#ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
เมื่อประมาณสองปีก่อน มีเคสคุณผู้ชายท่านหนึ่งมาโรงพยาบาลด้วยเรื่อง เจ็บคอ แต่การเจ็บคอครั้งนี้ไม่ธรรมดาค่ะ
https://www.healthline.com/health/white-spots-on-tonsils
เจ็บคอ กลืนก็เจ็บ ประมาณ 2 วัน ไข้ประมาณ 37.5 - 38 องศาทุกวัน
ปวดเมื่อยตัว น้ำมูกน้อย แต่ทานได้ไม่อาเจียน ไม่คลื่นไส้ ไม่หอบเหนื่อย
หมอส่องคอดูแล้ว ต่อมทอนซิลโต บวมแดง และเหมือนจะมีหนองด้วยหล่ะ
คนไข้บอกว่า ปวดเมื่อยคอมากเลย พอคลำต่อมน้ำเหลืองที่คอก็โตด้วยค่ะ
อาการค่อนข้างไปทางไข้จากต่อมทอนซิลอักเสบ
หมอให้ยาปฏิชีวนะไปแล้วนัดมาติดตามผล เนื่องจากในช่วงนั้นไข้เลือดออกระบาดหนัก ก็กลัวว่าคนไข้จะเป็นไข้เลือดออกมั้ย เลยต้องนัดมาตามอาการใกล้ ๆ หน่อย
https://www.nhs.uk/conditions/tonsillitis/
ผ่านไป 3 วัน ไข้ทุเลาลง เจ็บคอลดลงบ้าง แต่ยังมีจุดหนอง ตามมาเจาะเลือดซ้ำ เกร็ดเลือดยังคงปกติดี เมื่อไข้นี้ผ่านไปจนเกินวันที่ 5 ของไข้แล้ว ส่วนมากก็ไม่เหมือนไข้เลือดออกแล้วค่ะ คงตัดเรื่องไข้เลือดออกไปได้ 1 เรื่อง แต่ส่องคอแล้วทอนซิลยังมีจุดหนองขาว ๆ เหมือนเดิมเลย แปลกจัง
หมอสเตปยาฆ่าเชื้อขึ้นและตามมาดูอาการต่อ ระหว่างนี้ คนไข้ก็มีไข้ต่ำ ๆ ตลอด ๆ แต่โดยรวมอาการดูดี ๆ ทานได้ปกติ มีแต่เรื่องเจ็บคอและจุดขาวบนต่อมทอนซิลแค่นั้น
ผ่านไปตอนนี้ไข้เข้าสู่วันที่ 9 แล้ว มันไม่ธรรมดา หมอเอะใจ ยังคงสเตปยาให้เป็นยาฆ่าเชื้อแบบฉีดเข้าเส้นเลือด 3 วัน
วันสุดท้ายที่มารับยาฉีดเข้าเส้นเลือด ต่อมทอนซิลยังมีจุดขาวลดลงบ้างแต่ก็ดูไม่ตอบสนองกับยาอย่างที่ควรจะเป็นเลย
หมอนั่งคิดสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้อยู่ระยะหนึ่ง จนหมอเริ่มนึกถึงอาการของโรค ๆ หนึ่งค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้าถามไปแล้ว คนไข้จะโอเคกับคำถามมั้ย คำถามค่อนข้างละเอียดอ่อน
แต่ระหว่างที่หมอกำลังตัดสินใจอ้าปากจะถาม คนไข้ที่นิ่งอยู่นานก็เอ่ยปากก่อนหมอ
....... " หมอครับ ผมว่า... ผมอยากให้หมอตรวจดูเชื้อ HIV ให้ผมหน่อยครับ "
เมื่อคนไข้มี awareness หมอก็ดำเนินการต่อได้ง่ายขึ้น ต้องยอมรับว่าคนไข้เป็นคนที่กล้าหาญและพร้อมยอมรับคำตอบอยู่ จึงถามถึง
https://www.womenshealth.gov/hiv-and-aids/hiv-and-aids-basics
ได้ใจความว่า คนไข้เป็นหนุ่มโสด เมื่อไม่กี่เดือนนี้เปลี่ยนที่ทำงานใหม่ เพื่อนร่วมงานรวมกลุ่มชวนไปเที่ยว ระหว่างนั้น ตกกลางคืนดื่มกันอย่างหนัก จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่น่าจะเกิดความพลาดพลั้งมีอะไรกับคนที่ไม่รู้จัก 1 ครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร เหตุการณ์นี้ผ่านไปเกือบ 3 เดือนแล้ว น้ำหนักคงที่ดี ไม่ได้เหนื่อย ไม่มีผื่นที่ผิวดำดำอย่างที่เคยเห็นว่าคนติดเชื้อ HIV น่าจะเป็น เลยไม่ได้มาปรึกษาหมอ
เมื่อตรวจผลเลือดแล้วรอผลออก ก็พบ Anti-HIV reactive จริง ทั้งหมอและคนไข้ก็ใจแป้ว เห็นใจคนไข้มาก คนไข้สุภาพมาก ไม่มีท่าทีหุนหันเกรี้ยวกราดเลยตั้งแต่มาพบหมอ
หมอแนะนำให้มาตรวจซ้ำเพื่อคอนเฟิร์มผล HIV และทำนัดคุณหมอเฉพาะทางโรคติดเชื้อให้ ผลคอนเฟิร์มว่าติดเชื้อจริง
ถึงกระนั้น คนไข้เข้าใจในตัวเองมาก ไม่ปฏิเสธต่อผลที่เกิดขึ้น หมอปลอบใจและอธิบายกระบวนการรักษาและการดำเนินโรคให้ฟัง ไม่ได้น่ากลัวอย่างคิด เพียงแต่ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ และตามรับยาติดตามผลเลือดห้ามขาด นี่คือสิ่งที่คนไข้ต้องทำตลอดชีวิตค่ะ
การติดเชื้อ HIV ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องและอ่อนแอ ติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย ป่วยแล้วหายช้า มักพบอาการแรกเริ่มได้บ่อยคือ เชื้อราในช่องปาก ลิ้นเป็นฝ้าขาว น้ำหนักลดลงฮวบฮาบ ไข้นานต่อเนื่องหลายสัปดาห์ เป็นต้น
HIV ในไทยระบาดมากในช่วงระยะหลังถึงแม้จะมีการรณรงค์ป้องกันหลายปี เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การรักษาต้องติดตามการรักษาทั้งกายและใจ เพราะพบผู้ป่วย HIV มีภาวะซึมเศร้าได้บ่อยค่ะ
HIV ไม่ได้ติดต่อง่าย เพราะหลัก ๆ แล้วจากเพศสัมพันธ์ ทางเลือด ทางสายเลือด จากสารคัดหลั่งได้บ้าง แต่การอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน ไม่ติดต่อกันแน่นอนค่ะ
https://caritas-egypt.org/en/project/hiv-alex/
- 49
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
