29 เม.ย. 2019 เวลา 11:59 • ประวัติศาสตร์
ญี่ปุ่น
สมเด็จจักรพรรดิอากิฮิโตะ A Life in Picture
ในโอกาสที่ วันที่ 30 เมษายน 2019 ที่จะถึงนี้คือวันสุดท้ายที่พระองค์จะทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นจักรพรรดิอากิฮิโตะในพระชนมพรรษา 85 พรรษา จะทรงสละราชสมบัติให้กับเจ้าชายนารูฮิโตะต่อไป
Around The World ขอนำเสนอเกร็ดความรู้โดยย่อผ่านภาพถ่ายในอดีตของพระองค์
นับเป็นการสละราชบัลลังก์ครั้งแรกในราชวงศ์ญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 1817
ทรงขึ้นครองราชย์นับรวม 31 ปี รัชสมัยของพระองค์เรียกกันว่ายุคเฮเซ
พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ทรงทำให้ราชวงศ์มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น พระองค์ทรงปฏิบัติตัวเป็นคนของประชาชนและปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติร้ายแรง
ย้อนกลับไปในปี 1945 พระราชบิดาของพระองค์ สมเด็จจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ทรงเป็นศูนย์กลางของมหาสงครามเอเชียบูรพา ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีฐานะเป็นดังสมมุติเทพ
หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม มีภาพถ่ายของพระองค์ที่ยืนคู่กันกับนายพลดักลาส แมคอาร์เธอร์ (รูปขวาล่าง) ซึ่งทางอเมริกาจงใจเผยแพร่ออกมาเพื่อปรับภาพลักษณ์สมมุติเทพของจักรพรรดิ ให้กลายเป็นเพียงผู้นำทางสัญลักษณ์
เจ้าชายอากิฮิโตะ ทรงเติบโตขึ้นมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทรงมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษาเท่านั้น
พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ครั้งทรงพระเยาว์ ไม่ทราบวันที่ถ่ายแน่ชัด
ตามธรรมเนียมปฏิบัติในราชวงศ์ญี่ปุ่น ทำให้พระองค์ถูกเลี้ยงดูแยกจากพระราชบิดามาโดยตลอด และในเดือนพฤศจิกายน ปี 1952 พระองค์ก็ได้เข้าพิธีแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการ และทรงกลายเป็นมงกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่บัดนั้น
ในภาพนี้พระองค์ทรงพยายามทำความคุ้นเคยกับพระราชบิดาของพระองค์เองให้มากขึ้นด้วยการเล่นหมากรุกญี่ปุ่น
เจ้าชายอากิฮิโตะ กลายเป็นภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ในราชวงศ์ญี่ปุ่นซึ่งเปิดตัวเข้าหาสังคมโลกมากขึ้น
นี่คือภาพเมื่อครั้งทรงเสด็จเยือนกรุงลอนดอนเพื่อร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม 1953
ในปี 1959 ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมิชิโกะ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติราชวงศ์ญี่ปุ่นที่เจ้าชายทรงอภิเษกกับสามัญชน
ทรงเปลี่ยนแปลงประเพณีในราชวงศ์คือพระองค์และพระชายาทรงเลี้ยงดูราชโอรสด้วยพระองค์เอง
รูปเจ้าชายนารูฮิโตะทรงขี่จักรยานในเดือนกันยายนปี 1965
รูปนี้ทรงทอดพระเนตรงานศิลปะบราซิลกับพระราชโอรสของพระองค์ เจ้าชายนารูฮิโตะ ในปี 1982
ทรงเป็นตัวแทนของญี่ปุ่นในการแสดงความเสียใจกับบทบาทของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2
รูปนี้ทรงให้การต้อนรับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายโน แทอู ที่พระราชวังอิมพีเรียล ในปี 1990 และทรงแสดงความเสียพระทัยอย่างที่สุดกับการสูญเสียของเกาหลี
ทรงเป็นจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นที่เสด็จเยือนประเทศจีนในปี 1992
ทรงแสดงความเสียพระทัยอย่างที่สุดกับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น
ทรงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ต่างๆ เช่นราชวงศ์อังกฤษและราชวงศ์ไทย
ในภาพทรงพระราชดำเนินตรวจกองทหารระหว่างการเสด็จพบพระราชินีอลิซาเบ็ธที่อังกฤษ
ทรงเป็นพระสหายอันยาวนานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
2
ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมผู้รอดชีวิตจากมหันตภัยสึนามิในปี 2011
ทรงเสด็จเยือนประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2017 เพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระสหายเก่าของพระองค์ที่ทรงเสด็จ
สวรรคต
เดือนกุมภาพันธ์ 2019 ทรงเข้าร่วมพิธีฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 30 ปี
ทรงรับการถวายพระพรจากนายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี และสมาชิกสภา ด้วยการร้อง “บันไซ” ตามแบบฉบับญี่ปุ่น
ในสัปดาห์สุดท้ายในตำแหน่งจักรพรรดิ พระองค์เสด็จไปยังอารามหลวงของราชวงศ์ เพื่อนำสมบัติศักดิ์สิทธิ 3 อย่างของราชวงศ์ญี่ปุ่น คือกระจก ดาบ และอัญมณีศักดิ์สิทธิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดราชวงศ์ญี่ปุ่นออกมา เพื่อนำไปส่งมอบให้กับเจ้าชายนารูฮิโตะ ในราชพิธีราชาภิเษกต่อไป
นับเป็นการสิ้นสุดรัชสมัยอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จจักรพรรดิที่นำพาประเทศข้ามผ่านจากประเทศผู้แพ้สงคราม จนกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของโลกได้ในที่สุด
reference
โฆษณา