22 มี.ค. 2019 เวลา 13:48 • บันเทิง
เรื่องสั้นสยองขวัญ..ผ้าห่อศพ
เรื่อง ผ้าห่อศพ โดย...บัวบูชา...
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมและญาติๆ ไปทอดกฐินที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชรครับ พ่อของผมซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการจัดการทำบุญครั้งใหญ่นี้ขึ้น เพราะ ถือเป็นการพบปะสังสรรค์ เที่ยว และร่วมทำบุญด้วยกัน โดยส่วนมากก็จะชวนญาติมิตร สนิทเพื่อนสหายที่รู้จักไปร่วมทำบุญกัน
ตอนนั้นพ่อของผมได้จัดหารถบัสเพื่อพาพวกเราไปทำบุญกันที่วัดในจังหวัดกำแพงเพชร ผมเองก็ได้ชวนเพื่อนที่มหาวิทยาลัยไปด้วยสองคน คือ ไอ้สน กับไอ้ก้อง และก็มีลูกของลุงป้าน้าอา ซึ่งก็รุ่นราวคราวเดียวกับผมและเพื่อน การทำบุญครั้งนี้เลยดูคึกคักและน่าสนุกเป็นพิเศษ
พอถึงวันที่พวกเราออกเดินทาง เราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม พอขึ้นรถได้ ผม เพื่อน และคนอื่นๆ ก็ทั้งร้องทั้งเต้นอย่างสนุกสนาน
พอมาถึงตัวเมืองของจังหวัดกำแพงเพชรก็ประมาณน่าจะ 6 โมงเช้าได้ พวกเราก็แวะเที่ยวน้ำตกบ้าง ไหว้พระบ้าง จนเย็น รถบัสจึงพาเราเข้าวัดเป้าหมายที่เราตั้งใจจะมาทำบุญกันนั่นเอง
พอรถจอดพ่อกับแม่ของผมก็รีบลงรถเพื่อไปทักทายกับชาวบ้านที่มาคอยต้อนรับพวกเรา และคอยตระเตรียมอาหารไว้ให้พวกเราทาน พร้อมทั้งการละเล่นต่างๆ ที่ตั้งกันเรียงรายเต็มไปหมด เช่นวงดนตรี ลิเก เป็นต้น
ผมกับเพื่อนรีบกระโดนลงจากรถ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ และก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆ วัด จนแม่มาตามให้พวกเราไปกินข้าว พอผมกินข้าวเสร็จ ผมกับเพื่อนก็เดินคุยกับชาวบ้านคนนู้นคนนี้ไปเรื่อยๆ จนไปคุยถูกคอกับลุงอ่างซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนั้นและก็ลูกของลุงอ่าง ซึ่งก็อายุห่างจากผมไม่มากนัก
ลูกของลุงชื่อ พี่จั่น เขาชวนผมให้ไปกินเหล้าที่บ้าน ตอนแรกผมเองก็ลังเล ไม่กล้าไปสักเท่าไหร่ เลยไปขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อน แต่พ่อกับแม่ของผมก็อนุญาตเพราะรู้จักลุงอ่างกับพี่จั่นเป็นอย่างดี เพราะพ่อกับแม่มาที่วัดแห่งนี้หลายต่อหลายครั้งแล้ว
ลุงอ่างกับพี่จั่นเดินนำพวกผมไป ตอนนั้นที่ไปก็มี ผม ไอ้สน ไอ้ก้อง แล้วก็อามกับเอมซึ่งเป็นลูกของป้า พวกเราเดินตามไปอย่างเงียบๆ เดินมาสักพักก็ถึงตัวบ้านของลุงอ่างและพี่จั่น พี่จั่นจัดเตรียมที่นั่งไว้ให้ผมหน้าบ้าน พร้อมกับยกข้าวปลาอาหารมาให้พวกเราทานอย่างอิ่มสำราญ แล้วก็ตบท้ายด้วยเหล้าขาวที่ลุงอ่างแกเป็นคนต้มเองกับมือ พวกเราเริ่มนั่งล้อมวงกินเหล้า ร้องเพลงอย่างสนุกสนาน
พอเมากันพอได้ที่ ลุงอ่างก็ขอตัวขึ้นบ้านไปนอนพักเอาแรงเพราะพรุ่งนี้ต้องไปช่วยงานที่วัดแต่เช้า พวกผมและพี่จั่นยังคงนั่งกินเหล้ากันอย่างสนุกสนาน จนเวลาประมาณตี1 พวกเราก็แยกย้ายกันขึ้นไปนอนบนบ้านโดยมีป้าแจ่ม คอยจัดหาที่หลับที่นอนปูไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผมซึ่งเมาน้อยที่สุดในตอนนั้นก็ได้แบกไอ้สนกับไอ้ก้อง ส่วนพี่จั่นก็แบกไอ้อามกับไอ้เอมมานอนไว้ยังที่นอน
ตอนนั้นผมเองก็มึนๆ ผมหันไปบอกพี่จั่น “ขอบคุณครับพี่ พี่ไปนอนเถอะครับเดียวผมดูแลพวกมันเอง” พี่จั่นพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ถ้ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน พี่นอนอยู่ห้องข้างๆ ส่วนผ้าในตู้ หยิบมาห่มได้ตามสบายเลยนะ” พี่จั่นพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ส่วนผมที่พอมีสติอยู่บ้างเพียงคนเดียว ก็เดินหยิบผ้าห่มในตู้ แจกให้พวกที่นอนอย่างไม่มีสติบนที่นอน ผมเองก็นึกแปลกใจว่า ทำไมที่บ้านลุงอ่าง มีผ้าห่มเยอะจัง ทั้งผ้าใหม่ผ้าเก่า บางผืนก็มีรอยเปรอะคราบน้ำอะไรสักอย่าง
แล้วผมก็ละความสนใจจากผ้า เมื่ออากาศหนาวเย็นวาบขึ้นมาทางด้านหลังของผม ผมรีบห่มผ้าให้เพื่อนแล้วก็เลือกผ้าที่เลอะคราบน้อยที่สุดมาห่ม เพราะบรรยากาศก็เริ่มวังเวงขึ้นทุกที ผมรีบนอนห่มผ้าห่มทันที ไม่นานผมก็เผลอหลับไป ผมรู้สึกตัวอีกที่เหมือนกับมีใครมากระตุกผ้าที่ผมห่มอยู่ ผมคิดว่าต้องเป็นไอ้ก้องแน่ๆ เพราะมันนอนอยู่ใกล้ผมที่สุด ผมเลยกระตุกผ้ากลับอย่างสุดแรง พอผมกระตุกผ้าคืนมาได้ผมก็เอาผ้ามาห่มมาม้วนตัวกะว่าจะไม่ให้ไอ้ก้องมันดึงไปอีก
แต่ผมเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับ ผมก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกอาจจะเป็นเพราะผ้าที่ผมได้ม้วนไว้กับตัวหรือเปล่า แต่พอผมจะคลี่ผ้าออก มือผมกลับไปชนกับฝาผนังห้อง ตอนนั้นผมเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว ผมรีบลืมตาขึ้น แต่สิ่งที่ผมเห็นมันเป็นเพียงความมืด ผมพยายามเอามือควานหาสิ่งรอบข้าง แต่ผมความไปทางไหนก็เจอแต่ผนัง เหมือนผมนั้นนอนอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมยาวๆ
ผมเริ่มใจคอไม่ดี และอึดอัดเหมือนกับหายใจไม่ออก ผมทั้งร้องทั้งทุบหวังว่าจะให้ใครมาช่วย แต่มันไม่เป็นผล ผมเสียแรงเปล่า ผมเลยตั้งจิตอธิฐาน ให้ผลบุญที่ผมจะมาทำในครั้งนี้ ส่งผลให้ผมหลุดพ้นจากสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ด้วยเทอญ สักพักความรู้สึกผมก็เหมือนหลุดจากพะวง เหมือนมีคนผลักผมออกมา พอผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นทั้งเพื่อน ลุงอ่างและพี่จั่นนั่งล้อมผมอยู่
ผมถึงกับร้องไห้ปล่อยโห่ด้วยความกลัว ทุกคนต่างถามว่าผมเป็นอะไร พอผมตั้งสติได้ก็เล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟัง แต่ผมสังเกตหน้า ไอ้ก้องกับไอ้สนดูซีดๆ ผมเลยถามมันว่า “เอ็งเจอะไร เอ็งเจอใช่ไหม” มัน 2 คน พยักหน้าพร้อมกัน ไอ้ก้องกับไอ้สนเลยเล่าให้ทุกคนฟัง มันบอกว่า หลังจากที่พวกเราเข้านอน ไอ้ก้องมันเกิดปวดฉี่เลยชวนไอ้สนไปเป็นเพื่อน
ในขณะที่มันเดินกลับมามันเห็นชายคนหนึ่งกำลังดึงผ้าจากไอ้อามและไอ้เอมอยู่ พอหันจะมาปลุกผม ไอ้ก้องกับไอ้สนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งค่อมเอามือปิดตาผมอยู่ มันเลยตกใจวิ่งไปเรียกลุงอ่างกับพี่จั่น ลุงอ่างเลยเดินไปกระชากผ้าที่อยู่บนตัวผม ไอ้อามและไอ้เอมออก ไอ้อามกับไอ้เอมดูท่างงๆ เหมือนกับไม่รู้เรื่องอะไร แต่ผมนี่สิครับเจอเต็มๆ จะว่าเมาและเพ้อเจ้อไปเองก็คงไม่ใช่
ลุงอ่างเลยหันไปต่อว่าพี่จั่น “จั่น เอ็งเอาผ้าพวกนี้ให้น้องมันห่มได้ไงวะ” พี่จั่นทำถ้าเหมือนสำนึกผิด “ผมไม่รู้นิพ่อ” ไอ้ก้องถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นพ่อลูกกำลังต่อว่ากัน “มีอะไรครับลุงอ่างๆ” ลุงอ่างทำท่าไม่อยากจะเล่าให้พวกเราฟัง แต่พวกผมก็ขยั้นขย่อจนลุงอ่างหลุดปากเล่าให้พวกเราฟังว่า
ผ้าที่อยู่ในตู้ ที่พวกเราเอามาห่มกันนั้น มันเป็นผ้าห่อศพ ที่ห่อมากับคนตาย ลุงอ่างซึ่งเป็นสับปะเหล่อ เห็นก็นึกเสียดายเผาไปก็มอดไหม้ไปป่าวๆ เลยเก็บรวบรวมและจะนำไปบริจาคให้กับผู้ยากไร้ เพื่อที่คนตายก็จะได้บุญเองด้วย แต่ตอนที่พวกผมเอามาห่มกันนั้น ยังไม่ได้ผ่านพิธีกรรมจากหลวงตาที่วัดเลยเจอดีเข้า
ผมได้ฟังเรื่องที่ลุงอ่างเล่าก็ถึงกับช็อค นี่ผ้าที่พวกผมห่มกันทั้งคืนมันคือผ้าห่อศพ และคาบที่ผมเห็นก็คงไม่ใช่คราบอะไร มันคงเป็นคราบเลือดและคราบน้ำเหลืองที่ไหลออกมาจากศพเป็นแน่ ผมหันไปมองหน้าแต่ละคนที่ได้ฟังเรื่องราว ทุกคนต่างหน้าถอดสี บ้างก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม พอตอนเช้าไปถึงที่วัด ผมกับเพื่อนก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง ท่านทั้งสองเลยพาพวกผมไปให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคล
ลุงอ่างกับพี่จั่นก็ได้มาขอโทษขอโพยพ่อกับแม่ผมที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมเองก็ไม่ได้โกธรลุงอ่างกับพี่จั่นนะครับ เพราะเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และผมเองก็เมาจนไม่มีสติ จะไปโทษลุงอ่างกับพี่จั่นฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ และเรื่องนี้ก็ทำให้ผมจำไม่มีวันลืมเลยครับ จนตอนนี้ทำให้ผมเป็นโรคกลัวผ้าห่มขึ้นมาเลย เวลาไปต่างจังหวัดหรือไปค้างที่ไหนผมจะมีผ้าห่มติดตัวไปตลอด ใครที่ไม่เคยเจอเข้ากับตัวอย่างผม ก็คงไม่รู้หรกครับว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
......................................................................................................
โฆษณา