11 เม.ย. 2019 เวลา 06:47 • ไลฟ์สไตล์
Blockdit เล่มที่ 9
“Pharmacy for the Soul”
“โอโชบำบัด”
 
ผู้เขียน: โอโช
 
สนพ: Post Books
หมวด: จิตวิญญาณ
เหมาะกับใคร: “ผู้สนใจการรักษาตัวเอง”
“โอโชบำบัด” เป็นหนังสือที่เขียนโดย “โอโช” บรมครูด้านจิตวิญญาณชาวอินเดีย
 
สำหรับท่านที่อาจไม่รู้จัก โอโชเป็นคุรุที่เผยแพร่การตื่นรู้แนวนิวเอจที่มีชื่อเสียงพอสมควรเมื่อหลายสิบปีก่อน คำสอนมีความลึกซึ้ง เป็นสัจธรรม ปรัชญาชั้นสูง อย่างไรก็ตาม เขายังถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่สุดโต่ง คำสอนที่ดูแตกต่าง และหลายๆ ครั้งก็อิงเรื่องเพศอย่างไม่ปิดบัง
 
เขากลับมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นหลังจากเสียชีวิตราวๆ ปี 1990 จากสาเหตุที่ไม่แน่ชัด และหลายๆ คำสอนของโอโชถูกถอดออกมาเป็นหนังสือ หรือสื่ออื่นๆ บางส่วนก็เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ผู้คนรุ่นหลังยอมรับแนวคิดที่แตกต่าง และหลายคำสอนก็ทรงพลัง จึงมีผู้ศึกษาแนวคิดของเขาอยู่จำนวนมาก
 
อย่างไรก็ตาม หากสนใจอ่านงานของโอโช ต้องเปิดใจให้กว้างๆ ทั้งควรใช้ปัญญาพิจารณาให้มากสักหน่อยนะครับ
เอาล่ะครับ...
สำหรับเล่มนี้ โอโชพูดถึงวิธีที่มนุษย์สามารถ “เยียวยาตนเอง” จากการเจ็บป่วยทั้งกาย ใจ และวิญญาณ โดยใช้กระบวนการหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ การทำสมาธิ หายใจ และอยู่กับปัจจุบันนั่นเองครับ
เนื่องจาก หนังสือเล่มนี้ มีการแนะนำวิธีปฏิบัติอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับที่จะนำมาบอกเล่าได้อย่างครบถ้วน เอาเป็นว่า ผมขอเล่าแบบสั้นๆ แล้วกันนะครับ !
บทแรก: เรื่องของความเครียด และการผ่อนคลาย
 
ว่าด้วยเรื่องที่คนเราในยุคปัจจุบันมักจะเกิดความเครียดได้ง่ายดาย เพราะการยึดติด หรือพยายามทำชีวิตให้เป็นไปตามความคาดหวัง จนทำให้ร่างกายเจ็บป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 
ในหนังสือก็มีวิธีที่จะช่วยให้คุณปล่อยวางได้อย่างหลากหลาย โดยจะเป็นการเน้นไปที่การผ่อนคลาย ความเชื่อที่พันธนาการต่างๆ มลายหายไป
บทที่สอง: เรื่องของความคิด
 
มนุษย์เรา คือสิ่งมีชีวิตที่ “เสพติดความคิด” อยู่ตลอดเวลา ผลจากเรื่องนี้ ก็ทำให้ความคิดวนเวียนไม่สิ้นสุด และทำให้เราเหน็ดเหนื่อยโดยไม่จำเป็น
 
ทั้งๆ ที่หากสามารถหยุดความคิดได้บ้าง จะทำให้เมื่อต้องการใช้ความคิดจริงๆ ก็จะได้สิ่งที่ออกมาเป็นสติปัญญาขั้นสูง บทนี้จึงมีกระบวนการที่ช่วยให้เราสามารถปรับให้สามารถใช้ความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ
บทที่สาม: ศิลปะของหัวใจ
 
บทนี้เป็นบทที่เน้นเรื่องของความรัก ซึ่งเป็นพลังงานที่สูง และมีประสิทธิภาพที่สุดของการเกิดเป็นมนุษย์ ในการใช้ชีวิตที่ผ่านมา อาจมีการหลงลืมไปว่า เราได้รับความรัก การเสียสละ จากทุกคน หรือสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่
 
กระบวนการของบทนี้ เป็นการย้ำเตือนว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเผื่อแผ่ความรักออกไปให้มากเพียงใด สิ่งที่ได้กลับมาก็จะความรักที่ย้อนคืนกลับมาที่มากกว่าเดิม นั่นเองครับ
บทที่สี่: ค้นหาตัวตนที่แท้จริง
 
เมื่อตอนเป็นเด็ก เราจะไม่ถูกตีกรอบ แปะป้าย หรือตีความโดยสังคม เราเป็นอิสระจากภายใน และมีความสุขได้ตลอดเวลา จนเมื่อเติบโตมาเรื่อยๆ ตัวตนของเราก็ถูกแปรเปลี่ยนไปเพราะสังคมภายนอก
 
กระบวนการต่างๆ ในบทนี้ จะช่วยให้เรากลับมาเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมต่อกับตัวตนภายในที่หลงลืมไปนานแสนนาน และมีความสุขเพิ่มขึ้น
บทที่ห้า: การเห็นอย่างแท้จริง
 
ผู้คนในสังคมของมนุษย์ มักปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตนเองอย่างตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเรามีปฏิสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ เราจึงจะอาจค้นพบว่า คนๆ นั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
 
กระบวนการของบทนี้ จึงเป็นเรื่องของการที่เราสามารถสังเกต หรือมองเห็นในสิ่งที่อาจจะเคยมองข้ามไป หรือเป็นการเปิด “ตาที่สาม” จนสามารถมองทะลุถึงภายใจจิตใจของผู้อื่นได้
บทที่หก: บริหารอารมณ์
.
อารมณ์คือสิ่งที่ทำให้คนๆ หนึ่งมีความทุกข์ได้อย่างสาหัส หรือ จะมีความสุขได้อย่างไร้ขีดจำกัด หากเพียงเข้าใจ และระลึกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจของเรามีสภาพแบบใด
 
บทนี้ คือการเข้าใจ และปล่อยวางความทุกข์ที่เข้ามายึดพื้นที่ของจิตใจ ทั้งการมีอยู่อย่างถาวร ไม่ยอมจากไปไหน หรือ มาเพียงชั่วคราวแล้วก็จะผ่านไป เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่กับด้านลบ โดยไม่มองว่าเป็นปัญหาที่ต้องกำจัด หากแต่คิดว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเรียนรู้จากมัน
บทที่เจ็ด: ความสัมพันธ์
 
ความสัมพันธ์คือการเชื่อมต่อกับผู้อื่น หลายๆ ครั้ง เรามักไม่ค่อยเห็นคุณค่า กับการได้อยู่กับคนรัก หรือ การมีโอกาสได้พบเจอใครๆ จึงพึงระลึกเสมอว่าเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า
 
กระบวนการทั้งหลายในบทนี้ก็จะช่วยย้ำเตือน และให้เราสำนึกรู้คุณของการมีคนอื่นๆ อยู่ในชีวิตของเราได้มากยิ่งขึ้นครับ
บทที่แปด: การเชื่อมต่อของร่างกาย และจิตใจ
 
ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ในยุคปัจจุบันมักไม่ไปทางเดียวกัน นั่นคือ ร่างกายกำลังทำงานตรงหน้า แต่ภายในใจของเรากลับไปอยู่ที่อื่นตลอดเวลา
 
บทนี้จะเป็นการผสานเชื่อมต่อระหว่างจิตใจและร่างกาย ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการออกกำลังกาย และการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหวที่โอโชเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา นอกจากนั้นการเลือกรับประทานอาหารอย่างมีสติ ทั้งรู้จักพักผ่อนในเวลาที่เหมาะสมที่สุด ก็ช่วยได้มากเช่นเดียวกันครับ
บทที่เก้า: ความสงบ
 
เมื่อฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง ภายในของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ คุณจะไม่โกรธง่าย ทั้งเมื่อโกรธแล้วก็จะหายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น คุณจะจะหัวเราะได้ง่ายขึ้น ทั้งเสียน้ำตาได้ง่ายขึ้น แต่จะเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อเกิดจากความสุข ความปีติ การขอบคุณ สำนึกรู้คุณ
 
กระบวนการของบทนี้ จึงเป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ปล่อยวางความคิด และอยู่กับปัจจุบันขณะได้อย่างแท้จริง
บทสรุปหลังจากอ่านจบ
.
หนังสือเล่มนี้มีกระบวนการที่เยอะจริงๆ ครับ แต่จะแตกต่างไปจากหนังสือจากฟากตะวันตกค่อนข้างมาก เนื้อหาจะเหมือนการเล่าไปเรื่อยๆ (น่าจะมาจากการถอดเทปคำสอน) จึงค่อนข้างจับประเด็นไม่ง่ายเลยล่ะครับ หลายๆ กระบวนการก็มีความแปลกอยู่เหมือนกัน ทั้งมีการชี้นำแบบฟันธงค่อนข้างสูง ทั้งหมดคล้ายเป็นการเล่นสนุก แต่ก็น่าสนใจที่จะเลือกนำมาปฏิบัตินะครับ
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของหนังสือเล่มนี้ก็มีอยู่หลายอย่างเช่นเดียวกัน
 
อาทิ การชักชวนให้เรากลับมาฉุกคิด กับย้ำเตือนในหลายๆ สิ่ง ที่อาจหลงลืมไปนานแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการดูอารมณ์ให้เป็นไปตามจริง อย่ากดไว้มากเกินไป แต่เลือกที่จะระบายออกมาในสถานที่และเวลาที่เหมาะสม
 
ทั้งการพูดถึงเรื่องของความรัก โอโชก็พูดได้อย่างละมุน นุ่มนวล และผมรู้สึกว่า “จริง” มากๆ เช่น การส่งความรัก การสำนึกรู้คุณ ให้แก่ผู้อื่น จะสร้างให้คุณกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้อย่างแท้จริงนั่นล่ะครับ
หนังสือเล่มนี้ออกมาสักพักแล้ว และไม่ใช่หนังสือในกระแส น่าจะหาได้ไม่ง่ายแล้วล่ะครับ สำหรับท่านที่สนใจ ลองสอบถามไปที่ “เพจ: Wake Up: สื่อปลุกใจ” ดูนะครับ (ผมก็สั่งซื้อมาจากที่นี่แหละ)
 
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่อ่านถึงตรงนี้ และติดตามเสมอนะครับ
พบกันใหม่เล่มต่อไปนะคร้าบ
ซิม
11 เม.ย. 62
#ติดตามอ่านรีวิวเล่มอื่นๆ อีก 200 กว่าเล่มที่เพจ Books for Life นะครับ
โฆษณา