20 เม.ย. 2019 เวลา 15:34 • ประวัติศาสตร์
ฆาตกรเด็กหญิงหน้าหวานที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ - แมรี่ เบลล์ (Mary Bell)
1
Red Diary ขอนำเสนอฆาตกรหน้าหวานที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังเป็นฆาตกรต่อเนื่องอีกด้วย เธอมีแรงจูงใจใดที่ชักจูงให้เธอลงมือทำเช่นนั้น ขอเชิญทุกท่าน ร่วมติดตามเรื่องราวของเธอพร้อมกันเลยค่า 😊
Pix Cr.lifestyle.com
ย้อนไปเมื่อ 51 ปีก่อน หนังสือพิมพ์หลายฉบับในประเทศอังกฤษได้ประโคมข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้น ณ เมืองสกอตส์วูด ชานเมืองนิวคาสเซิล เมื่อสาวน้อยคนหนึ่งก่อคดีรัดคอเด็กชาย 2 คน ที่อายุน้อยกว่าเสียชีวิตอย่างเลือดเย็น
แมรี่ เบลล์ เกิดวันที่ 26 พฤษภาคม ในปี ค.ศ.1957 ในเมืองนิวคาสเซิลทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ เป็นบุตรสาวของนาง "เบทตี้ เบลล์" ซึ่งเป็นโสเภณีที่ติดยา และมีรสนิยมซาดิสต์ ชอบเล่นแส้และเครื่องพันธนาการ
เบทตี้ เบลล์ Pix Cr.เล่าไปเรื่อย
เบทตี้ ได้ให้กำเนิด แมรี่ ในขณะที่เธออายุเพียง 17 ปีเท่านั้น พ่อของแมรี่ คือ บิลลี่ เป็นคนรักของเบทตี้นั่นเอง แต่แม่ของเธอสอนให้เธอเรียกบิลลี่ ว่า คุณลุงมาโดยตลอด (จนแมรี่เชื่อว่าบิลลี่คือลุงจริงๆของเธอ) เนื่องมาจากพ่อของเธอยังรับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคมอยู่
1
บิลลี่ พ่อของเธอนั้น เป็นเพียงหัวขโมย ที่ชอบขโมยเล็กขโมยน้อย และยังเคยถูกจับกุมในข้อหาโจรกรรมมาแล้ว บิลลี่ได้แต่งงานกับเบทตี้ หลังจากที่แมรี่เกิดได้ไม่นาน
10
ถึงกระนั้น เบทตี้กลับเกลียดแมรี่เป็นอย่างมาก เบทตี้ได้พูดกับพยาบาลหลังจากที่คลอดแมรี่ออกมาแล้วว่า "เอาสิ่งนั้นออกไปไกล ๆ จากฉันซะ!!"
5
นอกจากนี้ ยังมีความจริงที่น่าสลดใจ คือ เบทตี้มีความคิดและพยายามที่จะฆ่าแมรี่ มากกว่าหนึ่งครั้ง โดยเธอพยายามฆ่าให้ตายโดยทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุในช่วงไม่กี่ปีแรกที่แมรี่เกิด
2
เมื่อแมรี่ อายุได้เพียง 4 ปี แม่ของเธอได้บังคับให้แมรี่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายซึ่งเป็นแขกของแม่เธอเอง และยังบังคับให้เธอกินยาลดความอ้วนเป็นว่าเล่น เท่านี้ก็พอจะบ่งบอกได้แล้วว่า เบทตี้ไม่ใช่แม่ที่ดีเลย
1
แมรี่ เบลล์ Pix Cr.Owlcation
แมรี่ เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมแปลก ๆ และหัวรุนแรง มีเรื่องทำร้ายร่างกายคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลอยู่บ่อยครั้ง เธอเคยบีบคอ "ซูซาน" ซึ่งเป็นญาติคนสนิทของเธอ โดยให้เหตุผลว่า "เพราะซูซานไม่ได้ซื้่อของขวัญให้กับฉัน ฉันจะฆ่ามัน!!"
1
และบางคนก็ถูกแมรี่ผลักตกบันไดหลายสิบขั้นมาแล้ว เหตุผลไม่มีอะไร เธอหมั่นไส้เฉย ๆ นอกจากนี้นิสัยส่วนตัวของเธอจะแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
เธอเป็นเด็กฉลาดมาก ขี้โกหก ไม่รู้จักอาย และไม่รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำไว้ อยากเป็นคนสำคัญ อยากอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ เป็นจุดสนใจ
ในวันที่ 25 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1968 (11 ปีต่อมา) ย่านนิวคาสเซิล ทางตอนเหนือของอิงแลนด์ เวลา 23.30 น.
ได้มีเด็ก 3 คน พบศพเด็กเล็กคนหนึ่งอยู่ที่ชั้นสองของบ้านร้างหลังเก่า สภาพศพนั้นนอนหงายอยู่บนพื้น มีเลือดไหลออกจากปาก แก้มและคางมีน้ำลายฟูมปาก อยู่เป็นจำนวนมาก ใกล้ ๆ กับศพ พบขวดแอสไพรินเปล่าตกอยู่ที่พื้นด้วย
1
เด็กทั้ง 3 ได้แจ้งตำรวจทันที หลังการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนั้น คือ "มาร์ติน บราวน์" อายุ 4 ปี สาเหตุการตายนั้นยังไม่แน่ชัดสักเท่าไหร่ (มาทราบตอนหลังว่าถูก แมรี่ เบลล์ รัดคอและทิ้งไว้ภายในบ้านร้าง)
2
พยานให้การว่า เขาพบมาร์ติน เป็นครั้งสุดท้ายเวลา 15.15 น. ของวันนั้น มาร์ตินไปซื้อขนมที่ร้าน และหลังจากนั้นเขาก็แวะบ้านของป้าเขาเพื่อกินขนมปัง และออกจากบ้านป้าเขาในเวลา 15.20 น. และถูกพบเป็นศพเมื่อเวลา 15.30 น. (ซึ่งห่างกันเพียง 10 นาทีเท่านั้น)
หนูน้อยมาร์ติน บราวน์ Pix Cr.dailymail
ในตอนแรกตำรวจตัดสินว่า เป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ชาวบ้านระแวกนั้นไม่พอใจกับการตัดสินเช่นนั้น เพราะปักใจเชื่อว่า ต้องเป็นเหตุฆาตกรรม จึงรวมตัวกันเพื่อประท้วง
1
วันรุ่งขึ้นหลังการตายของมาร์ติน มีเด็กสาวสองคนได้มายังบ้านมาร์ติน คือ แมรี่ และ นอร์มา (นอร์มาไม่มีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรมของมาร์ตินเลย)
Pix Cr.Krackedkillers.wordpress
ริต้าซึ่งเป็นป้าของมาร์ตินให้การในภายหลังว่า เด็กทั้งสองคนมาบ้านของเธอเพื่อก่อกวน และ แมรี่ได้ถามคำถามแทงใจดำเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเกี่ยวกับการตายของมาร์ติน ทำนองว่า
"ป้าคิดถึงมาร์ตินไหม?"
"ร้องไห้ให้มาร์ตินหรือเปล่า?"
"มาร์ตินตายไปแล้ว เหงารึเปล่า?"
และแมรี่นั่นเอง ที่เป็นคนแจ้งให้ริต้าทราบว่าหลานของเธอได้ตายอยู่ที่ตึกร้างในวันเกิดเหตุ
ริต้า ป้าของมาร์ติน Pix Cr.เล่าไปเรื่อย
จูน บราวน์ แม่ของมาร์ติน ก็โดนเด็กทั้งสองมาก่อกวนเช่นกัน แมรี่ ขอพบมาร์ตินทั้งๆที่รู้ว่าเขาได้เสียชีวิตลงไปแล้ว แต่เหมือนมายียวนกวนประสาทกับแม่ของเขา จูน โกรธมากเลยปิดประตูใส่หน้าเธอไปอย่างแรง
เช้าวันที่ 27 พฤษภาคม
สถานรับเลี้ยงเด็ก เดย์ เนิสเซอร์รี่ ซึ่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุที่มาร์ตินถูกฆาตกรรม ถูกบุก รื้อ ค้น ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น แต่ที่สร้างความตื่นกลัวนั้น ก็คือ ตำรวจพบกระดาษ 4 แผ่น เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ปะปนอยู่ในกองเครื่องเขียน ในกระดาษเหล่านั้นมีใจความว่า . . .
1
Pix Cr.cammy dekd
แผ่นที่ 1
"ฉันฆ่าคน แล้วฉันจะกลับมาใหม่"
Pix Cr.cammy dekd
แผ่นที่ 2
"เราฆ่าคน ระวังเฟนนีและแฟ็คก็อตไว้ให้ดี"
ซึ่งจากข้อมูลไม่ได้ระบุว่า เฟนนีและแฟ็คก็อตสื่อถึงอะไร หรืออาจจะหมายถึงกลุ่มรักร่วมเพศก็เป็นได้นะคะ (fanny หญิง faggot ชาย)
1
Pix Cr.cammy dekd
แผ่นที่ 3
"เราฆ่ามาร์ติน บราวน์แล้ว ไอสารเลวเอ้ย!"
Pix Cr.cammy dekd
แผ่นที่ 4
"พวกแกพลาดละ เพราะเราฆ่า เจ้ามาร์ติน บราวน์ตายไปแล้ว จงระวังเฟนนีและแฟ็คก็อตจะเป็นรายต่อไป"
ในตอนนั้น ตำรวจเชื่อว่าเป็นการเล่นตลก ปั่นหัว เสียมากกว่า จึงทิ้งกระดาษเหล่านั้นลงถังขยะ และในเวลาเดียวกันนั่นเอง แมรี่ก็ได้เขียนสมุดบันทึกโรงเรียนว่า . .
Pix Cr.cammy dekd
ในสมุดบันทึกของโรงเรียนมีรูปวาดดังกล่าว เหมือนเป็นรูปของ มาร์ตินตอนพบศพ ใกล้ๆกัน มีขวดอยู่ เขียนคำว่า "ยา" และข้อความในกระดาษมีใจความว่า . .
1
วันเสาร์นี้ฉันอยู่บ้าน แม่ให้ฉันไปถามนอร์มา ว่า ไปซื้อของด้วยกันมั้ย ? เราไปด้วยกันเถอะ และไปที่ถนนมาเกร็ต ฉันเห็นคนมุงอยู่ที่บ้านร้าง ฉันเลยถามคนที่มามุงดูว่า เกิดอะไรขึ้นเหรอ ? มีคนตอบฉันกลับมาว่า ที่นี่มีคนตาย ในสมุดบันทึกของแมรี่เขียนไว้ประมาณนี้
3
Pix Cr.เล่าไปเรื่อย
คุณครูของเธอไม่ได้เอะใจอะไร เลยปล่อยเธอผ่านไป
ในวันศุกร์สัปดาห์เดียวกันนั่นเอง แมรี่และนอร์มา ถูกจับกุมได้อย่างคาหนังคาเขา ข้อหาบุกสถานรับเลี้ยงเด็ก เดย์ เนิสเซอร์รี่ แต่พวกเธอทั้งสองปฏิเสธการบุกรุก และถูกปล่อยตัวให้อยู่ในการดูแลของผู้ปกครองจนกว่าจะส่งฟ้องศาลเยาวชน
1
อาทิตย์ถัดมา มีคนพบเห็น แมรี่ ต่อยหน้าพร้อมกระโจนใส่นอร์มา อย่างไม่มีเหตุผล พร้อมกับตะโกนใส่หน้า นอร์มาว่า "กูนี่แหละฆาตกร กูนี่ไงเป็นคนฆ่า" พร้อมกับชี้ไปที่ตึกร้างสถานที่มาร์ตินถูกฆาตกรรม แต่กลับไม่มีใครเชื่อคำพูดของแมรี่ เพราะเป็นที่รู้กันว่า เธอเป็นคนขี้โกหก
2 เดือนต่อมา
ในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1968 เวลาประมาณ 23.10 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า
มีคนพบศพหนูน้อย นามว่า ไบรอัน โฮวี่ อายุ 3 ปี ศพของหนูน้อย ไบรอัน ถูกพบใต้บล็อคอิฐ ในระแวกหมู่บ้าน ศพของเขาถูกหมกอยู่ในใต้หญ้า ซึงตรงนั้นหญ้า ดอกไม้ ขึ้นรกมาก ทำให้มองเห็นศพเด็กได้ยากมาก
3
Pix Cr.เล่าไปเรื่อย
สภาพศพของหนูน้อย มีน้ำลายปนเลือดติดอยู่ที่ปาก หัวของเขาถูกทุบด้วยของแข็ง หลายที่ด้วยกัน ใกล้ๆกันกับศพนั้น มีกรรไกรตกอยู่ ข้างนึงคม และข้างนึงบิดงอ มีรอยแทงบริเวณต้นขาของศพหนูน้อย อวัยวะเพศถูกเฉือนทิ้งไปบางส่วน ผมของเขาถูกตัดเป็นกระจุก และมีรอยบาดแผลที่แปลก
2
บริเวณท้องถูกกรีด เป็นอักษรตัว M รอยแผลนี้ถูกกรีดหลังจากที่ หนูน้อยไบรอันเสียชีวิตแล้ว ทีมแพทย์ชันสูตรศพหนูน้อยไบรอัน เขาระบุว่า หนูน้อยไบรอันถูกบีบคอจนเสียชีวิตโดยฝีมือผู้เป็นเด็ก เพราะร่องรอยการบีบไม่ทิ้งรอยไว้ชัดเจนมากนัก เนื่องจากแรงบีบผู้ใหญ่และเด็กต่างกัน ถึงตรงนี้เอง ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัย
ว่าคดีลักษณะนี้ ช่างคล้ายคลึงกับคดีของ มาร์ติน บราวน์ ที่เสียชีวิตที่ตึกร้างก่อนหน้านี้ และฆาตกรน่าจะเป็นคนเดียวกันอีกด้วย
ตำรวจรวบรวมเด็ก ๆ ช่วงอายุระหว่าง 3 - 15 ปี จำนวนมากกว่า 1200 คน ที่อาศัยอยู่ในระแวกนั้น พร้อมทั้งแจกแบบสอบถามให้กับเด็กเหล่านั้น จำนวนกว่า 1000 ใบที่ตอบแบบสอบถามไม่ตรงประเด็น
แต่มีเด็กอยู่ 2 คน ที่น่าสงสัย หนึ่งในนั้น คือ แมรี่ และ นอร์มา ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย
Pix Cr.เล่าไปเรื่อย
เนื่องจากนอร์มาออกอาการตื่นเต้น มีพิรุธ ลุกลี้ลุกลน และทางด้านแมรี่ คอยพยายามหลบสายตาเจ้าหน้าที่ ราวกับไม่รู้ไม่เห็น และมีท่าทีแปลก ๆ เพราะเธอยิ้มหน้าระรื่นราวกับเป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี
แมรี่และนอร์มา ถูกตำรวจเรียกสอบปากคำ และคำให้การของพวกเธอกลับพูดจา วกไป วนมา ทำให้เกิดความสับสน และดูมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
ต่อมาแมรี่ได้โยนความผิดให้กับเด็กชายคนหนึ่ง กล่าวหาว่า เขาเป็นผู้ฆ่า แต่เด็กชายคนนั้นมีพยานหลักฐานยืนยันที่อยู่อย่างแน่ชัด ความน่าสงสัยเลยตกมาอยู่ที่ แมรี่ อีกครั้ง
1
ในเวลาต่อมา นอร์มา ได้ยอมรับและสารภาพ เพราะทนรับแรงกดดันไม่ไหว เธอให้การว่า แมรี่เป็นคนฆ่าไบรอันโดนการบีบคอต่อหน้าเธอ
หลังสิ้นคำให้การนี้ จึงทำให้แมรี่ถูกปลุกจากเตียงกลางดึกภายในคืนนั้น เพื่อทำตัวไปสอบปากคำ และแน่นอน เธอยังคงให้การปฏิเสธอยู่เช่นเดิม
ไม่กี่วันต่อมา แม่รี่และนอร์มา ถูกจับกุมอย่างเป็นทางการ และถูกคุมขังอยู่ในสถานีตำรวจนิวคาสเซิล เวสท์เอ็น ในระหว่างที่ถูกจับกุมนั้น แมรี่ กล่าวหานอร์มา ว่าเป็นผู้ฆ่าไบรอันอยู่ตลอด
1
และระหว่างที่ถูกคุมขังนั้น แมรี่ได้รับการตรวจอาการทางจิตจากนักจิตวิทยาด้วย นักจิตวิทยา กล่าวว่า "ผมเคยพบและพูดคุยกับเด็กที่เป็นฆาตกรหลายคนนะ แต่รายที่ดูรุนแรงและอันตรายอย่างนี้ ผมเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก เธอทั้งฉลาด และรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์เกินเด็ก"
Pix Cr.femalekillers
วันที่ 5 ธันวาคม ปี ค.ศ.1968
แมรี่ และ นอร์มา ถูกนำตัวขึ้นชั้นศาล นอร์มามีอาการโศกเศร้า และร้องไห้อยู่ตลอดเวลา แตกต่างจากแมรี่ กลับมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้นและตั้งใจนั่งฟังคำตัดสินอย่างเงียบๆ
ในเวลานั้นภาพของเด็กสาว หน้าหวาน ผมดำ ตาคมสีฟ้า แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมตอบคำถามอย่างดุเดือด โดยไม่รู้จักเด็ก ไม่รู้จักผู้ใหญ่ เป็นที่จดจำของบรรดาผู้ร่วมฟังคำตัดสินในวันนั้นด้วย
ครอบครัวของแมรี่ก็มาร่วมฟังด้วย ว่ากันว่า แม่ของเธอสร้างความวุ่นวายในชั้นศาล ด้วยการร้องไห้สะอึก สะอื้น ฟูมฟาย นักข่าวกล่าวว่า การกระทำของแม่เธอดู น้ำเน่าสิ้นดี เหมือนกำลังแสดงละครตบตา เรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง
5
ส่วนพ่อของเธอหนะเหรอ ? ก็นั่งอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ได้สนใจท่าทีของภรรยาเขาเลย
2
ศาลตั้งคำถามกับแมรี่ ว่า เพราะเหตุใด ถึงฆ่าเด็กทั้งสองคน
แมรี่ ทำหน้าตาเฉย พร้อมกับตอบว่า "ก็มันสนุก" เธอบอกว่า เธอได้วิธีการฆ่าคนมาจากโทรทัศน์
2
ศาลตั้งคำถามกับเธอต่อ ว่า ทำไมต้องวาดภาพมาร์ติน บราวน์ และทำลายข้าวของภายในสถานรับเลี้ยงเด็ก แม่รี่ก็ตอบกลับมาว่า "มันก็สนุกดีนี่หน่า มันเหมือนกับการที่ฉันได้เล่นตลกครั้งใหญ่เลยแหละ"
และแน่นอนคดีนี้มีนักข่าวสื่อมวลชนและผู้ที่ติดตามข่าวนี้ เข้าร่วมฟังมากที่สุดในประวัติการณ์อีกด้วย
1
วันที่ 17 ธันวาคม ปี ค.ศ.1968
ศาลตัดสินออกมาตามความคาดหมายของผู้คน นอร์มา ถูกตัดสินให้ไม่มีความผิด จึงถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา ส่วน แมรี่ ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าคนถึง 2 ราย โดยไม่ไตร่ตรองก่อน โทษของเธอ คือ การควบคุมตลอดชีวิต
1
เนื่องจากเธออายุยังน้อย โทษในตอนนั้นจึงเป็นเพียง การรักษาอาการทางจิตของเธอให้หายดีและปล่อยตัว แต่ไม่มีโรงพยาบาลจิตเวชไหนที่จะรองรับแมรี่ไว้ได้ เธอจึงถูกส่งตัวไปสถานกักกันเยาวชนเรดแบงค์ ช่วงระหว่าง กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1969 ถึง พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1973
ต่อมา ปี ค.ศ.1977 แมรี่อายุครบได้ 20 ปี เธอถูกย้ายไปยังเรือนจำ สไตล์อัล ซึ่งเป็นเรือนจำที่ระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีนัก จึงทำให้เธอและเพื่อนแหกคุกออกไป และถูกจับในอีก 3 วันต่อมา ระหว่างที่เธอแหกคุก เธอได้เสียพรหมจารีย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ไม่มีข้อมูลระบุว่า เธอมีเพศสัมพันธ์กับใคร)
1
แมรี่ให้การว่า "ฉันแค่อยากจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองปกติ และสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้เท่านั้นเอง" นี่คือสิ่งที่เธอกล่าวหลังจากถูกจับกุมได้
1
แมรี่ เบลล์ วัยสาว Pix Cr.neverfold
3 ปีต่อมา
วันที่ 14 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1980
แมรี่ได้รับการปล่อยตัวออกมา เมื่อเธออายุได้ 23 ปี โดยไม่ได้หายขาดจากอาการทางจิต เธอเปลี่ยน ชื่อ-สกุลใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่
เธอได้กลับไปอยู่กับแม่ของเธอ และหลังจากนั้น 4 ปี เธอก็คลอดลูกสาวออกมา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1984 โดยไม่มีการเปิดเผยชื่อลูกสาวของเธอ
แมรี่กลับไปใช้ชีวิตปกติ เธอเรียนมหาลัยจนจบ และ เปลี่ยนงานทำไปเรื่อย ๆ เธอใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป หากแต่เธอยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเรือนจำถึงปี ค.ศ. 1992 แต่เธอได้รับอนุญาติให้เลี้ยงดูลูกสาวได้
1
ปี ค.ศ. 1998
แมรี่เธอรอลูกสาวขอเธอเติบโตขึ้น แล้วกลับมาใช้ชื่อเดิม พร้อมทั้งออกหนังสือชีวประวัติของตัวเอง (ในหนังสือเธอเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เธอได้พบเจอในวัยเด็ก รวมถึงประสบการณ์อันเลวร้ายในวัยเด็กของเธอด้วย)
3
ซึ่งไม่มีใครทราบว่า เนื้อหาในหนังสือนั้น จริงเท็จ แค่ไหน เพราะอย่างที่กล่าวเบื้องต้นว่า เธอเป็นคนที่โกหกมาโดยตลอด ทำให้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ก็ยังมองว่า เธอเป็นคนที่โกหกอยู่เช่นเดิม
1
ปี ค.ศ.2003
แมรี่ได้หายตัวไปจากสังคม อย่างไม่รู้ที่มาที่ไป
จนกระทั่ง ปี ค.ศ.2009
มีข่าวเกี่ยวกับเธออกมาว่า เธอได้กลายเป็นคุณยายไปแล้ว และชีวิตของเธอนั้นมีความสุข สบายดี
1
แมรี่ เบลล์ ตอนโต Pix Cr.เล่าไปเรื่อย
เรดนำคลิปเรื่องราว เป็นแนวละครจำลอง ของ แมรี่ เบลล์ มาฝากนะคะ ตามไปที่ลิ้งด้านล่างนี้เลยจ้า
1
หากท่านใดชื่นชอบ กดไลค์ กดแชร์ และกด Follow เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราด้วยนะคะ เรายินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุกๆท่านค่า ขอบคุณค่ะ ❤ 😁
2
Cr. YT channel เล่าไปเรื่อย , K.cammy , wikipedia
เรียบเรียง : Red Diary ❤
1
โฆษณา