เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด
เจ้าของร้านบุฟเฟต์เพิ่งเปิดใหม่
เป็นเถ้าแก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง
เห็นเด็กหนุ่มไม่เอากับข้าว
ก็รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เขารีบตักข้าวพูนถ้วยส่งให้
กับเด็กหนุ่มคนนั้น
เด็กหนุ่มจ่ายเงินพร้อมกับ
พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?”
.
“ตามสบายเลยค่ะ ไม่คิดตังค์”
.
เถ้าแก่เนี้ยพูด
เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง
“ไม่อิ่มใช่ไหม?
ถ้วยนี้เดี๋ยวผมตักให้คุณมากหน่อย”
เถ้าแก่พูดด้วยความเอาใจใส่
.
“ไม่ใช่ครับ ผมเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาลัยนะครับ”
.
เมื่อเถ้าแก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้ คงมาจากต่างจังหวัดในเขตภาคใต้เป็นแน่ ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก
เขาคงมาเรียนที่ไทเปคนเดียว
และคงจะทำงานและก็เรียนไปด้วย
ดูก็รู้ว่า เด็กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย
เขาจึงตักโร่วจ้าว (เนื้อเคี่ยวซอสสำหรับราดบนข้าว) ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว
จากนั้นก็เอาไข่ตุ๋นชาใส่ไปหนึ่งฟอง
จากนั้นจึงตักข้าวอัดไปเต็มกล่อง
มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในกล่องข้าว นอกเสียจากข้าวเปล่า
.
เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น
ก็เข้าใจใน สิ่งที่สามีกำลังทำว่า
ต้องการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว จะใส่ไว้ใต้ข้าวทำไม?
.
เถ้าแก่กระซิบบอกภรรยาว่า
“เด็กผู้ชายรักศักดิ์ศรี
หากเขาเห็นว่าบนข้าวมีโร่วจ้าว
เขาอาจคิดว่าเราทำทานแก่เขา
หากเป็นอย่างนี้ คราวหน้า เขาจะไม่กล้ามาอีก
.
ถ้าเขาไปกินร้านอื่นก็ได้กินแต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ !”