมอ :) คุณเลือกได้ อยาก happy แบบไหน เหนื่อยแต่มีความสุข มีความสุขแบบไม่เหนื่อย
10.The Past - นิยามอดีต
เมื่อเราได้ค้นพบตัวเอง พัฒนาจุดแข็งของตัวเองมาจนถึงจุดสูงสุดแล้ว เราได้ทำทุกอย่างให้กับตัวเราอย่างดีที่สุดแล้ว วันนึง เมื่อเวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ คนฉลาดมักมองย้อนกลับไปในอดีตว่าเค้าทำอะไรมาบ้างในช่วงชีวิตที่ผ่านมา และมีสิ่งใดบ้างที่เป็นสิ่งที่ดี ที่น่านำมาปรับปรุงแล้วใช้ใหม่ให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม หรือ มีสิ่งใดบ้างที่เราพลาดไปและควรปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม โดยจะไม่กลับไปพลาดซ้ำสองอีก หากจะยกตัวอย่างในกรณีของคุณสรยุทธ จะเห็นว่า การเล่าข่าว ชั้นเชิงการนำเสนอข่าว และชื่อเสียงของคุณสรยุทธนั้น มีแต่เพิ่มขึ้นทุกปีทุกปี ใครเดือดร้อน ก็วิ่งเข้าหาสรยุทธให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ รวมถึงทุกสถานการณ์บ้านเมืองที่ประชาชนเดือดร้อน จะเห็นสรยุทธอยู่ที่นั่นเสมอ เช่นเมื่อตอนน้ำท่วม 54 จึงไม่แปลกใจทำไมใครๆก็หลงรักผู้ชายชื่อสรยุทธ กว่าจะหล่อหลอมมาเป็นสรยุทธในวันนี้ เค้าต้องค่อยๆสะสมประสบการณ์ผ่านช่วงเวลาทำงานมาอย่างยาวนาน ทำให้เค้าได้มองเห็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงในอดีตเพื่อมาทำให้ปัจจุบันดีขึ้นๆไปอีก แต่หากวันนี้คุณสรยุทธได้มองย้อนกลับไปในอดีตและหากกลับไปแก้ไขหรือปรับปรุงความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้น ซ้อมั่นใจเหลือเกินว่า คุณสรยุทธจะเลือกที่จะไม่ทำแบบเดิม แต่ในความเป็นจริง อดีตมันเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ดังนั้นวันนี้สิ่งที่คุณสรยุทธจะทำได้คือ มองย้อนกลับไปและใช้ความผิดพลาดและความเจ็บปวดในอดีตมาเป็นบทเรียนเพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดอันใหญ่หลวงขึ้นกับชีวิตของเค้าเป็นครั้งที่สอง
ทั้งหมดที่เขียนมา คือความคิดเห็นส่วนตัวของซ้อล้วนๆหลังจากที่ได้อ่านหนังสือ Future ของคุณภิญโญ จบ สำหรับซ้อหนังสือเล่มนี้ เปนียบเสมือนแสงสว่าง เปรียบเหมือนกองไฟ ที่ทำให้ซ้อเห็นว่าทางข้างหน้าซ้อควรจะทำอะไรกับมัน เพื่อให้ซ้อสามารถออกแบบอนาคตได้ในแบบที่ซ้อตั้งเป้าหมายไว้ และจะเดินไปอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
สำหรับซ้อ ให้ 10/10
หากใครอ่านแล้วไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ซ้อเขียน สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ :)
ตอนที่ 1
https://www.blockdit.com/articles/5c884acfcc37693efc73c228
ปุกาศ จากนี้ไปอาจมิได้มาเขียนใน blockdit แล้วน้า
https://www.blockdit.com/articles/5c8a34f1e770a80e7d341939
ด้วยรักและปรารถนาดีจาก ซ้อขอเล่า
FB :
http://bit.ly/2SmSq1J
Blockdit : ซ้อขอเล่า
https://m.facebook.com/sorkorlao/
11 บันทึก
48
19
7
11
48
19
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย