30 เม.ย. 2019 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
กำแพงเมืองจีน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตอนที่ 7
ความเกรียงไกรของมองโกล
2
เป็นเวลานับพันปีหลังจากสิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น ได้มีราชวงศ์หลายราชวงศ์ผลัดเปลี่ยนขึ้นมาปกครองแผ่นดิน
ภายหลังจากเวลาผ่านไป กำแพงก็เริ่มจะทรุดโทรม
เผ่าเร่ร่อนก็ยังคงบุกโจมตีจากทางเหนือเรื่อยๆ
แต่ถึงแม้กำแพงจะเก่าและทรุดโทรม ชาวจีนก็ไม่เคยกลัวเผ่าเร่ร่อน
จีนเป็นชาติที่ใหญ่และเข้มแข็ง เผ่าเร่ร่อนเป็นชนกลุ่มเล็กๆ และอยู่ห่างไกล อีกอย่าง ชนเผ่าเร่ร่อนต่างก็กระจัดกระจายเป็นเผ่าต่างๆ แถมยังรบกันเอง ทำให้จีนไม่รู้สึกกลัวเลย
แต่ในยุค ค.ศ.1200 (พ.ศ.1743-1842) ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ได้มีนักรบจากเผ่ามองโกลนายหนึ่งก้าวขึ้นมาเรืองอำนาจ
1
ชื่อของเขาคือ “เจงกิสข่าน (Genghis Khan)”
1
เจงกิสข่าน (Genghis Khan)
ตั้งแต่ยังหนุ่ม เจงกิสข่านได้รวบรวมผู้คน ตั้งกองทัพและรุกรานเผ่าต่างๆ เพื่อรวมทุกเผ่าให้เป็นหนึ่ง
ไม่นาน นักรบจากเผ่าต่างๆ ทหาร ต่างก็เข้าร่วมกับเจงกิสข่านมากขึ้นเรื่อยๆ
กองทัพมองโกลกลายเป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีทหารม้ากว่า 130,000 นาย
1
เมื่อจัดการรวบรวมเผ่าต่างๆ ได้สำเร็จแล้ว เจงกิสข่านก็ได้วางแผนที่จะบุกโลกกว้าง
1
กองทัพมองโกลได้ออกบุกเอเชียและยุโรป เมืองแต่ละเมืองล้วนตกอยู่ใต้การยึดครองของมองโกล สุดท้ายชาติแต่ละชาติก็ตกอยู่ในกำมือของมองโกล
1
ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี มองโกลก็สามารถยึดครองและเป็นเจ้าของอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
1
แต่สำหรับผู้นำมองโกลอย่างเจงกิสข่าน จีนคือชาติที่เขาต้องการมากที่สุด และยากที่สุดในการรุกราน
ค.ศ.1211 (พ.ศ.1754) เจงกิสข่านได้บุกโจมตีและยึดครองภาคเหนือของจีน
จากนั้นทัพของเจงกิสข่านก็ได้บุกลงใต้ แต่ก็ได้เกิดปัญหาขึ้น
ป่าของจีนนั้นหนาทึบ ทำให้การเดินม้านั้นลำบาก อีกทั้งเมืองของจีนนั้นก็ใหญ่โต มีกองทัพที่เข้มแข็ง และต่างก็ไม่ยอมจำนนแก่ทัพมองโกล
ค.ศ.1227 (พ.ศ.1770) เจงกิสข่านสิ้น ทิ้งความฝันที่จะยึดครองจีนเอาไว้
1
ผู้นำมองโกลคนต่อมาคือ “กุบไลข่าน (Kublai Khan)”
กุบไลข่านเป็นหลานของเจงกิสข่าน และมีความเหี้ยมหาญ ดุดัน รวมถึงความสามารถในการรบไม่แพ้เจงกิสข่าน
ค.ศ.1279 (พ.ศ.1822) ทัพของกุบไลข่านได้บุกเข้าไปยังเมืองหลวงของจีนและสังหารองค์จักรพรรดิจีน
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ผมจะเล่าต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา