23 เม.ย. 2019 เวลา 01:32 • บันเทิง
Art gallery on road
ถ้าไม่นับเรื่องรถติด น้ำท่วม อากาศร้อนเสียงดัง ควันพิษ เราอาจเปรียบการเดินทางบนท้องถนนในเมืองไทย ว่าราวกับเรากำลังเดินเที่ยวชมการแสดงศิลปะในหอศิลป์ขนาดอลังการ เต็มไปด้วยการแสดงศิลปะหลากหลายแขนง
ถ้าไม่นับป้ายโฆษณามากมายหลายขนาดตามข้างถนน หรือป้ายไฟป้ายไวนิลขนาดยักษ์ที่อาจถือได้ว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ที่พยายามดึงดูดสายตาเราออกไปจากท้องถนน หรือไว้ดูแก้เบื่อเวลารถติดเป็นปลากระป๋อง ยังมีงานศิลปะอีกมากมายที่มีผู้นำมาจัดแสดงกันอย่างไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
งานวรรณกรรม
งานวรรณกรรมส่วนมาก เป็นงานสติ๊กเกอร์ประดับรถยนต์ จัดแสดงกันแถวกระบะท้ายหรือฝากระโปรงท้ายรถ มีทั้งงานเขียนแนวสร้างแรงบันดาลใจ เช่น "โตขึ้นเราจะเป็นเบ๊นซ์" ที่ท้ายรถอีโค่คาร์คันจิ๋ว
หรือแนวบ่งบอกความเป็นมืออาชีพ เช่นสติ๊กเกอร์ท้ายรถสูบส้วมที่ว่า "เจอสาววิ่งหนี เจอขี้วิ่งใส่"
หรือแนวบ่งบอกความเป็นพรรคพวกเดียวกัน เช่น สติ๊กเกอร์คำว่า "วัดท่าไม้" "วัดท่าไม้ตาย" "วัดอังโคะคุจิ" หรือกระทั่ง "วัดซับแม๋น" ก็สุดแล้วแต่ใครจะโชว์ความเป็นพรรคพวกกันแบบไหน (ส่วนตัวรู้จักแต่ วัดอังโคะคุจิ 5555)
หรืองานวรรณกรรมแสดงความเป็นปัจเจกของศิลปินผู้ขับขี่ยวดยานเหล่านั้น ที่นิยมสุดเห็นจะเป็น รถคันนี้สี......(ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง) หรือที่แหวกแนวมากๆเช่น รถคันนี้สีขาวอมทองเหลือบฟ้าสลับเขียวคาดแดง!
หรือจะแสดงออกถึงความไม่แคร์กระแสสังคมของศิลปินเช่น
"รถคันนี้สีอะไรก็ช่าง ตังค์กู!"
ซึ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นงานวรรณกรรมที่สร้างสีสันบนท้องถนน ยามที่เราเบื่อหน่ายได้เป็นอย่างดี
งานจิตรกรรม
งานจิตรกรรมมักต้องการพื้นที่แสดงผลงานขนาดพอสมควร เราจึงมักเห็นงานจิตรกรรมส่วนใหญ่ตามรถโดยสาร รถบรรทุก รถสิบล้อพ่วง เพราะมีพื้นที่มากให้แสดงผลงาน บางคันแสดงภาพเรื่องราวถ่ายทอดไปตลอดความยาวรถ โดยเฉพาะพวกรถโดยสารประจำทางต่างๆ หรือพวกรถสิบล้อพ่วงมักมีพื้นที่แสดงงานจิตรกรรมที่แผ่นยางบังโคลนล้อหลัง ซึ่งมักมีภาพบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจของศิลปินถูกแต่งแต้มอยู่บนผืนยางหนาหนัก
จะมองหารูปโมนาลิซ่า หรือ รูปสะท้อนกระจกของแวนโก๊ะ คงไม่มี แต่ที่พบเจอส่วนใหญ่ เป็นชายสามสี่คน
คนแรก "ชายผมหยิกดำ ใส่หมวกไบเล่" คือ เช กูวารา นักต่อสู้เพื่ออะไรซักอย่างจำไม่ได้แล้ว
คนที่สอง "ชายผมหยิก ผมทองบ้าง ผมดำบ้าง สวมแว่นดำคาดไว้เหนือหัว" คนนี้คือ Al pacino ในบท เซปิโก้ ตำรวจอันตราย ดูเท่ไปอีกแบบ
คนที่สาม "ชายผมหยิกดำ ใส่แว่นดำปิดบังดวงตา" คนนี้น่าจะเป็น ฉัตรชัย เปล่งพานิช ในบท ตี๋ใหญ่ ที่โด่งดังลั่นเมือง
คนที่สี่ "ชายผมหยิกหย๋อย ยาวรุงรัง ยิ้มเห็นฟันขาว พื้นหลังมักมีแถบสลับสีเขียวเหลือง บางอันมีใบกัญชาประดับเป็นลวดลายด้วย" คนนี้คือ บ๊อบ มาเล่ย์ ศิลปินนักร้องเพลงเร้กเก้ชื่อก้อง
เท่าที่เห็นก็ประมาณนี้ แต่พักหลังๆ มีสลับสับสนกับบ้าง เป็นตี๋ใหญ่ผมทอง หรือ เช กูวาร่า บนพื้นหลังสีเหลืองเขียวก็มี อันนี้คิดเสียว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินก็แล้วกันนะครับ ก็สนุกสนานกันไป
งานประติมากรรม
งานประติมากรรมก็มีจัดแสดงบน gallery บนท้องถนนด้วย เช่น สปอย์เลอร์หลากหลายแบบ สูงเท่าตึกสองชั้นก็มี ดูแล้วไม่เกี่ยวกับ aerodynamic แน่นอน บางคันมีล้อแม๊กซ์แกะสลักลายวิจิตร บางอันเป็นกังหันหมุนได้สลับลายดูน่าเวียนหัว บางคันเป็นรถยนต์ดีๆไม่ชอบ อยากเป็นรถไขลานเด็กเล่น ไปซื้อโฟมยางแกะรูปที่ไขลานมาติด ก็น่ารักไปอีกแบบ รถสิบล้อรถบรรทุกยิ่งสร้างสรรค์ ไปซื้อหุ่นมิชชิลินอ้วนขาวพุงพุ้ย มาประดับพร้อมใส่หลอดไฟหลากสีด้านใน ส่องแสงวับวาวยามค่ำคืน ดูสะดุดตาและช่วยสังเกตุเวลากลางคืน ก็เป็นศิลปะที่เจ้าของผลงานสร้างสรรค์กันไปตามความชื่นชอบส่วนตัว
งานแสดงศิลปะบนถนนยังมีอีกมากมาย เล่าทั้งวันคงไม่จบ
อยากเสพงานศิลป์ ไม่ต้องไปไหนไกล แค่รถติดก็เสพได้ แค่เปิดใจว่างๆ อย่าไปใส่ใจกับความวุ่นวายบนท้องถนน แล้วเราจะได้รื่นรมณ์กับศิลปะหลากหลายกันแบบ ขับไป เบรคไป ชมไป ขำไป ฮาไป และ
ยิ้มไป
ขอให้สนุกและสุขบนท้องถนนที่แสนแออัดในสยามประเทศกันนะครับ ^_^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา