29 มี.ค. 2019 เวลา 06:38 • ประวัติศาสตร์
อเล็กซานเดอร์มหาราช มหาราชชาตินักรบ ตอนที่ 2
เจ้าชายพระองค์น้อยขึ้นครองบัลลังก์
เจ้าชายอเล็กซานเดอร์มักจะโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ เสมอ พระองค์ไม่ได้มีพระวรกายที่สูงใหญ่ แต่พระองค์ก็แข็งแรงและมีพระสิริโฉมงดงาม พระเกศาของพระองค์นั้นเป็นสีทองอ่อนกว่าคนทั่วไป ซึ่งพระองค์มักจะทรงหวีไปด้านหลัง พระพักตร์เกลี้ยงเกลา ไม่ไว้หนวดเคราเหมือนชายทั่วไปในยุคนั้น
ผู้คนมักจะหลงไหลกับพระรูปโฉมที่สง่างามของพระองค์ แต่หลายคนก็มักต้องระวังเวลาอยู่กับพระองค์ เนื่องจากพระองค์มีพระอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย พระเนตรของพระองค์นั้นดุดัน เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ผู้คนจึงทั้งรักทั้งกลัวพระองค์
เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ เติบโตในราชสำนักมาซิดอน พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ทรงจัดหาพระอาจารย์มาถวายพระอักษรให้เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ พระองค์ได้รับการสอนให้อ่าน เขียน คณิตศาสตร์ รวมถึงดนตรี การขี่ม้า ล่าสัตว์ มวยปล้ำและการใช้อาวุธ ซึ่งพระองค์ก็ทรงมีพระปรีชาสามารถเป็นอย่างมาก
แต่เจ้าชายยังไม่ทรงพอพระทัยครับ พระองค์ทรงอยากจะเป็นที่ 1 ในทุกๆ เรื่อง
สิ่งที่พระองค์ทรงหลงไหลเป็นอย่างมากคือเรื่องของการอ่าน มีเรื่องเล่าว่า เวลาเข้าบรรทม พระองค์จะซุกของ 2 สิ่งไว้ใต้หมอน คือ 1.กริช 2.บทกวีของโฮเมอร์ (Homer)
1
ในเวลานั้น เด็กชายส่วนใหญ่จะเรียนจบตอนอายุ 12 แต่สำหรับเจ้าชายอย่างอเล็กซานเดอร์แล้วนั้น พระเจ้าฟิลิปทรงมีพระราชประสงค์จะให้พระราชโอรสเรียนให้สูงกว่านี้
พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ทรงเลือกให้อริสโตเติล (Aristotle) ชายที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดในกรีก ให้เป็นพระอาจารย์ของเจ้าชาย
อริสโตเติล (Aristotle)
พระเจ้าฟิลิปได้เสนอเงินค่าตอบแทนมหาศาลให้อริสโตเติล แต่อริสโตเติลปฏิเสธครับ เนื่องจากก่อนนี้ พระเจ้าฟิลิปได้รุกรานบ้านเกิดของอริสโตเติล อริสโตเติลจึงปฏิเสธ เว้นแต่พระเจ้าฟิลิปจะบูรณะปรับปรุงบ้านเกิดของเขา รวมถึงอนุญาตให้ชาวเมืองกลับเข้ามาตั้งรกรากในบ้านเกิดได้ ซึ่งพระเจ้าฟิลิปก็ได้ทรงอนุญาต
ลูกศิษย์ของอริสโตเติลไม่ได้มีแค่เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ครับ พระเจ้าฟิลิปทรงแต่งตั้งให้อริสโตเติลเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนที่สอนเด็กชายในตระกูลสูงโดยเฉพาะ
เด็กๆ ในโรงเรียนต้องเรียนวิชาปรัชญา การแพทย์ วิทยาศาสตร์ ซึ่งเด็กๆ เหล่านั้น หลายคนก็กลายมาเป็นพระสหายสนิทของเจ้าชาย และพระสหายที่สนิทที่สุดของเจ้าชายก็คือเฮฟีสตีออน (Hephaestion)
เฮฟีสตีออน (Hephaestion)
ในเวลานั้น พระเจ้าฟิลิปกำลังวางแผนสู้รบกับพวกเปอร์เซีย เนื่องจากย้อนกลับไปประมาณ 150 ปี ชาวเปอร์เซียได้มารุกรานกรีก พระเจ้าฟิลิปจึงมีพระราชประสงค์จะสั่งสอนชาวเปอร์เซียให้ยอมสยบ
แต่การจะตีเปอร์เซียก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เปอร์เซียในเวลานั้นเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ กินเนื้อที่ตั้งแต่ทะเลเมดิเตอเรเนียนไปจนถึงมหาสมุทรอินเดีย และยังยึดครองหลายเมืองของกรีก ซึ่งพระเจ้าฟิลิปก็ตั้งพระราขหฤทัยจะปลดปล่อยเมืองของกรีกที่ถูกยึดครองโดยพวกเปอร์เซียให้เป็นอิสระ
จักรวรรดิเปอร์เซีย
เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ก็ทรงเห็นด้วยกับพระราชบิดา ถึงแม้ว่ากองทัพเปอร์เซียจะใหญ่และมีกำลังพลมหาศาล แต่พระองค์ก็ทรงเชื่อมั่นในทัพของมาซิดอน พระองค์ทรงคิดว่าทหารมาซิดอน 1 นาย สามารถสู้กับทหารเปอร์เซียได้ 10 นาย และทัพของพระองค์ก็มีอาวุธที่ดีกว่าพวกเปอร์เซีย
แต่ก่อนที่พระเจ้าฟิลิปจะออกทัพ พระองค์ยังมีงานสำคัญรออยู่ นั่นคืองานเสกสมรสของพระราชธิดา พระราชธิดาของพระองค์ได้เสกสมรสกับเจ้าผู้ครองอาณาจักรใกล้เคียง
การเสกสมรสนี้เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ มีขบวนพาเหรดยิ่งใหญ่อลังการ ประชาชนต่างออกมาเฝ้าชมงาน
วันนี้เป็นวันที่เต็มไปด้วยความสุข ไม่มีใครนึกเฉลียวใจว่าจะเกิดเหตุร้าย พระเจ้าฟิลิปจึงจัดให้มีองครักษ์เพียงแค่ 2 นายเท่านั้น
แต่ 1 ในองครักษ์นั้นเกลียดพระเจ้าฟิลิปครับ เขาจึงชักกริชออกมาและแทงพระเจ้าฟิลิป
พระเจ้าฟิลิปสวรรคต
งานเลี้ยงกลายเป็นงานแห่งความโศกเศร้า ถึงเวลาต้องมีกษัตริย์องค์ใหม่
ผู้ที่จะได้ขึ้นครองราชย์ก็คือเจ้าชายอเล็กซานเดอร์
ถึงเวลาของการผลัดแผ่นดิน จะเป็นอย่างไรต่อไป ผมจะมาเล่าต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา