• 12 เดือนแรกการดูดนม อุ้ม กอด บอกรัก นอนด้วยกัน สำคัญที่สุด ต้องทำให้เค้าไว้ใจโลก ไว้ใจแม่ เราต้องพิสูจน์ให้ลูกรู้ว่ามีแม่
• ระยะลาคลอดที่คุณหมอแนะนำคือ 1 ปี
• แนะนำให้เลี้ยงลูกเอง ถ้าลาออกมาไม่ได้ก็ควรบริหารเวลา 24 ชั่วโมงให้ดีที่สุด ทำงานใกล้บ้าน เรียนใกล้บ้าน ความก้าวหน้าด้านหน้าที่การงาน ไม่สำคัญเท่าพัฒนาการลูก
• ลูกที่นอนมองโมบายแล้วหันมามองเมื่อแม่เดินเข้ามา แปลว่าเค้าเชื่อว่าแม่มีอยู่จริง
• มีแม่ คือ มี EF (Executive Function)
• EF คือ การกำหนดเป้าหมายแล้วไปให้ถึง แม้จะมีอุปสรรค และสิ่งทีทำให้วอกแวกก็ตาม
• EF คือสิ่งที่ทำให้เด็กแต่ละคนมีความต่างกัน
• วงจร EF เริ่มสร้าง เมื่อลูกอายุ 3 ปี 3-7 ปี คือช่วงที่ดีที่สุดในการสร้าง EF
• ช่วง 3 ขวบให้ปล่อยให้เค้าดื้ออย่างเต็มที่
• อ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังเสมอๆ อ่านได้ถึง 9 ขวบ
• ต้องค่อยๆสอนกาลเทศะ ไม่กดดัน
• ควรมีเวลาพาลูกไปทำงานอาสาสมัครบ้าง
• การกดดันลูกให้พัฒนาการเท่าคนอื่น เค้าจะถดถอยและแย่กว่าเก่า
• เด็ก 5 ขวบจะอ่านออก เขียนได้ ระบายสีสวยได้ด้วยตัวเอง
• นิ้วมือมาก่อนสมอง ให้ลูกใช้นิ้วมือมากๆ เล่นมากๆ
• การบังคับให้ลูกเขียนหนังสือได้ ระบายสีสวย ก่อนวัยทำให้เด็กทิ้งนิวมืออีก 7 นิ้วซึ่งสำคัญกว่ามาก
• ของเล่นที่ดีที่สุดคือ ทราย โคลน บล็อกไม้ ส่งผลระยะยาวให้เด็กรู้จักเปลี่ยนมุมมอง ยืดหยุ่น แก้ปัญหา รู้จักตัวเอง รู้ว่าอยากเป็นอะไรในอนาคต
• การเล่นดิน เล่นทรายเป็นการระบายความดื้อที่ดีที่สุด ยิ่งดื้อต้องยิ่งให้เล่น
• ปั้นดินน้ำมัน ระบายสี เล่นเสรี ดนตรี ฉีกตัดปะกระดาษ เล่นบทบาทสมมติ กีฬา ปีนที่สูง
• ปีนที่สูง ยิ่งเสี่ยงคะแนน EF ยิ่งขึ้น
• เด็กที่ชอบเล่น บทบาทสมมติ จะมีพัฒนาการด้านภาษาดี
• มุมมองต่อนามธรรมของเด็กจะเปลี่ยนเมื่อ 12 ขวบ เล่นบล็อกไม้บ่อยๆ จะทำให้เด็กมีหลายๆมุมมอง เช่นมุมองต่อคนรอบข้างและคู่สมรสในอนาคต
• ปล่อยเด็กให้เล่นแบบอิสระมากที่สุด ได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความใจถึงของพ่อแม่
• การเล่นยิ่งสกปรกยิ่งดี
• สมองที่ดีเป็นที่ตั้งของนิสัยที่ดี
• ลำดับการพัฒนาคือ นิ้ว สมอง EF
• คนที่เลี้ยงลูกคือแม่ คนที่คลอดไม่ใช่
• เวลาที่ลูกหัดเดิน เค้ามักจะหันมามองแม่ทุก 5 ก้าว เพราะเค้าเชื่อว่าแม่มีอยู่จริง
• ตั้งแต่ลุกหัดเดินนั่นแปลว่าลูกกำลังเดินออกห่างเราไปทุกๆวัน พ่อแม่ที่มัวแต่ทำงานจะทำให้ลูกไปจากเราเร็วขึ้น
• ทำให้ลูกเห็นความรักของเราก่อนที่เค้าจะทำผิดพลาด
• 2 ปีแรกห้ามให้ลูกดูมือถือเด็ดขาด เพราะเค้าจะไม่สบตาแม่ ไม่รู้จักหน้าแม่
• หลัง 2 ปี ดูได้ ครึ่ง- ชั่วโมงต่อวัน
• 3 ขวบต้องเริ่มสอนให้ทำงานบ้านแล้ว เด็กต้องเก็บของเล่นเองได้ตั้งแต่ 3 ขวบ และไม่เกิน 6 ขวบเพราะกล้ามเนื้อนิ้วมือพัฒนาเต็มที่แล้ว
• ทุกวันให้ทำงานบ้าน ทำการบ้าน เล่น
• ฝึกให้ลูกเป็นเด็กที่สั่งปุ๊บ ทำปั๊บให้ได้ก่อน 7 ขวบ
• EF แข็งแรงเต็มที่ เมื่ออายุ 25 ปี
• Time out เป็นวิธีแก้ที่ปลายเหตุ เราต้องมีวาจาสิทธ์คำไหนคำนั้น ไม่ใช่อะไรๆก็ Time out
• การห้ามลูกไปหมดทุกอย่าง ไม่ได่ช่วยอะไร ห้ามน้อยๆลูกจะคืนกำไรให้เอง
• ช่วง 2 ขวบถ้าลูกวางของแรงๆ ตบหน้า อย่าไปดุว่า เพราะเค้ากำลังทดสอบกล้ามเนื้อมือ
• Self Esteem คือการเห็นคุณค่าในตัวเอง
• Self Esteem เด็กมักจะน้อยลงจากการไปโรงเรียน การแย่งกันเป็นที่ 1 การทำผิดที่โดนตัดคะแนน โดนว่า ดังนั้น ที่บ้านต้องสร้างกลับมาให้ลูกให้เยอะที่สุด
• เด็กสมองดีไม่ใช่แค่ เกรด 4.00 ไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินอนาคตได้
• สอนลูกให้เป็นเด็กธรรมดาที่เอาตัวรอดได้
• ลดการเรียนรู้จากการท่องจำ เช่นสัตว์ปีก สัตว์บก สัตว์น้ำ มาเป็นให้เด็กมีอิสระในการแยกประเภทของตัวเอง เช่นแยกสัตว์ตามสี ตามขนาดบ้างก็ได้ สมองเด็กจะพัฒนาได้ลื่นไหลกว่า
• ช่วงประถมไม่ใช่เร่งให้เด็กแข่งขัน แย่งที่นั่ง ตัวใครตัวมัน แต่ควรเน้นให้เด็กทำงานเป็นทีม ซึ่งส่วนใหญ่ ร.ร.ทางเลือกจะให้ความสำคัญเรื่องนี้
• เด็กที่เล่นมากๆ ช่วง 4-7 ขวบจะเห็นภาพตัวเองที่ชัดเจน
• เด็กไทยบางคนนั่งเรียนหมออยู่ยังตอบคำถามไม่ได้ว่าโตขึ้นมาอยากเป็นอะไร เพราะแม่บังคับให้เรียน
• ช่วงประถมเด็กจะเริ่มมี Idol มีหัวหน้าแก็งค์ มีสิ่งที่อยากเป็น อยากมีตัวตน ปล่อยให้เค้าเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้เหมือนนมกล่องหนึ่งที่มีวันหมดอายุ เมื่อมันหมดอายุ ลูกก็จะกลับมา แต่เราต้องสร้างตัวตนไว้กับเค้า มีสายสัมพันธ์ดึงเค้ากลับมาได้
• ให้ลูกรู้ว่า อยากทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำให้แม่เสียใจ
• เด็กวัยรุ่นบางคนที่มาพบคุณหมอพูดว่า “พ่อแม่ไม่เคยสอนให้รู้จักควบคุมตัวเอง”
• การเลี้ยงลูกยุคนี้ยากกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะมีตัววอกแวกเยอะ เด็กเดี๋ยวทำการบ้าน ก็จะวอกแวกไปที่สื่อโซเชียลหน้าจอต่างๆ ถ้าเราไม่ควบคุมเด็กจะดุหนังโป๊เร็วขึ้น เล่นการพนันง่ายขึ้น
• 3 ข้อที่สำคัญ คือ สอนให้ลุกมีจิตตั้งมั่นในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่วอกแวก และรู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวานให้เป็นนิสัย
• จิตตั้งมั่นเช่น ทำการบ้านให้เสร็จเพียงอย่างเดียว / ไม่วอกแวกเช่นขณะทำการบ้าน ไม่ดูทีวี ไม่เล่นโซเชียล /อดเปรี้ยวไว้กินหวานคือ ทำงานบ้าน ทำการบ้าน แล้วถึงจะได้เล่น เป็นต้น
• เด็กบางคนติดยาบ้าทั้งที่รู้ว่าไม่ดี มีเพศสัมพันธ์ไม่ใส่ถุงยางทั้งที่รู้ว่าไม่ใส่ถุงยางแล้วจะท้อง เพราะไม่ได้เกิดการเรียนรู้ที่แท้จริง และขาด EF
• EF พัฒนาเต็มที่เมื่ออายุ 25 ปี
• EF แสดงชัดเจนตอนอายุ 15 มีมากในเด็กที่เล่นมากและช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านมาก
• มีเด็กอายุ 15 ปีจำนวนมากที่ทำงานบ้านไม่เป็นเลย
• เด็กที่เอาแต่เรียนและเล่นเกมจะควบคุมตัวเองได้ยาก
• เด็กควรจะทำงานบ้านได้ครบทุกอย่างเมื่ออายุ 12 ปี
• งานบ้านแรกๆที่ควรสอนลูกทำคืองานบ้านเกี่ยวกับน้ำเพราะสนุก
• เวลาจากแม่คือตัวช่วยที่ดีที่สุดในการพัฒนาสมองลูก
• เด็กสมัยก่อนเลี้ยวยังไงก็รอด เด็กสมัยนี้เลี้ยงให้รอดนั้นยาก เพราะสิ่งยั่วยุให้วอกแวกเยอะ
• เด็กเล็กๆไม่ต้องรีบฝึกความเก่ง ความเข้มแข็งแม่มีหน้าที่ปกป้องเค้า
• อย่าลืมสอนลูกไม่ให้เป็นเด็กที่ไป bully คนอื่น เริ่มต้นที่ลูกเราก่อนเพื่อลดปัญหาสังคมนี้
• เวลาของลูกคือสิ่งที่ซื้อกลับมาไม่ได้