14 เม.ย. 2019 เวลา 08:26 • ธุรกิจ
==Charlie Munger by Tren Griffin==
ช่วงนี้มาอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ ชาร์ลี มังเกอร์บ้างค่ะ ปกติไม่รีวิวหนังสือภาษาไทย (ไม่ได้ตังค์แน่นอนค่ะ^^) แต่เล่มนี้กระชับ อ่านวันเดียวก้อจบแล้ว (237 หน้า) แปลมาจาก Charlie Munger, The complete investor ของม. โคลัมเบีย (2015) ได้มาจากงานสัปดาห์หนังสืออาทิตย์ที่แล้ว
คนเขียนเค้ามาอ่านหนังสือแนวความคิดของชาลี มังเกอร์แล้วชอบมากกว่า เค้าเลยไปไล่อ่านจดหมายถึง ผถห ของ Berkeshire, ฟังสัมภาษณ์แล้วมาสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็น ไม่เวิ่นเว้อ คนเขียนบอกไว้เลยว่าจุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ คือ"สอนให้เราคิดได้อย่างชาลี มังเกอร์ (จริงดิ)" เลยลองอ่านดู เน้นการลงทุนแบบ focus ในกิจการที่เรารู้จักดีประมาณ 10 แห่ง
ชาร์ลีเป็นคนปากจัด แต่หัวไว ชอบคิดคิดกลับด้าน (หมายถึงชอบคิดถอยหลัง) ชาร์ลีกับวอรเรนนี่เค้าสามารถประเมินมูลค่ากิจการได้แบบคิดในใจเลย ซึ่งคนอย่างเราทำไม่ได้อยู่แล้ว
วอรเรนกับชาร์ลีให้ความสำคัญกับขนาดและความยั่งยืนของผลตอบแทนบนเงินลงทุน ROIC (Return on Invested Capital) ที่คิดมาจากกำไรสุทธิหลังหักภาษี ÷ เงินที่ลงทุนไปในธุรกิจนั้น
การเลือกลงทุนในกิจการที่มีคูเมืองก้อสำคัญ การมีคูเมืองถือเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพ แต่การจะวัดว่าคูเมืองแข็งแกร่งหรือไม่ จะวัดออกมาเป็นตัวเลข คือส่วนต่างระหว่าง ROIC - OCC ยิ่งเป็นบวกมาก ยิ่งแข็งแกร่ง
โดย OCC คือ Opportunity Cost of Capital คือ กำไรที่ได้มานั้นมากกว่าค่าเสียโอกาสของเงินลงทุน
หลายๆเรื่องที่เล่าในเล่มนี้คือสมเหตุสมผล เค้าจะไป quote คำพูดที่ชาร์ลีพูดไว้ในโอกาสต่างๆ ที่เกี่ยวกับกับแก่นความคิด หลายเรื่องที่ชอบ อย่างเช่น แนวความคิดของเบนจามิน เกรแฮม มาจากภาวะช่วง the great depression ไม่แปลกที่แนวทางการลงทุนของเบน จะมุ่งไปที่กิจการแบบ net-net ซึ่งสมัยนั้นหาได้มากมาย แต่สมัยนี้มันยากมากๆ แต่เราก้อสามารถประยุกต์หลักความคิดให้เข้ากับยุคสมัยที่เราอยู่ในปัจจุบันได้
การเข้าถึงเงินทุนที่มี cost of fund ต่ำของ Berkeshire ก้อเป็นสิ่งที่คนอย่างเราเข้าไม่ถึง (เหมือนที่เปเปอร์ Buffett's Alpha ที่พี่โจ้กเพิ่งมาเล่าออกอากาศ) แต่ไม่ใช่ว่าแนวทางแบบนี้จะมาประยุกต์ใช้กับพอร์ตคนธรรมดาไม่ได้
นอกจากความคิดของชาร์ลีแล้ว เค้ายังเล่าถึงความคิดของ วอรเรน, เบนจามิน เกรแฮม, ฟิลิป ฟิชเชอร์, เซธ คลาร์แมน, ฮาวเวิร์ด มาร์กส์ ด้วยค่ะ
โฆษณา