16 เม.ย. 2019 เวลา 04:39 • การศึกษา
พุทธวจน (ธรรมะจากพระโอษฐ์)
"เหตุที่สัตว์บางพวกกลัวตาย
บางพวกไม่กลัวตาย"
ครั้งนั้นแล พราหมณ์ชื่อชานุโสณี
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !
ข้าพเจ้ามีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า
สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ไม่มี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรพราหมณ์ !
สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย มีอยู่
สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย มีอยู่
ดูกรพราหมณ์ !
ก็สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตายเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด
ยังไม่ปราศจากความพอใจ
ยังไม่ปราศจากความรัก
ยังไม่ปราศจากความกระหาย
ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน
ยังไม่ปราศจากความทะยานอยากในกามทั้งหลาย
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
กามอันเป็นที่รักจักละเราไปเสียละหนอ
และเราก็จะต้องละกามอันเป็นที่รักไป
เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ย่อมร่ำไร
ทุบอกคร่ำครวญถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ย่อมถึงความสะดุ้งต่อความตาย
อีกประการหนึ่ง
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด
ยังไม่ปราศจากความพอใจ
ยังไม่ปราศจากความรัก
ยังไม่ปราศจากความกระหาย
ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน
ยังไม่ปราศจากความทะยานอยากในกาย
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
กายอันเป็นที่รักจักละเราไปเสียละหนอ
และเราก็จะต้องละกายอันเป็นที่รักไป
เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ย่อมร่ำไร
ทุบอกคร่ำครวญถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ย่อมถึงความสะดุ้งต่อความตาย
อีกประการหนึ่ง
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ไม่ได้ทำความดีไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้
ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัวไว้
ทำแต่บาป ทำแต่กรรมที่หยาบช้า
ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
เราไม่ได้ทำความดีไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้
ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัวไว้
ทำแต่บาป ทำแต่กรรมที่หยาบช้า
ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง
ดูกรผู้เจริญ !
คติของบุคคลผู้ไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล
ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัว
ทำแต่บาป ทำแต่กรรมที่หยาบช้า
ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง มีประมาณเท่าใด
เขาละไปแล้ว ย่อมไปสู่คตินั้น
เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ย่อมร่ำไร
ทุบอกคร่ำครวญถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ย่อมถึงความสะดุ้งต่อความตาย
อีกประการหนึ่ง
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้มีความสงสัยเคลือบแคลง
ไม่ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
เรามีความสงสัยเคลือบแคลง
ไม่ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม
เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ย่อมร่ำไร
ทุบอกคร่ำครวญถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ย่อมถึงความสะดุ้งต่อความตาย
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลสี่จำพวกนี้ มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
ดูกรพราหมณ์ !
ก็สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตายเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ปราศจากความกำหนัด
ปราศจากความพอใจ
ปราศจากความรัก
ปราศจากความกระหาย
ปราศจากความเร่าร้อน
ปราศจากความทะยานอยากในกามทั้งหลาย
3
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมไม่มีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
กามทั้งหลายอันเป็นที่รัก
จักละเราไปเสียละหนอ
และเราก็จักละกามอันเป็นที่รักไป
เขาย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร
ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
อีกประการหนึ่ง
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ปราศจากความกำหนัด
ปราศจากความพอใจ
ปราศจากความรัก
ปราศจากความกระหาย
ปราศจากความเร่าร้อน
ปราศจากความทะยานอยากในกาย
มีโรคหนักอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมไม่มีปริวิตกอย่างนี้ว่า
กายอันเป็นที่รัก จักละเราไปละหนอ
และเราก็จักละกายอันเป็นที่รักนี้ไป
เขาย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร
ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
อีกประการหนึ่ง
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ไม่ได้กระทำบาป
ไม่ได้ทำกรรมที่หยาบช้า
ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมอง
เป็นผู้ทำความดีไว้ ทำกุศลไว้
ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
เราไม่ได้ทำกรรมอันเป็นบาป
ไม่ได้ทำกรรมหยาบช้า
ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมอง
เป็นผู้ทำกรรมดีไว้ ทำกุศลไว้
ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้
ดูกรผู้เจริญ !
คติของบุคคลผู้ไม่ได้ทำบาปไว้
ไม่ได้ทำกรรมหยาบช้า
ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมอง
ทำกรรมดีไว้ ทำกุศลไว้
ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้เพียงใด
เขาละไปแล้ว จักไปสู่คตินั้น
เขาย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร
ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
อีกประการหนึ่ง
บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ไม่มีความสงสัย
ไม่มีความเคลือบแคลง
ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม
มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องเขา
เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกต้องแล้ว
ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า
เราไม่มีความสงสัย
ไม่มีความเคลือบแคลง
ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม
เขาย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร
ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
ดูกรพราหมณ์ !
บุคคลสี่จำพวกนี้แล มีความตายเป็นธรรมดา
ย่อมไม่กลัว ย่อมไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
จบพระสูตร ( บาลี – จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๕-๒๓๘/๑๘๔ )

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา