4 เม.ย. 2019 เวลา 14:19 • ประวัติศาสตร์
ตอนที่ 2 : ขุนนางแวมไพร์กระหายเลือด - Elizabeth Bathory (ตอนจบ)
สืบเนื่องความโหดร้ายของอลิซาเบธจาก ตอนที่แล้ว หลังจากที่อลิซาเบธได้ค้นพบ ที่มาของความสุขจากการฆ่าคนของเธอ เรื่องราวจะเป็นยังไง ไปติดตามกันต่อได้เลยค่า
อีกสิ่งหนึ่งที่อลิซาเบธ ทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์โลกก็คือ เครื่องมือทรมานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่ง คือ "Iron Maiden" นั่นเอง ช่างทำนาฬิกาถูกเรียกตัวมาจากเยอรมันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีการบรรยายเกี่ยวกับตุ๊กตาเหล็กไว้ดังนี้
"ตุ๊กตาเหล็กนี้มีรูปร่างเป็นร่างเปลือยทาสีเนื้อ ส่วนใบหน้ามีการแต้มเครื่องสำอาง เมื่อกลไกขยับปาก ก็จะปรากฏรอยยิ้มอันเลื่อนลอยและเหี้ยมโหดขึ้นบนใบหน้า ที่อกมีพลอยประดับอยู่เป็นปุ่ม เมื่อกดปุ่ม ตุ๊กตาก็จะค่อย ๆ ยกแขนขึ้น
จากนั้นแขนก็จะเคลื่อนมาเป็นกอดอกซึ่งคนที่อยู่ในระยะรัศมีก็จะถูกแขนของ ตุ๊กตากอดไว้ พร้อมกันนั้น ส่วนตัวด้านหน้าก็จะเปิดออกเป็นบานประตู ภายในเป็นช่องกลวงและด้านหลังบานประตูมีเข็มแหลมยาวงอกอยู่ 5 เล่ม ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดไว้จะถูกขังอยู่ภายในตัวตุ๊กตาและถูกเข็มเหล่านี้แทง คั้นเลือดออกมาจนเสียชีวิต"
1
Cr.ripleys
อย่างไรก็ตาม เครื่องทรมานดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกใช้งานจริงมากเท่าที่เข้าใจกัน เนื่องจากเข็มพากันทื่อเสียหมดเพราะเป็นสนิมจากเลือด เอลิซาเบธ จึงออกคำสั่งใหม่ให้สร้างกรงเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งมีเข็มแหลมอยู่ภายใน
กรงดังกล่าวจะถูกเฟืองโซ่ยกขึ้นสูงจากพื้นโดยมีเด็กสาวอยู่ข้างใน และเมื่อเขย่ากรง เลือดก็จะกระจายลงมาสู่เอลิซาเบธ ที่อยู่เบื้องล่างราวกับเป็นฝนเลือด
เวลาผ่านไปเกือบห้าปี ลูกสาวชาวไร่ชาวนาหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น ความผิดพลาดอลิซาเบธเกิดขึ้นเมื่อเธอไปเที่ยวที่เมืองวีน เหตุการณ์สยองจึงเริ่มเกิดต่อสาธารณชนรับรู้ครั้งแรก เมื่อมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังออกมาจากห้องพักของอลิซาเบธ
อลิซาเบธหันไปหาพวกลูก ๆ ของพวกผู้ดีมีตระกูล บางรายเป็นลูกของเพื่อนๆ ผู้สูงศักดิ์ของเธอด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้บ่าวไพร่หมดปัญญาจะเอาศพไปทิ้งไม่ให้ใครเห็นเพราะมีเหยื่อมากมาย ก่ายกองจนต้องโยนออกมาในตอนกลางคืนเพื่อให้ฝูงหมาป่ารุมกินเป็นความเอร็ด อร่อยยามดึก
1
แต่สุดท้ายแล้ว ฝูงหมาป่าก็กินศพไม่หมด (เพราะมันเยอะมาก) คราวนี้ละพวกญาติๆที่มาตามหาสาวน้อยของพวกเขา ก็ได้เห็นภาพน่าสยองขวัญ ตอนแรกมีชาวบ้านมาพบกองซากศพที่ซีดเผือกไม่มีเลือดเหลืออยู่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว เลยเกิดข่าวล่ำลือไปว่าในป่านี้มีผีดิบดูดเลือดอยู่
1
Cr.drowningthelight
คนรับใช้ของอลิซาเบธ ได้ยินเสียงคนกรีดร้องจึงไปตรวจดูและพบว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของ นักร้องสาวของสมาคมแห่งหนึ่งในเมืองนั้น ภาพที่เขาเห็น คือ หญิงสาวถูกตัดมือ ตัดเท้า และเสียชีวิต ตายตรงหน้าอลิซาเบธ เธอบอกกับคนรับใช้ของเธอว่า นักร้องผู้นี้ทำความผิด จึงมีโทษต้องตาย และนี่คือความผิดพลาดของอลิซาเบธเพราะคนรับใช้คนนี้ก็ปากเปราะเสีย ด้วยสิ
ว่าแล้วกิตติศัพท์ นี้ย่อมต้องกลายเป็นที่เลื่องลือในไม่ช้า ประชาชนเริ่มร้องเรียนเรื่องไปยังราชสำนักถึงเรื่องคนหาย และมีญาติของเด็กหลายรายยืนยันว่าเด็กสาวที่ตายกันเป็นกองๆใกล้ปราสาทของอลิซาเบธ อยู่นั้นล้วนแล้วแต่ถูกล่อลวงให้มาที่ปราสาทเธอ
1
และแล้วพระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ก็ทรงเข้ามาจัดการกับคดีนี้ด้วยพระองค์เอง
ธันวาคมปี ค.ศ. 1610 เมื่อมาร์ควิสเธอร์โซซึ่งเป็นญาติของอลิซาเบธ ไปยังห้องใต้ดินของปราสาทเซติช เขาก็ต้องผงะกับสิ่งที่ตัวเองพบ
เครื่องทรมานจำนวนนับไม่ถ้วน รอยเลือดที่ชโลมอยู่แทบทุกที่และศพที่กองเป็นภูเขา บางศพถูกตัดทรวงอก บางศพถูกเฉือนเนื้อ บางศพศีรษะถูกทุบจนแหลก และบางศพก็เต็มไปด้วยรูตามตัว กลิ่นเลือดตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง มีเด็กสาวบางคนถูกช่วยออกมาได้ แต่ก็เกือบไม่รอดเหมือนกันเพราะพวกเขาพบเธอในขณะที่นอนหายใจรวยรินยังไม่ เสียชีวิต
เธอเล่าว่า เธอถูกจับมาพร้อมเพื่อนสาวอีกเป็นจำนวนมากโดยมีสาวใช้สองคนของ อลิซาเบธคือ นางดอลค์และนางรีโอน่า เป็นคนสังหารนำเลือดมาให้ผู้เป็นนายชโลมผิว เพราะเชื่อว่าเลือดคือยาอายุวัฒนะ แต่ก็ยากที่จะบอกว่าพวกเธอปลอดภัยดี เพราะหลายคนถูกบังคับให้กินเนื้อจากศพของเด็กสาวคนอื่น จนบางคนกลายเป็นคนวิกลจริตด้วยซ้ำ
2
Cr.wattpad
อลิซาเบธ บาโธรี่ ถูกสอบสวนในปี ค.ศ. 1610 อย่าว่าแต่พวกชาวไร่ชาวนาเลย บรรดาผู้ดีมีตระกูลทั้งหลายต่างอาฆาตแค้น และญาติสนิทของเธอเองก็โกรธเคืองอย่างหนัก ว่าเธอ
ซาดิสต์ขนาดนี้ วงศ์ตระกลูบาโธรี่เสื่อมเสียกันหมด ไม่มีอำนาจใด ๆ ที่จะช่วยให้นางฟ้าหรือผีห่าซาตานตนนี้พ้นผิดไปได้แล้ว
ลูกมือของอลิซาเบธ เปิดปากสารภาพเล่าวิธีการ และบอกถึงรายนามเหยื่อเท่าที่พวกเขาจำได้เฉพาะที่จำได้ก็ปาเข้าไปตั้ง 160 ศพ เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1611 การตัดสินคดีของอลิซาเบธถูกจัดขึ้นที่พิซเซ่ อลิซาเบธได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องมาขึ้นศาลด้วยตัวเอง และเนื่องจากฎีกาของตระกูลบาโธรี่ เธอก็รอดพ้นจากโทษประหาร
ในขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในการสังหารทุกคนต่างก็ถูก ตัดสินโทษเผาทั้งเป็น โดยผู้มีส่วนร่วมเป็นสาวใช้สองคนที่ทำหน้าที่ค้นหาและจับผู้หญิงสาวเคราะห์ ร้ายมาสังเวยแก่เธอถึง 605 คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก
หลังการไต่สวนสมุนเอกของ อลิซาเบธถูกลงโทษโดยการเผาทั้งเป็นในที่สาธารณะ เธอ ถูกลากกลับไปที่ปราสาทเซติซ ของเธอเอง ที่นั้นเธอถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองก็ก่ออิฐปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมด เหลือไว้เพียงช่องเล็กนิดเดียวที่พอจะสอดอาหารและน้ำส่งให้เธอได้
ลองโดนขังไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันขนาดนี้ เป็นคนอื่นล่ะตายไปนานแล้วแต่บาปหนาของเธอทำให้เธอยังมีชีวิตอยู่ รับรู้รสชาติความทรมานที่แสนสาหัสนานถึง 4 ปี
การตัดสินโทษของเอลิซาเบธ ถูกโอนให้เป็นอำนาจของตระกูลบาโธรี่ และโดยผลการประชุมของตระกูล เอลิซาเบธ ก็ถูกตัดสินให้ถูกจองจำอยู่ในปราสาทเซติชไปจนตลอดชีวิตในห้องขังอันมืดมิด ซึ่งประตูถูกโบกปูนปิดตายตลอดชีวิต ไม่ให้หลุดมาทำอันตรายใครได้อีกเลย
และเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1614 อลิซาเบธก็ได้เสียชีวิตลง ด้วยอายุ 54 ปี ในเมือง Csejte ราชอาณาจักรฮังการี ปัจจุบันคือ Čachtice ประเทศสโลวาเกีย
1
ปราสาท Čachtice ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้านแอคติส ประเทศสโลวาเกีย สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 13 ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นทั้งที่อยู่อาศัย เรือนจำ และที่คุมขังทรมานอันสุดแสนจะอำมหิตในที่สุด ของอลิซาเบธ บาโธรี่ ตลอดกาล
ปราสาท Čachtice
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่อ่านเรื่องราวอันน่าสยดสยอง ของ อลิซาเบธ หญิงสาวผู้ใจร้าย อมหิต และโหดเหี้ยม แอบเสียดายเนอะ ที่เธอได้รับโทษเพียงแค่การถูกขังเท่านั้นเอง เทียบไม่ได้กับการกระทำที่เธอได้ทำเอาไว้เลยเนอะ เพราะมันโหดกว่าที่เธอได้รับผลกรรมมากกกก (เรดอิน 55555)
หากท่านใดชื่นชอบ กดไลค์ กดแชร์ และกด Follow ให้กับเราด้วยนะคะ เรายินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุกๆท่านค่า ขอบคุณค่ะ ❤ 😁
Cr.sanook , teenmthai , cammy
Written by. Red Diary ❤
โฆษณา