28 มี.ค. 2019 เวลา 11:45 • ปรัชญา
The Art of Letting Go
ศิลปะของการปล่อยวางที่ทุกคนควรจะเรียนรู้ไว้
เมื่อเรากำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ต้องตัดสินใจ บ่อยครั้งทีเดียวที่เราจะถูกฉุดรั้งไว้ด้วยด้วยประสบการณ์แย่ๆและสิ่งที่เคยผิดพลาดมาก่อนในชีวิตของเรา
ความกลัวและความวิตกกังวลอาจกลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนในการดำรงอยู่ของเรา และโดยไม่ทันรู้ตัว มันสามารถที่จะทำลายความสุขและสุขภาพของเราไปทีละน้อย
การเรียนรู้ศิลปะแห่งการปล่อยวางคือคำตอบของการใช้ชีวิตอย่างเติมเต็มและมีประสิทธิภาพ
นี่ย่อมไม่ได้หมายความว่าให้เพิกเฉยต่อบททดสอบและความยากลำบากต่างๆในชีวิตจริง ในทางตรงกันข้าม มันหมายถึงการตอบสนองต่อบททดสอบต่างๆในวิธีที่จะช่วยให้เราทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น , เรียนรู้บทเรียนจากมัน, และปล่อยมันทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
1. ความเสี่ยงคือเพื่อนของคุณ
หากคุณเคยโดนเล่นงานอย่างหนักมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน, กับคู่รัก, หรือในด้านหน้าที่การงาน มันก็ไม่แปลกเลยที่คุณจะพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน เพื่อที่จะได้ไม่โดนทำร้ายซ้ำอีก
ความกลัวหยุดยั้งเราจากการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มันปิดกั้นเราไม่ให้ไปถึงศักยภาพที่แท้จริงของเรา เรายอมพลาดโอกาสต่างๆในชีวิตไปเพียงเพื่อที่จะได้รู้สึกปลอดภัย เรากังวลว่าสิ่งที่เคยสร้างความทุกข์ให้เรานั้นจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีก เราจึงไม่ยอมเสี่ยงที่จะใช้โอกาสใดๆ
1
แต่ความเสี่ยงคือสิ่งที่จำเป็นหากคุณต้องการที่จะขยายขอบเขตความเข้าใจในชีวิตและสิ่งที่ชีวิตจะมีให้กับคุณออกไป ปัญญาเกิดมาจากประสบการณ์ และการเรียนรู้บทเรียนในอดีตจะช่วยให้เราคิดคำนวณความเสี่ยงของโอกาสในครั้งต่อไปได้
ศิลปะแห่งการปล่อยวางจะเปลี่ยนความกลัวเป็นความมุ่งมั่น หลายครั้งที่ความกลัวและความวิตกกังวลนั้นอยู่แค่ภายในจิตใจของเราเท่านั้น และการปล่อยวางมันไปด้วยการออกไปเผชิญหน้ากับความกลัวของคุณ จะทำให้คุณรู้สึกมีความกล้าและรู้สึกประสบความสำเร็จได้
2. เรียนรู้จากความล้มเหลว
ความล้มเหลวหมายความว่าคุณได้ลองพยายามทำแล้ว แม้บางครั้งความล้มเหลวอาจส่งผลอย่างมากต่อความมั่นใจ, ความมั่นคง, ความปลอดภัย, หรือแม้แต่การเงินของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความล้มเหลวจะเป็นเรื่องที่แย่เสมอไป
ความล้มเหลวของเราคือที่ที่บทเรียนชีวิตของเราซ่อนอยู่ ถ้าเราตอบสนองได้ดีกับสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดไป เราก็มีโอกาสน้อยลงที่จะผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีก เราจะเตรียมตัวรับกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม
แต่เราไม่จำเป็นจะต้องเอาแต่จมปลักกับความล้มเหลวในอดีตของเราเพื่อที่จะหาข้อมูลที่มีประโยชน์และนำไปใช้กับการตัดสินใจในอนาคต เราเพียงแค่ต้องยอมรับและเข้าใจในความเป็นจริง จากนั้นก็ปล่อยวางมันทิ้งไป
3. ใช้ชีวิตอยู่ในขณะปัจจุบัน
การกลับไปย้ำคิดถึงเรื่องในอดีตหรือการเฝ้าคาดการณ์อนาคตมากเกินไปจะเบี่ยงเบนเราออกไปจากเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเราในปัจจุบัน
มันเป็นเรื่องดีที่จะวิเคราะห์สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเราเพื่อนำไปปรับใช้กับสิ่งที่เราจะทำต่อไปในอนาคต และมันก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนอนาคตเพื่อที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายในชีวิตของเรา
อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาในขณะนี้ ตรงนี้ คือส่ิงที่สำคัญที่สุดและเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่เรามีอย่างแท้จริง การปล่อยวางจะทำให้เราตระหนักรู้ถึงปัจจุบัน และทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับแต่ละวัน, แต่ละขณะ ได้ด้วยการหยุดเสียงรบกวนภายในจิตใจของเราให้นานพอที่จะเปิดรับการหยั่งรู้ของเรา
หากคุณได้ทบทวนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและได้ใคร่ครวญกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างเหมาะสมแล้ว มันก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะแค่ต้องยอมรับกับความเป็นจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของชีวิตแล้วปล่อยวางมันทิ้งไป
4. กุญแจสำคัญคือความเชื่อ
ทั้งหมดของการปล่อยวางก็คือความเชื่อ เชื่อมั่นในการตัดสินใจและสัญชาตญาณของคุณว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
เมื่อคุณได้วางรากฐานทั้งหมดและได้สร้างขั้นตอนที่จะนำไปสู่เป้าหมายและการประสบความสำเร็จของคุณเรียบร้อยแล้ว การปล่อยวางคือสิ่งที่ควรทำในอันดับถัดไป
สิ่งที่ทำได้ยากที่สุดก็คือการหยุดพยายามที่จะควบคุมทุกอย่างในชีวิต เพราะเราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการที่จะกุมบังเหียนชีวิตของเราไว้อย่างแน่นหนา เพื่อที่จะบังคับทิศทางโชคชะตาของเราไปสู่สิ่งที่เราต้องการ
เราชอบที่จะคิดว่าเราเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดว่าสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นกับเรา และผลลัพธ์ในชีวิตทุกอย่างนั้นเป็นความรับผิดชอบของเราเพียงคนเดียว
เพราะเหตุนี้การปล่อยวางจึงทำให้เรารู้สึกเหมือนสูญเสียการควบคุม แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย อันที่จริงมันคือการควบคุมชีวิตอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่เราจะเอาตัวรอดจากมันอีกด้วย
และนั่นคือกุญแจสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
บทความโดย Diane Koopman ชื่อ The Art Of Letting Go That Everyone Should Master
แปลและเรียบเรียง Around The World 27 มีนาคม 2562
หลังได้อ่านบทความนี้ คิดว่าเป็นบทความที่ดีและแยกแยะประเด็นที่อาจจะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วให้เข้าใจและคล้อยตามได้มากขึ้น เลยนำมาแปลและเรียบเรียงให้ได้อ่านกันครับ
หลายๆคนอาจจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตและจมอยู่กับมัน แต่น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะก้าวผ่านความเจ็บปวดและเดินต่อไปข้างหน้าเสียที
โฆษณา