1 พ.ค. 2019 เวลา 02:58 • การเมือง
==Xi Jinping - The Governance of China 2==
หนังสือซีรีย์นี้มี 2 เล่ม แต่เราซื้อมาแค่เล่ม 2 เพราะไปทำงานที่ปักกิ่งพอดีตอนมกรา ปี 2018 แล้วหนังสือเพิ่งออก วางทุกชั้น ทำโปสเตอร์เปิดตัวยิ่งใหญ่มาก (ร้านหนังสือที่ถนน Wangfujing จะเป็นตึกใหญ่ๆมีประมาณ 4-5 ชั้น) คือขายดีมาก มีอยู่ในตระกร้าช้อปปิ้งของทุกคน เราแบบ.. เฮ้ย หนังสืออะไรวะ ทำไมฮิตจัง ขอหยิบติดมือมาด้วยเล่มนึง
หนังสือซีรีย์นี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนกันยา ปี 2014 เป็นการรวบรวมปาฐกถา (speech) ของปธน.สี ตั้งแต่ช่วงสิ้นสุดการประชุมของพรรค CPC national Congress ครั้งที่ 18 จนถึงมิถุนา 2014 เพราะว่าหนังสือเล่มนี้เป็นที่สนใจของประชาชนชาวจีน และต่างชาติมาก จึงมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย ส่วนเล่ม 2 จะเป็น speech ของประธานสี 99 เรื่องตั้งแต่ช่วง สิงหา 2014-กันยา 2017
ออกตัวไว้ก่อนว่าเราไม่ใช่นักกฎหมายหรือรัฐศาสตร์ เล่มนี้เราเอามาอ่านเล่นๆ ดังนั้นถ้าเราใช้คำศัพท์ไม่ถูกต้อง โปรดให้อภัยเราด้วยค่ะ... เลือกเอาเฉพาะเรื่องเด็ดๆมาเล่าสัก 3-4 เรื่องละกัน
**The Chinese Dream is the People's Dream (พูดปี 2015 ที่สหรัฐฯ)**
ตั้งแต่การฟอร์มประเทศปี 1949 จนถึงการเปิดประเทศปี 1978 จีนผ่านการเปลี่ยนแปลงภายในเยอะมาก สมัยก่อนตอน ปธน.สีเป็นวัยรุ่นเค้าใช้ชีวิตในเมืองชนบท (หมู่บ้าน Liangjiahe, มณฑล Shaanxi) ที่ไม่มีอะไรเลย แต่ปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นแล้ว ในช่วงเวลา 40 กว่าปีที่จีนพัฒนาตัวเองให้มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ผลิตอาหาร เสื้อผ้าป้อนคนกว่า 1,300 ล้านคน แต่กระนั้นจีนยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มี GDP ต่อหัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก (อยู่ที่ 2/3 ของค่าเฉลี่ย) และอยู่เพียง 1/7 ของค่าเฉลี่ยในสหรัฐ มีประชากรจีน 200 ล้านคนที่ยังคงยากจนอยู่ (ตามมาตรฐานของ World bank..,แต่ถ้าเป็นตามมาตรฐานของจีนจะมี 70 ล้านคน) ดังนั้นเป้าหมายคือภายในปี 2020 จีนจะต้องมี GDP ต่อหัวเพิ่มเป็น 2 เท่าของค่า GDP ในปี 2010 ให้ได้
**Today we must succeed in a New "Long March" (2016)**
หมายถึงการถอยทัพครั้งใหญ่หลายครั้งของกองทัพแดงแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระหว่างปี ค.ศ. 1934 ถึง 1936 โดยการนำของเหมา เจ๋อตุง และโจว เอินไหล ที่กำลังต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลจีนในขณะนั้น ซึ่งนำโดยเจียง ไคเช็ก ในขณะนั้นกองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีขนาดเล็กกว่า และกำลังเพลี่ยงพล้ำต่อกองทัพรัฐบาล จึงนำกำลังทหาร พร้อมด้วยประชาชนจำนวนหนึ่งเดินเท้าถอยร่นจากทางใต้ หนีขึ้นไปทางเหนือของประเทศจีน การเดินทัพครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1934 โดยเริ่มต้นจากมณฑลเจียงซีไปทางทิศตะวันตก และย้อนขึ้นไปทางทิศเหนือ เป็นระยะทางประมาณ 25,000 ลี้ หรือ 12,500 กิโลเมตร (8,000 ไมล์) ผ่านดินแดนทุรกันดารทางตะวันตกของประเทศจีน ใช้ระยะเวลากว่า 370 วัน ไปยังมณฑลส่านซี โดยมีผู้รอดชีวิตไปถึงจุดหมายเพียงหนึ่งในห้า (credit: wikipedia)
ปธน. สี เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงภายในจีนที่พวกเค้าพยายามที่จะทำกันอยู่นี้เหมือนกับ a New Long March ที่ทุกคนต้องเสียสละ เอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ใครที่ขาด spirit ไม่สามารถจะยืนอยู่ได้นาน เหมือนกับชาติที่ขาด spirit จะไม่สามารถเข้มแข็งอยู่ได้
**How to Resolve Major Difficulties in Realizing the First Centenary Goal (2015)**
การที่จะพัฒนาเศรษฐกิจจีนจะต้องใส่ความพยายามเพิ่มเข้าไปอีก 2 เท่า ทำให้มันมีทั้งคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อที่จะก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในแผนพัฒนาชาติ 5 ปี (2016-2020) ฉบับที่ 13 ได้ให้แนวทางสำหรับการ transform โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าเราไม่มองยาวๆ แล้วพยายามแก้ปัญหาระยะสั้นที่มีต่อหน้า เราอาจจะพลาดโอกาสทองในการพัฒนาชาติแบบยั่งยืนในระยะยาวได้
ในอดีตความสามารถในการผลิตของจีนมีจำกัด และเราไปมุ่งเน้นที่การขยายการลงทุน แต่ทุกวันนี้ความสามารถในการผลิตของจีนมันล้น ซึ่งถ้าจีนยังคงยึดแนวทางเดิมๆที่จะขยายกำลังการผลิตออกไปอีก..จีนจะประสบปัญหา และความสามารถที่จะ enjoy marginal utility ลดลง (ตามหลักเศรษฐศาสตร์ กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์เพิ่ม (Law of Dinimishing Marginal Utility) กล่าวว่าเมื่อผู้บริโภคได้รับสินค้าหรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่งมาบริโภคเพื่อบำบัดความต้องการเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆแล้ว อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายหรืออรรถประโยชน์เพิ่มที่ได้จากสินค้าหรือบริการนั้นๆ จะลดลง จนในที่สุดเมื่อได้รับสินค้าหรือบริการนั้นมากเกินระดับหนึ่งแล้ว อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย หรืออรรถประโยชน์เพิ่มของสินค้าหรือบริการนั้นอาจจะเท่ากับศูนย์หรือติดลบได้ credit: Tanachort blogspot)
จีนจะต้อง implement 3 initiatives ที่เป็นยุทธศาสตร์หลักนั่นคือ Belt and Road initiative, การพัฒนาแบบประสานกันของพื้นที่ Beijing, Tianjin และ Hebei และแถบเส้นทางแม่น้ำ Yangtze เพราะทั้ง 3 initiatives นี้จะพัฒนาพื้นที่ใหม่ขึ้นมา ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จีนพยายามพัฒนา cluster ของเขต Beijing-Tianjin-Hebei, สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ Yangtze และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ Pearl (อันนี้แถวบ้านตาเราคือ กวางโจว เซินเจิ้น ฮ่องกง อะไรเทือกนั้น) ซึ่งทั้ง 3 พื้นทีนี้ได้กลายมาเป็นแหล่งที่ขับเคลื่อนการพัฒนาของชาติจีนที่สำคัญ
**A Deeper Understanding of the New Development Concepts (2016)**
จีนจะต้องใช้กลยุทธ์ที่ใช้ innovation (นวัตกรรม) เป็นตัวผลักดันการพัฒนา เพราะนวัตกรรมจะทำให้การพัฒนาเกิดความรวดเร็ว, มีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืน โดยเฉพาะปนะเทศจีนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ถ้าไม่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเราจะเจอปัญหาความยั่งยืนในอนาคต จีนพยายามกระตุ้นศักยภาพและทรัพยากรที่จะทำให้มีนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ จีนสมัยเก่ามีชื่อเสียงทางด้านดาราศาสตร์, ปฎิทิน, คณิตศาสตร์, เกษตรกรรม และ ยาจีนเป็นต้น ในบันทึกประวัติศาสตร์ก่อนศตวรรตที่ 16 จีนครอบครอง 173 รายการนวัตกรรมที่สำคัญของโลก จากทั้งหมด 300 รายการ จีนนำหน้าแม้กระทั่งประเทศในทวีปยุโรป แต่จีนกลับมาล้าหลังอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 18-19 เพราะจีนพลาดโอกาสทองในการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และยุคของการปฎิวัตอุตสาหกรรม
แต่ว่าในวันนี้ รอบของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และยุคของการปฎิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว...ซึ่งจีนจะต้องกลับมาผงาดเป็นผู้นำอีกครั้งนึงให้ได้..
ก้อประมาณนี้ละกันค่ะ
โฆษณา