29 เม.ย. 2019 เวลา 01:09 • ธุรกิจ
ประวัติ Google ตอนที่ 13 : Broadcast Yourself
ในยุคปัจจุบันดูเหมือนเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Youtube คือแหล่งข้อมูลสำคัญของโลกไม่แพ้ google เลยทีเดียว ใครคนไหนอยากจะหาข้อมูลอะไรสักอย่างจะต้องเข้าเว็บไซด์ google เพื่อค้นหาข้อมูล แต่ถ้าใครอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหว วีดีโอคลิป แน่นอนว่า Youtube จะต้องเป็นตัวเลือกแรกๆของทุกคนอย่างแน่นอน
ประวัติ Google ตอนที่ 13 : Broadcast Yourself
Youtube คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการแบ่งปัน (share) วิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอัพโหลด แชร์ หรือดูวิดีโอผ่านเว็บไซต์ได้ ในรูปแบบคลิป วิดีโอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร มิวสิควิดีโอ หรือการโชว์ความสามารถต่างๆ จากทางบ้าน โดยยูทูบ มีสโลแกนสั้นๆ ได้ใจความ
ว่า “Broadcast Yourself”
Youtube เกิดจากพนักงานระดับล่าง 3 คนของบริษัท PayPal คือ Chad Hurley, Steve Chen และ Jawed Karim ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
โดย Chad ได้เข้ามหาวิทยาลัยอินเดียนาแห่งเพนสิเวอร์เนีย ด้านการออกแบบ Steve กับ Jawed ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยในตอนแรก Chad และ Steve เป็นเพื่อนสนิทกันซึ่งทำงานด้วยกันในบริษัท Paypal
Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube
ไอเดียการคิดค้น youtube นั้นได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ในปี 2005 ซึ่ง Chad อยากจะแชร์คลิปวีดีโอที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที ให้กับ Steve ได้เห็น แต่เว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอนั้นหายากมากๆ และความยาวที่เกินกว่า 1 นาทียิ่งไม่ต้องพูดถึง ในงานปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนต์ของ Steve เขาจึงเริ่มแชร์ไอเดียว่าเขาอยากที่จะสร้างเว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอและแชร์ได้ในเวลาเดียวกัน ง่ายต่อการค้นหา ง่ายต่อการอัพโหลดลงในอินเตอร์เน็ต แต่ดูๆแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อมองถึงเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในขณะนั้น ความคิดนี้ของพวกเขาจึงหายไปช่วงเวลาหนึ่ง
สำหรับ Jawed นั้น เขาเป็นลูกครึ่งเยอรมันและบังกลาเทศ ได้ทำการย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศอเมริกา ในปี 2004 ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศอินเดีย รวมถึงหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
ตัว Jawed เองนั้นพยายามค้นหาคลิปวีดีโอเหตุการณ์นั้นแต่หายากมาก เขาจึงเริ่มคิดอยากจะสร้างเว็บไซด์ในการฝากไฟล์วีดีโอที่ง่ายต่อการค้นหา แต่ความคิดนี้ก็ตกไปเพราะต้องใช้ทุนในการสร้างสูงมาก รวมถึงอินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงยังคงเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนให้มาใช้กัน
โดยที่ทั้ง 3 คนมารู้จักกันในการทำงานที่บริษัท Paypal และมีความคิดไปในทางเดียวกัน พวกเขาจึงระดมทุนได้จากเหล่า venture capital ซึ่งได้เงินลงทุนตั้งต้นมา 11.5 ล้านเหรียญ จากกองทุน Sequoia Capital ของมหาเศรษฐี Don Valentine ผู้เคยสร้างชื่อมาแล้วกับบริษัทหลายๆแห่งไม่ว่าจะเป็น Apple, Yahoo, Oracle Corporation, Cisco รวมถึงบริษัทเกมอย่าง Electronic Arts
1
Youtube จดทะเบียนเป็นบริษัทและมีโดเมนเนมว่า www.youtube.com ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2005 มีสำนักงานใหญ่อยู่บนชั้นสองของร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆในเมือง San Mateo, California และคลิปวีดีโอแรกที่ถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซด์ครั้งแรกเป็นของ Jawed โดยใช้ชื่อว่า “Me at the zoo”
ในปีเดียวกันนั้นเอง คลิปวีดีโอที่แตะหลักล้าน Views เป็นครั้งแรกเป็นคลิปโฆษณาของ Nike โดยใช้นักฟุตบอลชื่อดังอย่างโรนัลดินโญ่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับการสนับสนุนเงินอีก 3.5 ล้านเหรียญของ Sequoia Capital ทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง Google นั้นเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Youtube จนต้องสร้างบริการ Google Video เข้ามาร่วมแข่งขัน
Youtube นั้นได้พัฒนาเทคโนโลยีของการเล่นวีดีโอ ที่สามารถอัดเก็บไว้ได้และนำมานำเล่นได้ใหม่ โดยจะใช้พื้นฐานของการโปรแกรม Macromedia’s Flash Player และใช้โปรแกรมบันทึกวิดีโอแบบ Sorenson Spark H.263 อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ยังทำให้ Youtube สามารถใช้วิดีโอเล่นภาพและเสียงได้อย่างมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับวิดีโอที่เล่นอยู่ที่บ้านและสามารถนำกลับมาเล่นซ้ำได้เหมือนกับ Windows Media Player, Realplayer หรือ Quicktime Player ของ Apple
แต่การใช้โปรแกรม Flash ของ Youtube ในยุคเริ่มต้นนั้น สามารถที่จะตอบสนองต่อการเล่นของผู้ใช้ได้ดีราว ๆ 90 % เมื่อทำการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต หรือในอีกทางหนึ่งผู้ใช้ สามารถเข้าไปใช้โดยเข้าเป็นสมาชิกของ เว็บไซต์เพื่อที่จะทำการ Download วิดีโอมาติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของตนเองก็สามารถทำได้
Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player
ซึ่งการใช้วิดีโอเพื่อเล่นภาพและเสียงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบและเป็นองค์ ประกอบสำคัญที่ทำให้ Youtube ประสบความสำเร็จ และการยอมให้ผู้ชมเข้าไปดูวิดีโอได้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมหรือต้องไปจัดการกับปัญหาเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยมีประสบการณ์กับเทคโนโลยีวิดีโอจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีที่เข้ากันไม่ได้ หรือมีการใช้วีดีโอสำหรับผู้เล่นวีดีโอหลายรูปแบบมาก ๆ
ด้วยการใช้งานที่ง่ายดายแตกต่างจากบริการวีดีโอ ออนไลน์ อื่น ๆ ทำให้ YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไปอย่างรวดเร็ว YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง
2
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ได้ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก
ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 เว็บไซต์อย่าง Youtube ได้กลายเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีวิดีโอที่ถูกอัปโหลดมากถึง 65,000 วิดีโอ ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้นเอง Youtube มีผู้เข้าชมเฉลี่ยแล้วได้ถึง 100 ล้านครั้งต่อวัน เว็บไซต์ยังติดอันดับที่ 15 ของเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก จัดอันดับโดย Alexa
ซึ่งทำให้มี myspace เว๊บไซต์ทางด้าน Social Network ชื่อดังในขณะนั้น ตกอันดับลงมาได้สำเร็จ Youtube เป็นเว็ปไซต์ที่มีผู้เข้าชม 20 ล้านคนต่อเดือนตามการบันทึกของ Nielsen/NetRatings โดยแยกออกมาเป็นผู้ชมเพศหญิง ร้อยละ 44 และเพศชาย ร้อยละ 56 โดยอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12-17 ปีที่เข้าเว็ปไซต์มากที่สุดใน Youtube ความโดดเด่นของ Youtube คือการตลาดที่เป็นรูปธรรม เว็ปไซต์ Hitwise.com ได้กล่าวว่า Youtube ได้ทำส่วนแบ่งทางการตลาดวิดีโอออนไลน์ในสหราชอาณาจักรถึง ร้อยละ 64 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงมากที่สุดในบรรดา บริการวีดีโอ ออนไลน์ทั้งหมด
ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เป็นที่ต้องตาของทั้งบริน และ เพจ เป็นอย่างมาก ที่ต่อมา ในวันที่ 9 ตุลาคม 2006 Google ได้ตกลงตัดสินใจเข้าซื้อ YouTube ด้วยมูลค่า 1,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ตาม YouTube ก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของบริษัทไปตามปกติ โดยเป็นอิสระจากการควบคุมของ google การรวมกันของสองบริษัทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเข้าใจได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่สนใจในการอัพโหลด การดูวิดีโอ และการแชร์ภาพวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ ข้อมูล (content) ที่เป็นมืออาชีพที่จะนำเสนองานของพวกเขาไปสู่คนวงกว้างได้นั่นเอง
การที่ Google สามารถเข้าซื้อ Youtube ได้สำเร็จ นั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งหนึ่งของ Google ที่ได้ยกระดับขึ้นมากลายเป็นบริษัท ที่พร้อมที่จะสู้กับ Microsoft หรือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ รายอื่นๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้ Youtube นั้นจะยังคงให้บริการฟรี และยังไมสามารถทำรายได้นั้น ก็ไม่เป็นปัญหากับ Google แต่อย่างใด เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าเหล่าเครือข่ายโฆษณาของ Google ที่เป็นเครื่องจักรทำเงินของพวกเขา จะเข้ามาสู่ Youtube อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหยุด Google อยู่แล้วสำหรับความทะเยอทะยานครั้งใหม่นี้ สำหรับตอนหน้า จะเป็นตอนสุดท้ายของ Blog Series ชุดนี้แล้วนะครับ มาดูกันว่าบทสรุปของ Google จะเป็นอย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามนะครับผม
อ่านตอนที่ 14 : Googling your genes (ตอนจบ)
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
หนังสือ The Google Story by David A.Vise , Mark Malseed
หนังสือ เรื่องราวของกูเกิล
ผู้เขียน Dvid A.Vise , Mark Malseed
ผู้แปล วิภาดา กิตติโกวิท
1
หนังสือ คิดอย่างผู้นำ ทำอย่าง Google
ผู้เขียน Eric Schmidt (เอริก ชมิดท์),Jonatha Rosenberg (โจนาธาน โรเซนเบิร์ก),Alan Eagle (อแลน อีเกิล)
ผู้แปล ณงลักษณ์ จารุวัฒน์,นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี,อรวรรณ คูหเจริญ นาวายุทธ
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา