27 เม.ย. 2019 เวลา 05:45 • ปรัชญา
4 หลักการใช้เงินอย่าง Warren Buffett (วอเรน บัฟเฟตต์)
บัฟเฟตต์ได้ชื่อว่า อภิมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก
รองจากอันดับ 1 คือ เจฟฟ์ เบซอส (เจ้าของ Amazon)
และอันดับ 2 คือ บิลล์ เกตส์ (เจ้าของ Microsoft)
บัฟเฟตต์ เป็น CEO ของบริษัทการลงทุน
ชื่อ Berkshire Hathaway
โดยมีทรัพย์สินอยู่ 86,900 ล้านดอลลาร์ หรือ
ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
หลายคนน่าจะคิดเหมือนผมว่า
คนที่มีเงินขนาดนี้ต้องใช้ชีวิตหรูหรา
ซื้อทุกๆอย่างที่ตัวเองอยากได้อย่างแน่นอน
แต่กลับกันเลยครับ เขาเป็นคนที่ติดดินมาก
ใช้ชีวิตเรียบง่าย และติดจะขี้เหนียวด้วยซ้ำ (ฮ่าๆๆ)
แต่มักใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับงานบุญงานกุศล
ซึ่งผมคิดว่าเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆเลยครับ
1
นี่คือ 4 สิ่งที่บ่งบอกถึงความติดดินของมหาเศรษฐีคนนี้
1.เขาไม่ได้มีบ้านเป็นคฤหาสน์
เขาอยู่บ้านหลักเดิมที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2501
ในราคา 31,500 ดอลลาร์ ถ้าปัจจุบันก็คงประมาณ
270,000 ดอลลาร์(8 ล้านบาท) เขามีความผูกพัน
กับบ้านหลังนี้มาก จนถึงขั้น”เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม”
และเขาก็มีบ้านอีก 1 หลัง เป็นบ้านพักตากอากาศ
เขาซื้อมาด้วยสัญญากู้ 30 ปี และเขายังบอกอีกว่า
“นี่เป็นสินเชื่อบ้านที่ดีที่สุด”
นี่เป็นหลักของนักลงทุนที่ผมพอรู้มา ต่อให้เขารวยมาก
เขาจะไม่จ่ายเงินก้อน เพราะเงินก้อนของเขาสามารถ
ไปลงทุนให้ได้ปันผล มากกว่า ดอกเบี้ยบ้านที่เขาจะต้องจ่าย เขาจึงได้กำไรจากการผ่อนบ้าน มากกว่าใช้เงินก้อนใหญ่
2.เขาไม่ได้กินอาหารหรูหรือแพงเลย
ปกติเขาจะกินอาหารจานด่วนเป็นหลัก
โดยส่วนมากจะแวะร้านแมคโดนัลด์
เพื่อสั่งเบอร์เกอร์ ไอศกรีม น้ำอัดลม
ไปกินระหว่างขับรถไปทำงาน
ซึ่งเป็นอาหารที่อิ่มและราคาถูกมากในอเมริกา
ถ้าวันไหนเขาหุ้นขึ้นหน่อย ก็อาจจะสั่งแซนวิช
แบบจัดเต็ม พร้อมมีไข่มาโปะด้วย
(ผมว่าหลายๆคนอาจเป็นเหมือนกัน รวมทั้งผมด้วย
วันไหนถูกหวย หุ้นกำไร วันนี้กินเต็มที่ไปเลย 5555)
และหลายๆครั้งเขาก็ไม่เคยเขินอายในการที่
จะใช้คูปองกินฟรี หรือ คูปองส่วนลดด้วยซ้ำ
ทั้งๆที่มีเงินมากมายขนาดนี้
2
3.เขาไม่ได้มีซุปเปอร์คาร์
เขาไม่ใช้แม้กระทั่งรถมือหนึ่งด้วยซ้ำ เขาใช้แค่รถบ้านๆ
เขาเลือกรถที่ราคาถูก มีรอยขีดข่วนบ้าง มีตำหนิบ้าง
แต่สามารถพาเขาเดินทางไปทำงานได้
จนกระทั่งบางครั้งลูกสาวเขาต้องเอ่ยปากให้เขาซื้อใหม่เถอะ
ตัวเขาเองเคยบอกว่าปีหนึ่ง เราขับรถแค่ 5 พันกว่ากิโลเมตร
เลยไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อรถแพงขนาดนั้นเลย
และรถเป็นสิ่งของที่เสื่อมราคาเร็วมากอีกด้วย
4.เขาไม่ได้มีงานอดิเรกสุดหรู
ถ้าเป็นมหาเศรษฐีหลายๆคน อาจจะไปเที่ยวต่างประเทศ
ช้อปปิ้ง สะสมรถ สะสมนาฬิกา สะสมกระเป๋า สะสมรองเท้าหรืออีกหลายๆอย่าง ที่ใช้เงินมหาศาล
แต่เขาเองกลับชอบเล่นบริดจ์(เกมไพ่อย่างหนึ่ง)
เรียกว่าวันทั้งวันสามารถจมเวลากับบริดจ์ได้เลย
และนอกจากนั้นเขายังเล่น กีตาร์อูคูเลเล่และร้องเพลงด้วย
ถึงขั้นเคยเล่นให้นักลงทุนในหลายๆงานกุศลฟังมาแล้ว
และนี่คือการใช้เงินและการใช้ชีวิตของผู้ที่ได้ชื่อว่า
วอเรน บัฟเฟตต์ อภิมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก
ซึ่งดูแล้วเป็นชีวิตที่เรียบง่ายปกติ จนหลายๆคนมองข้าม
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สุดท้ายแล้วเราจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ครับ
ให้เราสบายใจและมีความสุขและไม่เดือดร้อนคนอื่น
นั้นก็คล้ายๆหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ของ ร.9 เราเลยครับ
แต่เมื่อก่อนผมเองก็เคยเข้าใจผิดว่า เศรษฐกิจพอเพียง
คือห้ามรวย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
มีมากก็ใช้มากเท่าที่มีและไม่เดือดร้อน
มีน้อยก็ใช้น้อยเท่าที่มีและไม่เดือดร้อน
หรือไม่ใช้เกินตัวนั้นเอง และรู้จักแบ่งปันเมื่อมีมากพอ
ถ้าคุณเป็นวอเรน บัฟเฟตต์ แล้วจะซื้อรถซุฟเปอร์คาร์ซักคัน เพื่อเป็นความสุขของตัวเอง
ผมคิดว่าก็ไม่ผิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงนะครับ ^^ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ 🙏🏻
ถ้าชอบบทความแบบนี้
ฝากกด Like กด Share และกดติดตาม
เพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะครับ
และหากมีข้อติชมอะไร
คอมเมนท์ไว้ที่ด้านล่างได้เลยนะครับ ^^
หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์และนำมันไปปรับใช้
แล้วชีวิตของคุณในวันพรุ่งนี้จะดีขึ้นกว่าวันนี้แน่นอนครับ
1
โฆษณา