12 เม.ย. 2019 เวลา 11:00 • กีฬา
"ที่มาของปีศาจแดง"
ต้องถือว่าคนไทยถนัดในการดัดแปลง รู้จักเรียกชื่ออะไรต่างๆ ของต่างประเทศให้เข้ากับลิ้นและความถนัดของตัวเองมากที่สุด
อย่างในวงการฟุตบอลนี่ชัดมาก
ลิเวอร์พูล มีสัญลักษณ์เป็นนกลิเวอร์เบิร์ด (ตระกูลนกกาน้ำ) แต่มันไม่สะดวกลิ้น แถมไม่เท่ เอายังงี้แล้วกัน "หงส์แดง" เป็นไง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เช่นกัน ปีศาจแดง ไปๆมาๆ นสพ. รุ่นใหญ่บอกพาดหัวลำบาก เอาเป็น "ผี" ละกัน พาดหัวง่ายดี ทั้งที่ปีศาจกับผี นี่มันคนละอย่างเลย
ไม่เท่านั้น สมัยนี้ยิ่งไปกันใหญ่โต
จากหงส์กลายเป็น เป็ดแดง ส่วนผี กลายเป็นหมาแดง ไปโน่นเลย
อันนี้หยอกๆ
เอาเข้าจริง ปีศาจแดง ถือว่าคนข่าวรุ่นใหญ่เขาแปลตรงตัวเป๊ะ
"The Red Devils"
ตราสโมสรก็มีตัวปีศาจถือสามง่ามชัดเจน
แสดงถึงความดุดัน น่าเกรงขาม ให้สมกับเป็นทีมใหญ่ ผลงานดีหน่อย
เดิมทีนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีฉายา หรือชื่อเรียกเล่นว่า เร้ด เดวิลส์ เลยสักนิด
พวกเขาถูกเรียกว่า "The Heathens" ติดมาจากชื่อเดิมของสโมสรคือ Newton Heath
แถมในยุคแรกเริ่ม ไม่มีตราสโมสรด้วยซ้ำ
ทีมบอลจะแบ่งแยกกันด้วย "ชุดแข่ง" ว่าทีมนี้สีนี้ลายนี้ ทีมโน้นสีโน้น แน่นอนว่าบนหน้าอกเสื้อไม่มีอะไรแปะทั้งนั้น เป็นเสื้่อโล้นๆ
ยกเว้นในเกมใหญ่ๆ เกมสำคัญอย่างเช่น นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ แต่ละทีมจะติดตราสโมสร หรือสัญลักษณ์ที่แสดงตัวตน
เท่าที่มีการบันทึก ครั้งแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ติดตราสโมสรลงบนอกเสื้อคือนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 1909 และคว้าแชมป์สมัยแรกมาครอง พวกเขาติดเป็นรูปดอกกุหลาบสีแดง อันหมายถึงการเป็นตัวแทนแห่งแลงคาเชียร์
หลังจากนั้นมา ยามเกมใหญ่ที่ต้องติดตราบนหน้าอกเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด ก็มักใช้ ตราสัญลักษณ์ (Coat of Arms) ของเมืองแมนเชสเตอร์
ด้านซ้ายเป็นตัวแอนทีโลป (เป็นสัตว์ในเทพนิยายไม่ใช่แอนทีโลปตัวจริงที่เหมือนกวาง) แสดงถึงความสงบ มีวินัย ด้านขวาเป็นสิงโต แสดงถึงความกล้าหาญแข็งแกร่ง
ด้านบนเป็นลูกโลกและมีผึ้งอยู่ 7 ตัว ผึ้งเป็นสัญลักณ์ของแมนเชสเตอร์ไปแล้ว หมายถึงตัวแทนคนเมืองนี้ที่ทำงานหนัก อดทน ขยันขันแข็ง ในอุตสาหกรรม สร้างผลผลิตและความเติบโตให้เมือง
เพราะแมนเชสเตอร์ คือเมืองแรกในโลกก็ว่าได้ที่ถูกเรียกว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรม จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะด้านสิ่งทอ
นั่นคือที่มาของรูป เรือใบ เนื่องจากมีการส่งถ่ายสินค้าทางเรือ และตามมาด้วยแถบสีเหลือง 3 แถบบนโล่สีแดง แสดงถึง แม่น้ำ 3 สายในเมืองแมนเชสเตอร์ คือ เออร์เวลล์, เอิร์ค และ เม็ดล็อค
สโมสรยังคงใช้ตราประจำเมืองแปะหน้าอกเสื้อลงแข่งมาเรื่อยๆ จนถึงยุค 1960s ได้ออกแบบตราสโมสรอย่างเป็นทางการขึ้นมา คือคล้ายกับที่เราเห็นในปัจจุุบัน แต่เป็นสีแดง-ขาว-ดำ และยังไม่มีปีศาจอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านข้างเป็นดอกกุหลาบแทนที่จะเป็นลูกบอล
อย่างไรก็ตาม เวลาลงเตะ พวกเขาก็ยังใช้ตราประจำเมืองแปะอกเสื้ออยู่ แม้จะมีตราสโมสรอันใหม่นี้แล้วก็ตาม
ในช่วงนี้เองที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับฉายาว่า "The Busby Babes" เด็กๆ ของ แม็ทท์ บัสบี้
พวกเขากำลังข้ามผ่านยุคบัสบี้ เบ้บส์ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เศร้าที่มิวนิค มาไม่นาน
สโมสรได้ผสมผสานระหว่างการปั้นเด็กอายุน้อย บวกกับนักเตะมีประสบการณ์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน กลายเป็นซีเนียร์ของทีมไปแล้ว
แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเกิดใหม่ แข็งแกร่งอีกครั้ง คว้าแชมป์ได้ต่อเนื่อง ก็พอดี เซอร์ แม็ทท์ ได้ไอเดียหนึ่ง
ซัลฟอร์ด เป็นย่านที่ห่างจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หน่อยเดียว ที่นั่นมีสโมสรรักบี้ลีก ที่เก่งมากอยู่ ชื่อ ซัลฟอร์ด เร้ดส์ มีชุดแข่งเป็นสีแดงเช่นกัน
ทีมรักบี้ลีกทีมนี้เคยไปทัวร์ในฝรั่งเศส ในราวปี 1934 แล้วโชว์ฟอร์มเก่งจนสื่อฝรั่งเศสตั้งฉายาให้ว่า Les Diables Rouges หรือแปลว่า "ปีศาจแดง"
เซอร์ แม็ทท์ ชอบชื่อนี้ และอยากให้ทีมเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เร้ด เดวิลส์ แทนที่จะเป็น บัสบี้ เบ้บส์
สโมสรเริ่มใส่โลโก้ ปีศาจ เข้าไปบนปกหนังสือโปรแกรม หรือผ้าพันคอก่อน จนผู้คนติดภาพว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ ปีศาจแดง
กระทั่งปี 1970 ได้มีการออกแบบตราสโมสรใหม่ คราวนี้เองที่ได้นำเอาตัวปีศาจสีแดงใส่เข้าไปอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
ถึงอย่างนั้น ก็ยังต้องรออีก 2 ปี คือฤดูกาล 1972/73 เป็นฤดูกาลแรกที่ติดตราสโมสรลงบนอกเสื้ออย่างถาวร ตราปีศาจแดงถือสามง่ามจึงโชว์หราให้ทุกคนได้เห็นในทุกๆ เกมมาจนถึงทุกวันนี้
เรียกได้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับฉายาว่า ปีศาจแดง ตั้งแต่ก่อนจะมีปีศาจมาสถิตอยู่บนตราสโมสรเสียด้วยซ้ำ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา