3 พ.ค. 2019 เวลา 10:11 • ความคิดเห็น
ครั้งหนึ่งเคยอยากเป็นหมอดู
สมัยเป็นวัยรุ่นผู้เขียนชอบไปดูหมอมาก เพราะมันรู้สึกตื่นเต้น ท้าทายที่จะได้รู้อนาคต รู้สึกทึ่งที่ใครคนหนึ่งมีความสามารถบอกได้ถึงอดิต ปัจจุบัน แถมรู้อีกด้วยว่าเราคิดอะไรอยู่ 😄
ส่วนมากผู้เขียนจะไปดูไพ่ยิปซี ส่วนดูลายมือหรือวันเดือนปีเกิดก็มีบ้างบางครั้ง มีถูกบ้างผิดบ้าง เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ที่ไหนในย่านนั้นเขาว่าแม่น เขาว่าทักเหมือนตาเห็น ผู้เขียนก็ไปนะ แต่ถ้าแพงๆจะไม่ไปเพราะมันเกินงบประมาณ
จนวันหนึ่งมีความรู้สึก อยากเป็นหมอดูซะเอง อยากเป็นคนนั้นที่ล่วงรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ ไม่ใช่ผู้วิเศษแต่สามารถกว่าคนธรรมดา
ผู้เขียนเลือกเรียนการอ่านไพ่ยิปซี เลือกเรียนตามความชอบส่วนตัว ลงเรียนไปสองคอร์ส กับสองอาจารย์ ราคาไม่ถูกนะขอบอก
ผู้เขียนสนุกกับการเรียนรู้มาก ทั้งการจำความหมายไพ่ ตำแหน่งการวางไพ่การโยงเรื่องราวและการตีความต่างๆ สอบผ่านทุกบททดสอบ
แต่...ผู้เขียนตัดสินใจไม่นำไปใช้จริง ไม่ต้องการเอาศิลปะแขนงนี้ไปใช้ทำนายทายทักชตาชีวิตผู้อื่นในโลกแห่งความเป็นจริง
ขอย้ำ! อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนไม่มีเจตนาลบหลู่หรือทำลายความเชื่อของผู้ใด
จากการเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกและฝึกหัดการอ่านไพ่ยิปซีมาและตัดสินใจไม่นำมาใช้จริงมีเหตุผลดังนี้
ผู้เขียนมองว่าศาสตร์แขนงนี้เป็นดาบสองคม ผู้คนที่ไปหาหมอดูมักจะเป็นคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื่อกับตัว มีความทุกข์ใจต้องการคำปรึกษาคำแนะนำและกำลังใจ ผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นหมอก็ต้องมีความรู้ ความพร้อมความแขงแกร่งทางด้านจิตใจอย่างมาก ผู้เขียนหมายถึง ต้องมีความเป็นกลางอย่างสูง มีคุณธรรมเหนือคนธรรมดา คือคนที่สามารถละกิเลสไปได้ในระดับหนึ่งเลย และที่สำคัญต้องมีศิลปะ และจิตวิทยาในการพูดสูงมากด้วย
ศาสตร์แขนงนี้ใครๆก็เรียนรู้ได้แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะนำไปใช้ได้ ผู้เขียนเองยังเป็นปุถุชน มีความโน้มเอียงทางอารมณ์ตามสิ่งเร้า และเห็นแล้วว่าถ้านำไปใช้ไม่ถูกต้องมันเป็นอันตรายต่อคนที่มาดูหมออย่างมาก ถ้าคนนั้นมีจิตตกและอ่อนแอ
เอาเป็นว่า ใครที่ชอบไปดูหมอก็ให้เผื่อใจไว้บ้างไม่ใช่จะเชื่อไปทั้งหมด เราไม่มีทางรู้เลยว่าพื้นฐานจิตใจของหมอดูนั้นๆดีแค่ไหน เจตนาที่แท้จริงที่มาเป็นหมอคืออะไร เพียงแค่ต้องการความยกย่องสรรค์เสริญ ชื่อเสียงเงินทองจากความเชื่อของผู้คน หรือว่าต้องการช่วยเหลือคนที่ทุกข์ร้อนใจ ต้องการที่พึ่งและกำลังใจ กันแน่ หลายคนอาจ
มองว่าเป็นเรื่องงมงายแต่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นศาสตร์และศิลปะในการช่วยชี้นำชีวิตผู้คนมากกว่า
จะยังไงก็แล้วแต่ ผู้เขียนก็ยังเชื่อเสมอว่าชีวิตเราเราเลือกได้ และผู้เขียนก็ได้เลือกที่จะไม่เป็นหมอดู เพราะไม่เหมาะกับผู้เขียนเลยจริงๆ😊
และจากการลงเรียนคอร์สนี้ผู้เขียนได้เรียนรู้ว่า เราสามารถเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้ ชี้นำตัวเองได้ ฝึกฝนให้ตัวเองมีจิตใจเข้มแข็งเองได้ ไม่ต้องเสียตังค์พึ่งหมอดู
สาระ ลองเรียนรู้ไปเถิด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงมันมีด้านบวกเสมอแหละ 😊
#KIDDEEDEE
โฆษณา