22 เม.ย. 2019 เวลา 15:08 • ประวัติศาสตร์
รักแรกภพของชายหนุ่มผู้เพ้อฝันกับหญิงสาวที่กลายเป็นศพ !! - คาร์ลและเอเลน่า
สวัสดีค่ะทุกท่าน เรดเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ ต่างก็มีความรักด้วยกันทั้งนั้น ความรักของเรดในทีนี้ หมายถึงความรักทุกรูปแบบความสัมพันธ์ ครอบครัว เพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรัก
เรด ว่า พวกเราต่างถูกหล่อหลอมมาด้วยความรักด้วยกันทั้งนั้นค่ะ และความรักก็มีหลายรูปแบบ บ้างก็สมหวัง บ้างก็ผิดหวัง และในวันนี้ Red Diary ของนำเสนอความรักที่ไร้ซึ่งเงื่อนไขใด ๆ จากชายคนหนึ่งที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง ความรักของชายหนุ่มผู้นี้ จะเป็นอย่างไร เชิญติดตามเรื่องราวของเขากันเลยค่ะ
Pix Cr.Crossbox
ในปี ค.ศ. 1930
ชายหนุ่มนาม คาร์ล แทนซ์เลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1877 อาศัยอยู่ที่เมืองเดรสเดน ชาวเยอรมนี เขาเป็นนักรังสีวิทยาของโรงพยาบาลนาวิกโยธิน เมืองคีย์เวสต์
รัฐฟลอริด้า
1
ย้อนไปเมื่อ ปี ค.ศ.1920
คาร์ล ได้สมรสกับภรรยาของเขาชื่อว่า "ดอริส" และมีบุตรด้วยกัน 2 คน
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 คาร์ลได้อพยพตัวเองไปที่ประเทศคิวบา และ ออสเตรเลียเพียงลำพัง ก่อนที่จะย้ายไปอาศัยกับน้องสาวของเขาที่ เมืองเซเฟอร์ฮิล ฟลอริด้า ในปี ค.ศ.1926
ปี ค.ศ. 1927
คาร์ล ได้งานเป็นนักรังสีวิทยาโรงพยาบาลทหารเรือ ที่ เมืองคีย์เวสต์ ฟลอริด้า และเปลี่ยนชื่อเป็น "คาร์ล ฟอน โคเซล" เมื่อเขาได้งานใหม่พร้อมที่พักเป็นหลักแหล่งแล้วนั้น คาร์ล ก็เดินทางกลับไปรับภรรยาและลูกของเขามา
ตั้งต้นสร้างครอบครัวที่ ฟลอริด้า ด้วยกัน
1
Pix Cr.missedinhistory
แต่มีบางสิ่งที่ทำให้ คาร์ล เปลี่ยนไปตลอดกาลนั้น จุดเริ่มต้นเริ่มจากช่วงที่ คาร์ล เดินทางกลับไปรับภรรยาและลูกของเขา ระหว่างการเดินทางเขาได้เกิดมโนภาพ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ นามว่า " เคาท์เตสส์ แอนนา คอนสแตนเตีย ฟอน โคเซล"
1
หญิงผู้สูงศักดิ์ กล่าวกับคาร์ล ว่า เขามิใช่เพียงสามัญชนคนธรรมดา หากแต่เป็นทายาทเลือดสีน้ำเงิน ซึ่งมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึง ท่านเคาท์คาร์ล และดอริสภรรยาคนปัจจุบันของเขา มิใช่เนื้อคู่กัน หากแต่เนื้อคู่ที่แท้จริงของเขานั้น เป็นสาวบ้านพื้นเมือง มีลักษณะ ผมสีดำและมีกุหลาบปักอยู่บนผม นั่นเอง
และไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม หลังจากที่ คาร์ล เดินทางมาถึงฟลอริด้าได้ไม่นาน คาร์ลได้หย่าร้างกับดอริสทันที
เขาเฝ้าเพ้อถึงแต่เนื้อคู่ในอนาคต (ที่ยังไม่เคยพบเจอ) เฝ้ารอให้เนื้อคู่ที่แท้จริงของเขา ปรากฎกายอยู่ทุกเมื่อ เชื่อวัน
คาร์ล ไม่ได้เป็นแค่หนุ่มนักฝันทั่ว ๆ ไป หากแต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่า เขาต้องได้พบเจอกับเนื้อคู่ของเขาให้ได้จริง ๆ โดยที่เขาจะไม่รออยู่เฉย ๆ หากแต่จะพยายามตามหาเนื้อคู่ให้ถึงที่สุด
ช่วงระหว่างที่ คาร์ล รอพบเจอกับคู่แท้ของเขา เขาก็นำประกาศนีย์บัตรที่เขาปลอมขึ้นทั้ง 9 ใบ ไปสมัครในตำแหน่ง ช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญด้านแบคทีเรีย ประจำโรงพยาบาลทหารเรือ ในเมืองคีย์เวสต์
แม้ว่าเขาจะไม่ได้จบการศึกษาตามที่กล่าวมา แต่เขาเป็นคนที่มีความสามารถซ่อมแซมเครื่องเอกซ์เรย์ และ ประดิษฐิ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ได้หลายชนิด จนผู้คนเชื่อว่า เขามีความรู้และความสามารถในสาขาวิชาที่ได้มาจากประกาศนีย์บัตร (ปลอม) จริง ๆ
2
หลายปีต่อมาในขณะที่เขากำลังทำงานอยู่ภายในโรงพยาบาลแห่งนั้น เขาได้พบกับหญิงสาวชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบา นามว่า "เอเลน่า โฮโยส" ซึ่งแม่ของเธอได้พาเธอมาหาหมอในโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่เขาได้ทำงานอยู่ นาทีที่เขาได้พบกับเธอนั้น คาร์ล รู้ได้ทันทีถึงสิ่งที่เขารอคอยมาอย่างเนิ่นนานมันได้สิ้นสุดลงแล้ว . . .
Pix Cr.sanook
เอเลน่า เข้ารับการรักษาเนื่องจากเธอเป็น วัณโรค ซึ่งวัณโรคในสมัยนั้น ยังไม่มีวิธีการที่จะรักษาให้หายขาดได้ และ พรากชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมากในอเมริกาขณะนั้น และ วัณโรคนี้เอง ได้พรากชีวิตคนในตระกูลของเอเลน่าไปเกือบหมด และ คาร์ล มองเห็นว่านี่คือโอกาสของเขาที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากยิ่งขึ้น
คาร์ล เสนอตัวกับทางโรงพยาบาลต้นสังกัดของเขาเพื่อขอรักษา เอเลน่า ด้วยตัวเขาเอง ตอนแรกทางโรงพยาบาลก็ยัง ลังเลในตัวเขา เนื่องจากวัณโรคสมัยนั้นไม่มีทางที่จะรักษาให้หายขาดได้แม้แต่ตัวแพทย์ผู้รักษาเอง
หากแต่ในเวลาต่อมา ทางโรงพยาบาลและทางครอบครัวเอเลน่า ได้ยินยอมให้ คาร์ล เป็นผู้รักษาเนื่องจากไร้ซึ่งวิธีการที่จะรักษาเธอได้
คาร์ล พยายามสร้างอุปกรณ์และสิ่งประดิษฐิ์ เพื่อรักษา เอเลน่า เขาลองผิดลองถูกอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะ การช็อตไฟฟ้าให้กับเอเลน่า การปรุงยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพรและสารเคมี หากแต่ทุกวิธีที่เขาได้ลองมา กลับไม่ได้ทำให้อาการของเอเลน่าดีขึ้นเลย
Pix Cr.crossbox
ระหว่างที่ทำการรักษาเธออย่างต่อเนื่อง คาร์ล ได้ประเคนนำเสื้อผ้า เพชรนิลจินดา เครื่องแหวน ให้เอเลน่าเป็นประจำ รวมถึงเอ่ยปากขอแต่งงานเธออยู่หลายครั้ง หากแต่ เอเลน่า ไม่ได้ตอบรับเขาเลยสักครั้ง
เอเลน่า เป็นสาวโสดในชีวิตจริง หากแต่ทางกฏหมายเธอได้ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เมื่อปี ค.ศ. 1926 กับ "หลุยส์ เมซ่า" เธอได้ตั้งครรภ์ให้กับหลุยส์ หากแต่เวลาต่อมาเธอได้ แท้งลูก และไม่สามารถมีทายาทให้กับตระกูล เมซ่า ได้อีก
1
หลุยส์ เมซ่า สามีของเธอจึงเริ่มตีตัวออกห่าง และไม่มาสนใจใยดีเธออีกเลย โดยยังไม่มีการหย่าร้างเกิดขึ้น ซึ่งทางกฎหมายนั้น เอเลน่า ก็ยังคงเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของ หลุยส์ อยู่เช่นเดิม
1
เอเลน่าก่อนป่วยเป็นวัณโรค Pix Cr.sanook
วันที่ 25 ตุลาคม ปี ค.ศ.1931
ความพยายามของ คาร์ล ไม่เป็นผล เอเลน่าได้จากไปอย่างสงบ ด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น คาร์ลเป็นผู้จัดการทำธุระและจ่ายเงินค่าทำศพ รวมถึงก่อสร้างสุสานเก็บศพให้กับเธอโดยเฉพาะ
คาร์ลออกแบบสุสานได้อย่างอลังการและหรูหรา รวมถึงมีการติดตั้งโทรศัพท์สายตรงไว้ด้วย เพื่อจะได้ใช้คุยกับเธอในยามที่พวกเขาต้องห่างไกลกัน คาร์ล ไปหาเอเลน่าที่สุสานเกือบทุกคืน จนกระทั่ง . .
ปี ค.ศ. 1933
เขามิอาจทนความคิดถึงยามที่เขาต้องอยู่ห่างไกลจากเอเลน่าได้ เขาจัดการนำศพของเธอเพื่อย้ายไปบ้านเขา โดยใช้รถเข็นเด็กบรรทุกศพของเธอไปในยามวิกาล คาร์ล กล่าวว่า วิญญาณเอเลน่ามาบอกกับเขาว่า อยากไปอยู่กับเขาด้วยแถมเธอก็ร้องเพลงเป็นภาษาสเปนให้เขาฟังอีกต่างหาก และทุกครั้งจะเป็นเช่นนี้ เมื่อคาร์ล เห็นสมควรแก่เวลา เขาก็จะนำศพเลเอน่ามาไว้ที่สุสานดังเดิม
สุสานที่คาร์ลสร้างให้กับเอเลน่า Pix Cr.Crossbox
หากวันไหนเขายุ่งกับงานมาก จนไม่สามารถไปหาเธอที่สุสานได้ เขาจะใช้โทรศัพท์ที่ต่อสายตรงไว้เพื่อพูดคุยกับเอเลน่า ตั้งแต่ดึกจนถึงรุ่งสาง ทำให้เขาจิตใจหมกมุ่นอยู่กับเอเลน่า จนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงถูกเชิญออกจากงานในเวลาต่อมา
คุณคิดว่า คาร์ล จะเสียใจใช่มั้ย ที่ถูกไล่ออก แต่ . . เปล่าเลย เขาคิดว่าดีซะอีก ที่เขาไม่ต้องไปทำงานแล้ว เขาจะได้มีเวลาอยู่กับ คน (ศพ) รัก ของเขามากขึ้น คาร์ล กล่าวว่า ถึงเวลาที่พวกเขาสองคนจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆเสียที
ทำให้คาร์ล ตัดสินใจลักลอบนำโลงศพขึ้นรถลาก หากแต่เมื่อพ้นจากสุสานไม่ทันไร โครมม !! รถลากหักโค่น โลงศพกระแทกกับพื้นถนน เนื่องจากโลงศพ มีน้ำหนักที่มากเกินกว่าที่รถลากจะรับได้
Pix Cr.Crossbox
หากแต่ความพยายามของคาร์ลมีมากกว่า เขารวบรวมพละกำลังลากโลงศพด้วยมือเปล่าไปตามถนนเพียงลำพัง
1
เมื่อถึงบ้าน คาร์ลนำเอาร่างของเอเลน่าวางลงบนเตียงนอน และด้วยเวลาผ่านเลยมาถึง 2 ปี ประกอบกับแรงกระแทกตอนโยกย้ายร่างมา ทำให้ร่างกายของเอเลน่า หลุดออกเป็นชิ้น อยู่หลายส่วน
คาร์ลทนเห็นคนรักของเขามีสภาพเช่นนั้นไม่ได้ เขานำเอ็นเปียโนมามัดกระดูกให้ต่อเข้าด้วยกัน และนำขี้ผึ้งปูนขาวมาปะตามร่างกายที่เริ่มผุ และผสมน้ำยาเคมีชโลมร่างให้มีกลิ่นเหมือนเนื้อหนังมนุษย์
1
เขาเติมเต็มร่างที่เน่าเปื่อยตามร่างกายของเธอด้วยเศษผ้า รักษากระดูกของเธอไว้ด้วยขดลวดเพื่อเชื่อมกระดูกให้ยังคงอยู่สภาพเดิม
ซ่อมบำรุงผิวเธอด้วยแว๊กซ์และปูนปลาสเตอร์
1
ในส่วนของเส้นผม เขานำเส้นผมจริงของเอเลน่ามาทำเป็นวิกผมแล้วสวมใส่ให้กับเธอ ราวกับสาวผมดำขลับในความทรงจำของเขา นอกจากนี้เขายังใส่ลูกตาปลอมให้กับเธออีกด้วย
Pix Cr.lickr
เมื่อปรับแต่งร่างกายที่สึกหลอของเธอแล้ว เขาจับเธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรง เครื่องประดับ และถุงมือ ตามสมัยนิยม แล้วพรมน้ำหอมบนตัวเธอผสมกับน้ำยารักษาศพ เพื่อไม่ให้กลิ่นเน่าจากร่างกายโชย
คาร์ล รู้สึกภูมิใจที่ในที่สุด เขาก็ได้อยู่กับหญิงซึ่งอันเป็นที่รัก เธอคือคนที่ฟ้าส่งมาให้คู่กับเขาจริง ๆ เป็นเนื้อคู่ที่มิอาจมีสิ่งใดพลัดพรากเขาไปจากกันได้
จนกระทั่ง
ปี ค.ศ.1940 ความแตก !!
น้องสาวของเอเลน่าทราบมาว่า ศพพี่สาวของตัวเองถูกลักลอบหายไป และทราบด้วยว่า คาร์ล เป็นผู้กระทำการลักลอบศพพี่สาวของเธอไป น้องสาวของเอเลน่า เข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้เข้าตรวจค้น หากแต่เมื่อไปถึงก็พบศพของพี่สาวเธอนอนอยู่บนเตียงภายในบ้านคาร์ลจริง ๆ
1
คาร์ล ถูกจับทันที ในข้อหาลักลอบศพจากหลุมและเคลื่อนย้ายศพออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกไปเนื่องจากคดีหมดอายุความ
Pix Cr.Crossbox
เมื่อนำศพกลับคืนมาได้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพและพบสิ่งที่น่าประหลาดใจ ภายในบริเวณช่องคลอดของศพเอเลน่า มีแกนกระดาษทิชชู่ ใส่อยู่แทนอวัยวะเพศของเธอ คาร์ล กล่าวว่า ที่ทำเช่นนั้นเพื่อให้เขาสามารถมีเพศสัมพันธ์กับเธอได้ดั่งคนปกติ
2
หลังจากการชันสูตรศพเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ก็นำเอาศพของเอเลน่ากลับไปฝังหลุมศพอย่างลับ ๆ โดยไม่มีป้ายชื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ถูกลักลอบศพซ้ำซ้อนอีก
คาร์ลถูกจับและนำตัวส่งไปตรวจสอบอาการทางจิตที่โรงพยาบาล เขาถูกลงความเห็นว่าป่วยเป็นโรค เนโครฟิเลีย (Necropholia) ซึ่งเป็นลักษณะอาการทางจิตของผู้ที่มีความชอบในการมีเพศสัมพันธุ์กับซากศพ
และนั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาถูกจับกุม เขาถูกจับกุมในคดีลักลอบขโมยศพ แต่ต่อมาเขาได้รับการปล่อยตัวออกมา เพราะ หมดอายุคดีความ ในส่วนร่างของ เอเลน่า ก็ถูกนำไปจัดตั้งให้สาธารณชนได้ชม ที่ สุสาดีน-โลเปซ ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปฝังที่สุสานคีย์เวสต์ตามคำร้องขอของครอบครัวเธอ
Pix Cr.sanook
คาร์ล พยายามเรียกร้อง ขอศพเอเลน่า คืนจากเจ้าหน้าที่อยู่หลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล หากแต่ไปหาเธอที่หลุมศพเดิมก็ไม่พบแล้ว เขารู้สึกขื่นขม หมดหวังทุกอย่าง ทำไมความรักของเขาถึงโดนพรากจากไปอีกแล้ว . .
หลังจากเรื่องราวจบสิ้น คาร์ล ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองปาสโค หากแต่ความรักอันเป็นนิรันดร์ของเขาไม่ได้หมดไป คาร์ล ประดิษฐิ์หุ่นขี้ผึ้งเท่าตัวจริงของเอเลน่า และอาศัยใช้ชีวิตร่วมกันอย่างลับ ๆ เป็นเวลาหลายปี
ปี ค.ศ. 1952
คาร์ล ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ มีคนพบศพคาร์ลภายในบ้านของเขา สภาพคือ เขานอนตายเคียงข้างไปกับตุ๊กตาขนาดตัวเท่าคน ที่สวมหน้ากากปูนปลาสเตอร์เป็นใบหน้าของ เอเลน่า
ผู้ที่พบเจอเขา รู้สึกเห็นใจเขามาก ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ป่วยก็ตาม หากแต่เมื่อเรารักใครสักคน มันไร้ซึ่งเงื่อนไขใด ๆ ทั้งปวง รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ขอแค่ให้มีคนที่รักอยู่กับเขาไปในทุก ๆ วัน เขาต้องการเพียงแค่นั้น และในที่สุดเจ้าหน้าที่ได้ฝังพวกเขาไว้ข้าง ๆ กันเพื่อให้เขาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข และสมปรารถนาจริง ๆ สักที
Pix Cr.Crossbox
มีการค้นพบสิ่งประดิษฐิ์ที่คาร์ลทำไว้ให้กับเอเลน่าด้วย คือ เครื่องบิน
คาร์ล กล่าวว่า เขาพยายามจะใช้เครื่องบินเพื่อส่งศพของเธอไปในอวกาศ เพราะเขาเชื่อว่า วิธีนี้มันจะสามารถชุบชีวิตของเอเลน่า ให้กลับมามีชีวิตดังเดิมได้ . . .
เครื่องบินที่คาร์ลประดิษฐิ์แก่เอเลน่า Pix Cr.Crossbox
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับความรักอมตะนี้ ทุก ๆ ท่านรู้สึกอย่างไร คอมเม้นพูดคุยกันได้นะคะ เรดขอให้ทุกท่านมีความรักที่สุข สมหวัง สมปรารถนาดั่งใจนึก ทุก ๆ ท่านเลยนะคะ เรดขออวยพรให้รักอยู่รอบตัวทุกท่านค่ะ
ด้วยรัก Red Diary ❤
1
หากท่านใดชื่นชอบบทความ กดไลค์ กดแชร์ และกด Follow เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราด้วยนะคะ เรายินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุกๆท่านค่า ขอบคุณค่ะ ❤ 😁
Cr.crossboxs , YT BiRdY-CH , Postjung
เรียบเรียง : Red Diary ❤
โฆษณา