18 มี.ค. 2019 เวลา 09:50 • ไลฟ์สไตล์
#24 ข้อคิดที่ได้เรียนรู้ ในวัย 24 ปี
1. บางคนผ่านเข้ามาเพียงเพื่อให้บทเรียนกับเรา สอนให้เราแข็งแกร่งและเติบโต แล้วเขาก็จากไป
.
อย่าไปยึดติด หรือคาดหวังว่าเขาจะอยู่กับเราตลอดไป เพราะคำว่า "ตลอดไป" ไม่เคยมีอยู่จริง
🌼
🌼
2. คนที่รักเรามากที่สุด ห่วงใยเรามากที่สุด แคร์เรามากที่สุด ไว้ใจได้มากที่สุด ก็คือ "ตัวเราเอง" ไม่ใช่ใครอื่น
.
เราจะไม่มีทางรักใคร ห่วงใยใคร แคร์ใคร และไว้ใจใครได้เลย ถ้าเรายังไม่รักตัวเอง ไม่ห่วงตัวเอง ไม่แคร์ตัวเอง และไม่ไว้ใจตัวเราเอง
🌼
🌼
3. เงินคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ณ ตอนนี้ แค่ก้าวขาออกจากบ้านก็ต้องใช้เงินหาซื้อกับข้าวกินแล้ว และค่าใช้จ่ายอีกจิปาถะ
.
อย่าโลกสวยว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เพราะชีวิตเราจะเป็นอิสระมากขึ้น ครอบครัวสุขสบายมากขึ้น เมื่อมีเงินมากขึ้น
.
ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า เป็นร้อยล้าน หมื่นล้าน แค่เรามีเงินมากพอที่เราต้องการจะใช้มันไปทั้งชีวิตเพียงหลักล้านต้นๆ หรือสิบล้านก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา
🌼
🌼
4. เมื่อเรามีทุกอย่างจนครบหมดแล้ว สุดท้ายเราจะพบเพียงความว่างเปล่า หากในวันที่เราสำเร็จ แต่กลับไร้คนที่เรารักอยู่เคียงข้างกาย ความสำเร็จที่ได้มา
.
ย่อมไม่ทำให้เรามีความสุขได้อย่างแท้จริง แต่การมีคนที่เรารัก พ่อแม่ คนรักเราคอยอยู่เคียงข้างเราทุกวินาทีจนเราประสบสำเร็จ นั้นต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
🌼
🌼
5. มองโลกในแง่ดีได้นะ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ใครจริงใจไม่จริงใจ เข้ามาเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์จากเราหรือเปล่า? ต้องดูให้เป็น
.
ใครแยกได้คนนั้นรอด แยกไม่เป็นชีวิตอาจชิบหายได้อย่างง่ายดายมาก บอกเลย!
.
รู้จักผู้คนมากมาย ไม่สำคัญเท่ากับการแยกแยะคนแต่ละประเภทให้เป็น
🌼
🌼
6. อย่ายอมให้ใครมาบงการ หรือกำหนดชีวิตเรา นิสัยของเรา ถ้าสิ่งที่เราเป็นอยู่มันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็จงเป็นตัวของตัวเองต่อไป
.
อย่าเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร! แต่ให้เปลี่ยนตัวเอง เพื่อตัวเราเองเพียงเท่านั้น
🌼
🌼
7. จุดยืนของชีวิตเรา คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เหมือนเข็มทิศนำพาชีวิตเราไปสู่เป้าหมาย หากไร้ซึ่งจุดยืน เวลาใครพูดอะไร เราก็เอนเอียงตามเขาไปหมด
.
สุดท้ายชีวิตเราเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข เพราะมัวแต่คอยทำให้คนอื่นมีความสุข
🌼
🌼
8. การอยู่กับตัวเอง พูดคุยกับตัวเอง ให้เวลากับตัวเองบ้าง ไม่ใช่สิ่งที่แปลกประหลาดอะไร เพราะบางทีการอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย อาจทำให้เรายิ่งค้นหาตัวเองไม่เจอด้วยซ้ำไป
.
แต่เมื่อไหร่ที่เราได้กลับมาอยู่กับตัวเราเอง เราจะเริ่มมองเห็นอะไรชัดขึ้น เปรียบเหมือนการอยู่ในฝูงชนมากมาย เราไม่รู้เลยว่าใครทำอะไรบ้าง
.
ดังนั้น หากเราลองเดินออกมาอยู่ข้างนอกฝูงชนเหล่านั้น และกวาดสายมองเข้าไปข้างใน เราจึงจะเห็นว่าแต่ละคนแสดงสีหน้า และท่าทางอย่างไรบ้าง และเราควรอยู่จุดไหน เพื่อทำให้ชีวิตของเราอยู่ถูกที่ ถูกเวลามากยิ่งขึ้น
🌼
🌼
9. อยู่ที่ไหนแล้วไม่มีใครเห็นคุณค่า แค่เดินออกมา อย่าทนอยู่กับสิ่งซ้ำซากเดิม จนเคยชินที่ทำให้ดูดพลังงานชีวิตเราไปจนหมด
.
เราทุกคนล้วนมีความเก่ง ความสามารถ ความถนัดอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้น
.
อย่าปล่อยให้ใครมาตัดสินว่าเราโง่ เราไม่เก่ง แค่เพียงเพราะเราทำในสิ่งที่เขาเก่งไม่ได้
.
แต่ให้รู้ไว้เลยว่า นั่นอาจไม่ใช่ที่ของเรา จงรีบย้ายตัวเองไปอยู่ในที่ของเราซะ นี่คือสิ่งที่เราควรทำ แต่ถ้าไม่ทำ คือการทรยศหักหลังตัวเอง และพ่อแม่ของเราที่เลี้ยงดูเรามา และอยากเห็นเรามีความสุข
🌼
🌼
10. ความกตัญญูคือสิ่งที่เราต้องมีอยู่ในจิตใจ แต่ก่อนเราเด็กอาจยังตระหนักถึงเรื่องนี้ไม่มากนัก
.
แต่เมื่อเราโตขึ้น โลกสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า ความกตัญญูนี้ล่ะ ที่นำพาให้ชีวิตของใครหลายคนเจริญมานักต่อนักแล้ว
.
เพราะฉะนั้นวันนี้อย่าเพิ่งใส่บาตรพระเลย หากเราเองยังไม่เคยตักข้าวให้พ่อแม่ทาน หรือพาพ่อแม่ไปทานอาหารอร่อยๆ
.
อย่าเพิ่งรีบมีแฟน และแต่งงานเลย หากวันนี้เรายังเลี้ยงดูท่านให้สุขสบายไม่ได้
.
เวลาของพ่อแม่น้อยลงทุกวัน เวลาของเรากลับมีมากกว่า แล้วในวันนี้เราใช้เวลาที่มีกับพ่อแม่ หรือคนที่เลี้ยงดูเรามาแล้วหรือยัง?
🌼
🌼
11. ดูคนอย่าฟังเพียงคำพูด แต่ให้ดูที่การกระทำ หากดูการกระทำไม่ได้อีก ให้มองเข้าไปในดวงตาทั้งสองข้างของเขา เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ
.
คนเราโกหกคำพูด และการกระทำได้ทั้งนั้น แต่แววตาที่สื่อออกมา ไม่มีทางโกหกเราได้อย่างแน่นอน
.
ว่าคนคนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเรากันแน่ อยากรู้ใครจริงใจ ไม่จริงใจให้มองตา
🌼
🌼
12. อ่านหนังสือมาแล้วกี่เล่ม ไม่สำคัญเท่าอ่านแล้วนำไปใช้ในชีวิตจริงได้บ้างหรือยัง
.
หาเงินต่อเดือนต่อปี ได้มากมายแค่ไหน ไม่สำคัญเท่าเรามีเงินเก็บแล้วหรือยัง?
.
หากนายเอ มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือน
แต่ไม่มีเงินเก็บเลย
.
ส่วนนายบีมีรายได้เพียง 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งน้อยกว่านายเอถึง 10 เท่า ! แต่มีเงินเก็บทุกเดือน
.
ถามว่าชีวิตใครจะมั่นคงกว่า และไปได้ไกลมากกว่ากัน ถ้าไม่ใช่นายบี
🌼
🌼
13. การให้อภัยคนอื่น นับว่ายิ่งใหญ่แล้ว การให้อภัยตัวเอง นับว่ายิ่งใหญ่มากกว่า
.
กี่ครั้งแล้วที่เราโทษตัวเอง ไม่ยอมจบ ไม่ยอมวาง ทั้งที่เรื่องมันจบลงไปตั้งนานแล้ว
.
แค่วางให้เป็น ให้อภัยตัวเอง เริ่มต้นใหม่ เก็บไว้เป็นบทเรียนของชีวิต และก้าวต่อไปอย่างมีสติและสตรองที่สุด เราก็สามารถมีชีวิตอย่างสง่างามในแบบของตัวเองได้เช่นกัน
🌼
🌼
14. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามให้ยึดครอบครัวเป็นอันดับ1 แล้วชีวิตเราจะไม่พัง
.
แต่เมื่อไหร่ที่เราทำงานหาเงิน จนละเลยครอบครัว พ่อแม่ ลูก คนรักของเราแล้วนั้น
.
รับรองได้เลยว่าชีวิตเราจะพังในไม่ช้านี้
แม้เราจะมีเงินมหาศาล ในสายตาผู้คนเราเป็นไอดอลของคนที่ประสบความสำเร็จ
.
แต่ภายในใจเราจะรู้สึกว่างเปล่า เคว้งคว้าง เมื่อสูญสิ้นครอบครัวไปแล้วตลอดกาล
.
เพราะครอบครัวคือ หัวใจ
ครอบครัว คือ บ้านแสนอบอุ่น
ครอบครัว คือ กำลังใจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
.
ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม
อย่าทิ้ง "ครอบครัว"
🌼
🌼
15. ร่างกายเรา สุขภาพเรา ต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหน ก็ซื้อไม่ได้
.
เราต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีที่สุด
เพราะต่อให้รวยล้นฟ้า แต่ร่างกายพิการ
ไม่สามารถใชีชีวิตได้อย่างใจต้องการ
.
ในเวลานั้น เงินมากมายก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเราแล้วล่ะ
.
สู้เราแข็งแรง สุขภาพดี แล้วยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปกับคนที่เรารักได้ในทุกเมื่อยังจะดีซะกว่าอีก
🌼
🌼
16. อย่าให้โลกออนไลน์ ทำให้ใจเราฝ่อ
เพราะทุกสิ่งที่เราเห็นบนโลกออนไลน์ คือ สิ่งที่คนอื่นอยากให้เราเห็น แต่ไม่ใช่ชีวิตทั้งหมดของเขา
.
เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรจากโลกออนไลน์เพียงด้านเดียว และให้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองต่อไป
.
พอใจในสิ่งที่มี แล้วเราจะมีมากขึ้นเองในสักวัน ใจที่หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น มักทำให้ใจเรามีความสุขได้ด้วยตัวเองเสมอ
🌼
🌼
17. เราไม่ควรรอให้รวยแล้วค่อยมีความสุข
ไม่ควรรอให้ทุกอย่างได้ดั่งใจเรา แล้วค่อยมีความสุข
.
แต่เราควรมีความสุขในทุกช่วงหายใจเข้าออกของเราเอง สุขทุกวินาที แล้วสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขจะยิ่งเข้ามาหาเราเอง
🌼
🌼
18. การจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย นั้นจำเป็นอย่างยิ่ง หลายคนละเลยมองว่าจดทำไม เพราะรู้อยู่แล้วรายจ่ายแน่นอนในแต่ละเดือนนั้นมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
.
และนี่คือจุดผิดพลาดที่สุดในชีวิตของใครหลายคน เพราะเหตุผลหลักที่จดรายจ่าย เพื่ออุดรูรั่วเล็กๆ แต่หลายจุด ไม่ให้เรือจม เช่น การเผลอซื้อเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง และของกิ๊ฟช้อป
.
หากเราจด แล้วกลับมาทบทวนดูในแต่ละเดือน จะได้พบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่เราตัดได้ แล้วจะมีเงินเหลือเก็บมากยิ่งขึ้น
.
ช่วยฝึกนิสัยให้เราหัดตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้ออะไรก็ตาม ว่าสิ่งนี้จำเป็นไหม เราใช้ทำอะไร ถ้าไม่มีมันเราอยู่ได้ไหม และมีสิ่งอื่นที่เรามีอยู่แล้ว สามารถใช้ทดแทนกับสิ่งที่เราจะซื้อได้หรือเปล่า
🌼
🌼
19. การแต่งหน้าน้อยลง ช่วยทำให้เราไม่ยึดติดกับการปรุงแต่งภายนอกมากนัก เพราะแต่คนล้วนดูดีในแบบของตัวเอง ไม่มีใครเหมือนใครทั้งนั้น
.
แม้แต่ฝาแฝดที่หน้าตา รูปร่างเหมือนกันทุกอย่าง แต่ลายมือนั้นยังแตกต่างกันเลย
.
เมื่อเครื่องสำอางน้อยชิ้น ใบหน้าของเราจะเบาสบายมากยิ่งขึ้น ลดเวลาแต่งหน้ามากขึ้น นำเวลาที่มีไปทำในสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า
.
อีกทั้งยังประหยัดค่าเครื่องสำอาง มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ออม ใช้ลงทุนสร้างอนาคตต่อไปได้อีกด้วย
🌼
🌼
20. เราเปลี่ยนใครไม่ได้หรอกนะ หากเรายังไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้เลย
.
เราทุกคนก็เหมือนวัยเด็กที่เลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่ ไม่ได้เชื่อฟังคำสอนของผู้ใหญ่มากนักหรอก อย่างมากก็แค่ทำตามเพราะกลัวถูกทำโทษหรือโดนตีแค่นั้นเอง
.
เพราะฉะนั้น เปลี่ยนตัวเราเองง่ายที่สุด และดีที่สุดแล้วล่ะ
🌼
🌼
21. ถ้ายังเลือกสบายวันนี้ ก็เตรียมตัวลำบากในวันข้างหน้าได้เลย แต่ถ้าหากทนลำบากหน่อย เพื่ออนาคตที่สุขสบาย ก็คุ้มค่ามากเลยล่ะ กับความพยายาม ความเสียสละ อดทนต่อความลำบากที่ผ่านเข้ามา
🌼
🌼
22. การเขียนขอบคุณทุกเช้าและเขียนบันทึกความสำเร็จก่อนนอนทุกวัน จะช่วยทำให้เรามองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ และผู้คนรอบกายเรามากยิ่งขึ้น
.
อีกทั้งยังสามารถกลับมาอ่านซ้ำได้ยามที่เรารู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ รู้สึกแย่
.
บันทึกขอบคุณจะทำให้เรารู้ว่าเรามีสิ่งมีค่ามากมายในชีวิต และบันทึกความสำเร็จ ทำให้เรารู้ว่า ที่ผ่านมาเราทำอะไรสำเร็จมาแล้วบ้าง
.
ช่วยให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเอง มองเห็นคุณค่าในตัวเอง และกลับมายืดหยัดต่อสู้กับทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามาได้ต่อไป
🌼
🌼
23. ใครจะพูดถึงเราอย่างไร หรือคิดกับเราอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับความคิดที่เรามีต่อตัวเอง และคำพูดที่เราพูดให้ตัวเองได้ยิน
.
เพราะสุดท้ายแล้วคนที่อยู่กับเราตลอด 24 ชม.ในทุกๆวัน คือตัวเราเอง
.
เราย่อมรู้ดีเสมอว่าเราทำอะไรอยู่ คิดอะไรและเป็นคนแบบไหน
.
ดังนั้น อย่าให้ลมปากของใครก็ตาม มาตัดสินชีวิตเรา และเราไม่จำเป็นต้องสละเวลาอันมีค่าไปอธิบายให้ใครฟังทั้งนั้นว่าเราเป็นอย่างไร
🌼
🌼
24. ทุกคนย่อมมีด้านมืด และสว่างอยู่ในตัวเอง
เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน อยู่ที่ใครจะเผยด้านไหนออกมาแค่นั้นเอง
.
อย่าตัดสินใครแค่เพียงเห็นเขาทำไม่ดีกับเรา
และอย่ามองใครว่าดีในทันที หากยังไม่รู้จักเขาให้มากกว่านี้
.
การมองโลกในแง่ดีบางครั้ง อาจทำให้ชีวิตของเราตกอยู่ในอันตรายได้
.
การมองโลกในแง่ร้าย ก็อาจทำให้ชีวิตของเราหวาดระแวงมากเกินไป จนไม่มีความสุข
.
แต่สิ่งที่เราควรมี คือ การมองโลกตามความเป็นจริง มองอย่างเป็นกลางให้ได้ แล้วเราจะไม่ต้องมาเจ็บหรือต้องเสียใจภายหลัง
.
หากว่าวันนึงเราถูกใครทำร้าย หรือหักหลังมา เพราะว่าเราได้เตรียมใจไว้อยู่เสมอ จากการมองโลกตามความเป็นจริง
🌼
🌼
โฆษณา