29 เม.ย. 2019 เวลา 00:27 • การศึกษา
"บางปู" จะหายไปจากแผนที่อีก 20 ปีข้างหน้า
อีก 20 ปีข้างหน้า สถานตากอากาศบางปูจะถูกลบไปจากแผนที่ของประเทศไทย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะปัญหาโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น เกิดปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่งจนพื้นที่ริมทะเลหายไป
ชาวบางปูรับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ไม่รู้จะสู้กับธรรมชาติได้อย่างไร เพราะไม่ใช่เฉพาะบางปูเท่านั้น แต่ตลอดแนวถนนสุขุมวิทสายเก่า หรือราว 1.3 กิโลเมตร จากแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยจะหายไปในระยะเวลา 20 ปี และอีก 50 ปี ข้างหน้า แนวชายฝั่งจะรุกเข้ามาอีก 2.3 กิโลเมตร และหากไม่มีมาตรการรับมือที่เป็นรูปธรรม อีก 100 ปี ข้างหน้า แนวชายฝั่งทะเลจะขยับเข้ามาอีก 6- 8 กิโลเมตร นั่นเท่ากับว่าผู้ที่พักอาศัยในย่านถนนบางนา-ตราด อาจได้เห็นทะเลที่หลังบ้านของตัวเอง
ชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อาจนิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว เพราะเหตุน้ำทะเลหนุนสูงจนท่วมหลายพื้นที่ของสมุทรปราการเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยืนยันผลการวิจัยที่ระบุว่าระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร ของชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงปากแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม คือพื้นที่ที่ถูกน้ำทะเลคุกคามมากที่สุดได้อย่างดี
แผ่นดินในแถบนี้ถูกกลืนหาย เฉลี่ย 20 เมตรต่อปี หนักที่สุดคือ ชายทะเลบางขุนเทียน และแหลมฟ้าผ่า พื้นที่หน้าด่านของกรุงเทพมหานคร ซึ่งแผ่นดินถูกกลืนหายไปแล้วหลายพันไร่
กรุงเทพมหานครยังมีปัญหาการทรุดตัวของแผ่นดินเฉลี่ยราว 1.3 เซนติเมตรต่อปี ทำให้หลายเขตของกรุงเทพมหานครเวลานี้ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง หากทะเลยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่อง ข้อกังวลที่ว่ากรุงเทพจะกลายเป็นมหานครจมน้ำก็อาจไม่ไกลเกินจริง
นางสมร แข่งสมุทร ชาวบ้านขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า บ้านที่เธออาศัยอยู่ในปัจจุบัน เป็นบ้านหลังที่ 8 ที่เธอและครอบครัวย้ายหนีจากปัญหาทะเลกลืนแผ่นดิน ซึ่งเธอหวังว่าบ้านหลังนี้จะเป็นหลังสุดท้าย
“ก่อนที่จะย้ายมาตรงนี้ บ้านเคยโดนพายุลินดา ปี 2540 แต่เป็นบ้าน 2 ชั้น จึงอาศัยอยู่ต่อได้ถึงปี 2542 ย้ายครั้งนี้จึงถอยจากชายฝั่งมาเกือบกิโลกว่า ไม่ปลูกใกล้ชายฝั่งแล้ว เพราะเจอมาแล้ว รู้แล้ว”
กว่า 60 ปีก่อน บ้านของเธออยู่ติดปากอ่าว ห่างจากบ้านหลังนี้ออกไปในทะเลอีก 5 กิโลเมตร แต่เพราะน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี จึงต้องย้ายบ้านหนีมาแล้วถึง 7 ครั้ง โดยบ้านหลังนี้ปลูกไว้เมื่อ 10 กว่าปีก่อน บนโคกสูงมากกว่า 2 เมตร แต่ปัจจุบันกลับถูกน้ำท่วม
วัดขุนสมุทราวาส คือสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ของชาวขุนสมุทรจีน ซึ่งชาวบ้านที่นี่พยายามรักษาแผ่นดินเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด มีการประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อทำเขื่อนกันคลื่น ซึ่งมีทั้งแนวไม้ไผ่ แนวหินทิ้ง และคอนกรีตจากเสาไฟเก่า แล้วปลูกป่าโกงกางไว้ด้านหลัง เพื่อทำหน้าที่ดักตะกอนเพื่อให้เกิดดินงอกใหม่
แม้เนื้อที่ซึ่งได้คืนจากท้องทะเลอยู่บ้าง หลังจากป่าโกงกางฟื้นตัว ทำให้นางสมรและชาวขุนสมุทรจีน มีความหวัง แต่นั่นก็ยังไม่มากพอ เพราะล่าสุดพื้นที่แทบทั้งหมดของบ้านขุนสมุทรจีน ไม่มีบริเวณใดที่ทะเลท่วมไม่ถึง
เราจะต้องรอกันอีกเมื่อไหร่ ที่จะช่วยกันในวันที่มีสิทธิ์เลือก หรือ รอ ในวันที่ไม่มีสิทธิ์เลือกที่เราต้องใช้ชีวิต อยู่ให้ได้เหมือนกับมลพิษทางอากาศ PM 2.5
โฆษณา