16 เม.ย. 2019 เวลา 02:04 • บันเทิง
Romance is a Bonus Book ซีรีย์ดูเพลิน
นอกจากความสวยหล่อของคู่พระนาง อีจงซอก-อีนายอง ที่ดูกันได้เพลินๆ ท่ามกลางความอุ่นอวลด้วยไอรักของทั้งคู่โดยเดินเรื่องจากคอนเซ็ปต์หลักคือความรักต่างวัยของคนสองคนที่ชีวิตผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก และมารู้ตัวว่าต่างตกหลุมรักกันเมื่อมีโอกาสมาทำงานที่เดียวกัน จากซีรีย์ Romance is a Bonus Book/Romance Supplement แล้ว เราได้ข้อคิดอะไรมาสะกิดใจกันบ้าง
แรกเริ่มที่เปิดเรื่องนี้ขึ้นมาดู เพราะได้เรื่องย่อมาว่า นางเอกเป็นอดีตคนวงการโฆษณา (ซึ่งก็อยู่แวดวงไม่ห่างจากเรานัก) ตกงานมาหลายปี แล้วต่อมาพบกับมรสุมชีวิตคือนางหย่าจากสามี จึงต้องหางานเพื่อจะได้มีเงินมาเลี้ยงลูก แต่กลับหางานไม่ได้ เพราะความที่ห่างวงการมาหลายปี จึงไม่มีใครยอมรับกลับเข้าไปทำงาน สุดท้าย ถึงกับยอมลดวุฒิการศึกษาลงมาแค่ชั้นมัธยม เพียงเพื่อให้ได้งานทำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเหมือนจะเป็นบุคคลแถวหน้าๆ ในวงการโฆษณากันเลยทีเดียว เราดูซีรีย์เรื่องนี้เพราะต้องการจะดูแนวคิดประเทศอื่นเรื่องอายุ-การหางาน แต่พอดูๆ ไปแล้ว ได้ข้อคิดอื่นๆ ตามมาอีกเพียบ
1. การห่างเหินจากการทำงานประจำมาหลายปี ก็คงไม่ต่างจากสังคมบ้านเรา ที่หากจะกลับเข้าไปทำงานใหม่ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะในแวดวงโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เพราะนอกจาก "วงการนี้มันเปลี่ยนแปลงไปเร็ว" แล้ว ยังมีคนใหม่ๆ (แน่นอน ความคิดใหม่ๆ คิดนอกกรอบ และความสามารถใหม่ๆ ที่คนรุ่นเดิมๆ ไม่มี) อีกจำนวนมากให้เลือก เมื่อมีคนสองคนมาสมัครงาน คนนึงทำงานมาอย่างต่อเนื่อง อีกคนมีพักงานไประยะหนึง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ หากเป็นคุณๆ ก็คงเลือกรับคนที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่องมากกว่าจะเลือกรับคนที่ห่างหายไปจากวงการ หรือไม่จริง
2. ตอนที่นางเอกโดนจับได้ว่าแจ้งวุฒิต่ำกว่าความจริงเพื่อมาสมัครงาน แล้วจะต้องโดนยกเลิกสัญญาการจ้างงาน เพื่อนร่วมงานหลายคนต่างก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ ก็ไม่ต่างจากสังคมบ้านเราอีกเช่นกัน ที่แม้จะเห็นอกเห็นใจเพียงใด แต่ถ้าแสดงออกนอกหน้ามากนัก อาจจะไม่ใช่เรื่องดี ส่วนตัวเราถ้าไม่ได้ปลอมวุฒิก็ไม่น่าจะใช่ประเด็น และการแจ้งวุฒิต่ำกว่าความจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตำแหน่งนั้นอาจจะต้องการรับแค่วุฒินั้นๆ เพียงแต่อาจจะถูกมองว่าไม่เหมาะสม แต่ถ้ามองในแง่มนุษยธรรม คนต้องการทำงาน ถึงขั้นยอมลดวุฒิการศึกษา ยอมมาทำงานที่ตำแหน่งหน้าที่การงานต่ำกว่างานที่เคยทำ ...
3. ความรักในที่ทำงานเดียวกัน ชาอึนโฮ-คังตันอี ไม่สามารถบอกใครๆ ได้ถึงความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ เพราะนางเอกมีฐานะเป็นเหมือนลูกน้องพระเอก มันคงดูไม่ดีนักหากการสนับสนุนการทำงานบางอย่าง จะทำให้บุคคลที่สามมองไปว่า พระเอกใช้อำนาจหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนเพราะความรู้สึกส่วนตัว แม้ตัวพระเอกจะพูดตลอดว่าไม่ได้สนับสนุนเพราะเป็นแฟนกัน แต่สนับสนุนเพราะความเก่งความดีที่นางเอกทำประโยชน์ใหักับองค์กรก็ตาม
4. ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในทุกที่ ฉากที่พนักงานคนหนึ่งลืมทำประกาศแจ้งยกเลิกการพิมพ์หนังสือของนักเขียนที่ไม่ได้ต่อสัญญากับสำนักพิมพ์นี้แล้ว ทำให้ยังมีหนังสือของนักเขียนคนนั้นวางแผงจำหน่ายอยู่ แถมฝ่ายผลิตยังสั่งพิมพ์เพิ่มอีกล็อตใหญ่ เมื่อโดนจับได้ ก็โบ้ยเป็นความผิดให้กับนางเอกซึ่งขณะนั้นกำลังมีปัญหาเรื่องจะถูกยกเลิกสัญญาจ้าง และเป็นเหตุให้นางเอกตัดสินใจยื่นใบลาออกจากงานในที่สุด (โดยไม่ได้บอกใครๆ เลยว่า นั่น...ไม่ใช่ความผิดของเธอ)
5. หนังสือแต่ละเล่มกว่าจะถูกผลิตออกมาวางแผงเพื่อจำหน่าย มันต้องผ่านกระบวนการอะไรหลายๆ ขั้นตอน เราจบอักษรศาสตร์ ทำงานแวดวงสื่อสาร ประชาสัมพันธ์มานาน ตอนเรียนวรรณกรรมก็อ่านหนังสือทุกเล่มบนชั้น ตอนทำงานก็เคยมีประสบการณ์สั้นๆในแวดวงหนังสือมาด้วย พอดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปอีกครั้ง กว่าหนังสือจะออกมาได้แต่ละเล่ม มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกขั้นตอนมีความสำคัญไม่น้อยหน้ากัน คนที่ไม่เคยสัมผัสกับวงการนี้ก็จะได้รู้ได้เห็นว่าเขาทำอะไรกันบ้างในแวดวงหนังสือ แม้ว่าปัจจุบัน หนังสือเล่มกำลังค่อยๆ เลือนหายไปจากแผงหนังสือก็ตาม (เศร้าเนอะ)
6. การลอกงานของคนอื่น ควรเป็นจริยธรรมและจรรยาบรรณอันสูงส่งของคนทำงานในแวดวงนี้ ตอนที่นางเอกตัดสินใจยื่นใบลาออกจากที่ทำงานที่ใหม่ ทั้งที่เพิ่งเข้าไปทำงานได้เพียงไม่กี่วัน ก็เพราะรับไม่ได้กับการลอกงานของคนอื่น
7. ซีรีย์เรื่องนี้มีหลายฉากมากที่ถ่ายทำในห้องสมุด หรือฉากที่พระ-นางมาอ่านหนังสือร่วมกัน ค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือ หรือแม้แต่การพกหนังสือติดตัวแล้วหยิบขึ้นมาอ่านบนรถขณะเดินทาง น่าจะสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือได้บ้าง
8. พล็อตเรื่องที่ชายหนุ่มรุ่นน้องมาตกหลุมรักรุ่นพี่ ดูจะเป็นพล็อตที่เจอได้ในหลายๆ เรื่องของซีรีย์เกาหลี ก็เข้าใจได้ว่าทำหนังทำละครก็ต้องดูตลาด และพล็อตแบบนี้คงเป็นเพราะตลาดผู้ชมชื่นชอบ ก็เลยมีซีรีย์หลายเรื่องที่ใช้ความรักต่างวัยมาเป็นจุดนำเสนอเรื่องด้วย สาวๆ นูน่าที่ยังโสดๆหลายคน ได้ดูซีรีย์เหล่านี้ ก็น่าจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตกันต่อไปได้บ้าง
9. แฟชั่น เสื้อผ้า การ mix & match ของตัวละคร โดยเฉพาะพระ-นาง ก็เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนหันมาปรับลุคและสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แต่งอย่างไรให้ดูดีได้ เพราะในเอเชีย นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ก็มีเกาหลีนี่แหละที่มีชื่อเสียงในเรื่องของโลกแฟชั่น อย่างน้อยดูเรื่องนี้จบ เราก็คนนึงละที่กำลังมองหาต่างหูแบบที่อึนโฮซื้อมาให้ทันอี
10. ยุคที่สื่อดิจิตัลเข้ามามีบทบาทกลบตัวตนของสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งเคยมีอิทธิพลอย่างมากในอดีต แต่ปัจจุบันสื่อสิ่งพิมพ์แทบจะเลือนหายไปหมดนี้ การเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย ควรปรับเปลี่ยน เหมือนดังเช่นพระเอกที่รับบทบาทเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก็ได้มีการพูดเรื่องอีบุ๊กและสื่อออนไลน์ในชั้นเรียนด้วย ... และตัวละครหลายตัว ในเรื่องจบด้านวรรณกรรม ตอนที่ดูฉากนี้นะ นึกถึงอาจารย์ภาควิชาภาษาไทยที่สอนมาหลายท่านเลย (คิดถึง)
กล่าวโดยสรุป ซีรีย์เรื่องนี้ แม้กระแสจะไม่ได้เปรี้ยงปร้างเป็นพลุแตก (เทียบกับซีรีย์เรื่องอื่นๆ ที่เรารู้สึกว่ามันถูกพูดถึงมากกว่านี้) แต่ก็เป็นซีรีย์ที่ดูได้เพลินๆ น่ารักๆ และยังคงความโรแมนติกที่น่าจะเป็นแนวที่ FC ของพระนางทั่วโลกชื่นชอบ และยังแฝงข้อคิดต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน ที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย
#อยากเรียนภาษาเกาหลีเพื่อมาดูซีรีย์
#RomanceIsABonusBook #RomanceSupplement #KoreaSeries
รูปจาก korseries.com
โฆษณา