Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
3kokstartup
•
ติดตาม
3 พ.ค. 2019 เวลา 11:23 • ธุรกิจ
กลยุทธ์ ซุนจื่อ ฉบับ ใช้งานจริง (Strategy in Action)
พิชัยสงครามการรบ พิชิตสงครามการค้า
ตอนที่ 1/13 การประเมินสถานะการณ์
3kokstartup
แอดเป็นคนนึงนะครับที่เคยอ่านกลยุทธ์ซุนจื่อแล้วไม่เข้าใจ
แอดพบกับหนังสือซุนจื่อครั้งแรกเมื่อซักสิบกว่าปีที่แล้ว เป็นของสำนักพิมพ์ AR ปกแข็งๆสวยๆ ตอนนั้นยังเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่ อ่านไปแล้วก็งงไปว่าคืออะไรไม่เข้าใจซักนิดเดียว
ต่อมาแอดได้ศึกษาต่อด้านธุรกิจระดับปริญาญาโท ในวิชากลยุทธ์ธุรกิจ ก็คิดว่าจะต้องเจอเนื้อหาที่คล้ายๆซุนจื่อ แอดก็กลับไปอ่านซุนจื่อเตรียมไว้อีกรอบ แต่พอได้เรียนวิชากลยุทธ์ก็พบว่า วิชากลยุทธ์ที่ศึกษากันในคลาสเรียนกลยุทธ์ธุรกิจไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับซุนจื่อเลยซักนิดเดียว (แล้วจะอ่านทำไมเนี่ย = =‘)
จนเมื่อได้มีประสบการณ์ทำงานทั้งในด้านธุรกิจส่วนตัว และงานด้านการเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท ทำให้มีประสบการณ์ด้านการค้าๆขายๆ ทั้ง B2B และ B2C แอดก็เริ่มเข้าใจกลยุทธ์ของซุนจื่อมากขึ้น จนเมื่อกลับมาศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งจึงพบว่ากลยุท์ซุนจื่อนั้น แทบไม่ต่างจากกลยุทธ์ธุรกิจที่ใช้ๆกันอยู่ในปัจจุบัน ทั้งยังมีความล้ำลึกมากกว่าในหลายๆแง่มุม กลยุทธ์ซุนจื่อ เป็นทั้งการหลักการวิเคราะห์การประเมินสถานะการณ์และแนวทางในการดำเนินกลยุทธ์อย่างละเอียด และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงในการทำธุรกิจในปัจจุบัน
เมื่อก่อนแอดมองกลยุทธ์ซุนจื่อเป็นเพียงตำราพิชัยสงครามสมัยโบราณ สอนเรื่องการทำสงคราม ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับการทำธุรกิจ จึงไม่เข้าใจซุนจื่อ จนเมื่อมีความรู้มากขึ้นมีประสบการณ์มากขึ้น จึงมองซุนจื่อเป็นมากกว่าตำราพิชัยสงครามสมัยโบราณ
เพราะคนเราไม่เคยเปลี่ยนครับ สมัยโบราณคนเรารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เป็นองค์กร หยิบดาบขึ้นมาต่อสู้กัน กับองค์กรอื่น เพื่อแย่งชิงพื้นที่ แย่งชิงประชาชนในปกครอง เพื่อสร้างประโยชน์สร้างความปลอดภัยให้คนในปกครอง(รัฐสวัสดิการณ์)แลกกับเงินภาษี ส่วนในปัจจุบัน คนเรารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เป็นองค์กร ผลิตสินค้าหรือบริการ ขึ้นมาทำการค้าขายแข่งขันกับองค์กรอื่น เพื่อแย่งชิงพื้นที่การตลาด เพื่อแย่งชิงผู้บริโภค เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภค แลกกับผลกำไร
แหม่ มันช่างมีความคล้ายกันจริงๆนะครับ แอดจะสรุปให้ว่า เพราะคนเรานั้นไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ สิ่งที่เปลี่ยนเป็นเพียงรูปแบบในการแข่งขันครับ ดังนั้นแล้วตำราพิชัยสงครามของซุนวูหรือซุนจื่อจึงไม่เคยตกยุคสมัย เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนมุมมอง วิธีตีความวิธีการใช้ใหม่เท่านั้น เราก็จะได้ประโยชน์อย่างมากจากตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อครับ ซึ่งผมจะอธิบายศาสตร์กลยุทธ์ของซุนวูทั้ง 13 บท แบบบทต่อบทอย่างละเอียดเลยนะครับ เชิญติดตามครับ
บทที่ 1 การประเมินสถานการณ์
ซุนวูกล่าวไว้ว่าการศิลปะแห่งสงครามเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
เป็นเรื่องแห่งความเป็นความตาย
เป็นหนทางไปสู่ความมั่นคั่งหรือล่มสลายจึงมิอาจละเลยเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้หากอยากประเมินสถานการณ์ให้ถ่องแท้พึงพิจารณาปัจจัย 5 ประการอยู่เป็นนิตย์ได้แก่
1 คุณธรรม
2 ดินฟ้าอากาศ
3 พื้นที่
4 ผู้บังคับบัญชา
5 กฎระเบียบ
อันคุณธรรมนั้นเป็นสิ่งที่พาให้ราษฎรร่วมเป็นร่วมตายมิหวั่นภยันอันตรายใดๆ
อันดินฟ้าอากาศนั้นคือกลางวันกลางคืนความหนาวความร้อนความแปรผันของกาลเวลาและฤดูกาล
อันพื้นที่นั้นคือระยะทางที่ใกล้ไกลความอันตรายและความปลอดภัยอีกทั้งเป็นพื้นที่กว้างและทางเดินคับแคบซึ่งมีผลต่อความเป็นความตาย
อันผู้บังคับบัญชานั้นเป็นเครื่องหมายของสติปัญญาความเป็นธรรมความเมตตาความกล้าหาญและเคร่งครัด
ส่วนกฎระเบียบคือการจัดสรรทั้งกำลังรบขั้นตำแหน่งของทหารตลอดจนค่าใช้จ่ายของกองทัพ
แม่ทัพทุกคนพึงรู้จักปัจจัยเหล่านี้ให้ถ่องแท้เพราะเมื่อรู้ย่อมหมายถึงชัยชนะ
ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องเปรียบเทียบภาวะต่างๆไว้นั่นคือกษัตริย์ฝ่ายไหนมีคุณธรรม
แม่ทัพฝ่ายใดสามารถกว่ากัน
ดินฟ้าอากาศเพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายใด
ฝ่ายไหนยึดถือกฎระเบียบได้เข้มงวดกว่า
ทัพฝ่ายใดที่แข็งแกร่งทหารฝ่ายไหนได้รับการฝึกปรือมากกว่า
และฝ่ายใดปูนบำเหน็จหรือโดนลงทัณฑ์อย่างเป็นธรรมมากกว่า
เมื่อพิจารณาปัจจัย 7 ด้านนี้แล้วจึงจะพอคะเนว่าจะได้ชัยหรือแพ้พ่าย
ยุทธศาสตร์คือวิชาอาศัยเล่ห์เหลี่ยม
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีความสามารถพึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไร้ความสามารถ
ครั้นตกลงจะเข้าโรมรันจงแสดงประหนึ่งว่าเราไม่มีประสงค์เช่นนั้น
สิ่งใดใกล้ก็แสดงให้เห็นว่าไกลสิ่งใดไกลก็แสดงให้เห็นว่าใกล้
คอยล่อใจศัตรูด้วยผลประโยชน์
เมื่อเห็นศัตรูแตกแยกระส่ำระสายค่อยพึงเข้าโจมตี
จงเตรียมพร้อมเมื่อข้าศึกมีกำลังสมบูรณ์
หลีกเลี่ยงเมื่อข้าศึกเข้มแข็ง
เมื่อศัตรูพักผ่อนเพื่อออมกำลังยุยงให้ปรปักษ์แตกแยกความสามัคคี
พึ่งหักเอาชนะในขณะที่ข้าศึกไม่ได้เตรียมพร้อม
เข้าจู่โจมยามที่เขาไม่ได้คาดฝัน
อันว่าแผนการรบในพระเทพบิดรมหาปราสาท (สภาการรบในสมัยโบราณ) ได้บ่งชี้ว่าหากได้ทบทวนแผนการอย่างรอบคอบดีแล้วชัยชนะย่อมได้มาตั้งแต่ยังไม่ได้รบกัน
แต่หากไม่วางแผนการรบให้รอบคอบรางแพ้จะปรากฏให้เห็นตั้งแต่ต้น
ตีความ บทที่ 1 by 3kokstartup
บทแรกของซุนจื่อนั้น เป็นเรื่องของการประเมินสถานะการณ์ การประเมินสถานะการณ์ของซุนจื่อนั้น มองลึกและละเอียดกว่าหลักการประเมินของธุรกิจสมัยใหม่ซะอีกครับ สิ่งที่ซุนจื่อให้ความสำคัญและทำการประเมินประกอบไปด้วย
1 คุณธรรม หรือความถูกต้องในสมัยโบราณ การจะเคลื่อนทัพต้องยึดถือความถูกต้อง ฝ่ายใดมีเหตุผลมีความชอบธรรมมากกว่าประชาชนก็จะสนับสนุนมากกว่า ทัพที่ประชาชนให้การสนับสนุนจึงมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ในปัจจุบัน คุณธรรมนั้นเปรียบได้กับค่านิยมครับ สิ่งที่เป็นที่นิยม ประชาชนนิยม ประชาชนต้องการ ประชาชนให้คุณค่าไว้สูง ย่อมมีโอกาสสำเร็จมากกว่าครับ เช่นในสังคมบ้านเรา สีเหลืองเป็นสีที่แสดงถึงความจงรักต่อสถาบัน ต่อพ่อหลวง ก็ทำให้คุณค่าของเสื้อผ้าสีเหลืองเป็นที่ต้องการ ยิ่งในช่วงเทศกาลก็จะยิ่งขายดีกว่าเสื้อผ้าสีอื่น หรือการมีตราสินค้าอย่างตราฮาลาน ก็จะทำให้สินค้าขายดีในกลุ่มผู้บริโภคที่ยึดถือในตราสินค้าที่ตั้งค่านิยมไว้ มากกว่าสินค้าชนิดเดียวกันแต่ไม่มีตราฮาลาน จะเห็นได้ว่า สิ่งใดที่ผู้บริโภคชื่นชอบ ตั้งค่านิยมไว้ สิ่งนั้นก็จะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้บริโภคครับ
2 ดินฟ้าอากาศ ผมจะขอแบ่งออกเป็น ดิน กับ ฟ้านะครับ
2.1 ฟ้า ในตำราโบราณของจีน ฟ้าจะหมายถึง ปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ ดังคำว่าฟ้าลิขิต ก็จะหมายถึง เช่นสภาพอากาศ เหตุการณ์ต่างๆที่เราไม่สามารถควบคุมได้ครับ
2.1 ดิน ในตำราโบราณของจีน ดินจะหมายถึง ปัจจัยภายในที่เราควบคุมได้ ดังชัยภูมิดิน ก็คือพื้นที่ของเรา ตัวเรา
ดังนั้น เมื่อรวมการประเมินฟ้าและดิน สิ่งนี้คือหลักการประเมินที่แพร่หลายในยุคปัจจุบัน ในทุกๆองค์กรต้องทำกัน
สิ่งนี้คือ SWOT Analysis ครับ หรือก็คือการวิเคราะห์ จุดแข็งจุดอ่อน ของเรา ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกครับ
3 พื้นที่ ในสมัยก่อนจะรบกันต้องศึกษาพื้นที่ให้ดีก่อนนะครับว่าพื้นที่ๆเราจะไปรบเป็นเช่นไร การรู้สภาพพื้นที่เป็นอย่างดี การชำนาญพื้นที่มากกว่าย่อมใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ดีกว่าครับ ในปัจจุบันนั้น พื้นที่ เปรียบได้กับ สภาพของตลาดครับ การรู้สภาพตลาดดีกว่า มีความขำนาญกว่า ย่อมได้เปรียบเหมือนเรารู้สภาพพื้นที่ดีกว่าครับ ดังนั้นการบุกตลาดใหม่ จึงยากกว่าการรักษาตลาดเดิมที่เราเชี่ยวชาญครับ
4 ผู้บังคับบัญชา หรือก็คือขุนพลในสมัยก่อน เป็นผู้บัญชาการรบวางแผนการสั่งการการรบ ในปัจจุบันก็คือผู้นำครับ สำหรับองค์กรปัจจุบันก็จะเปรียบได้กับ GM เจเนรอลเมเนเจอร์ ขุนพลผู้จัดการก็จะใหญ่สุดนะครับ รองลงมาก็อาจจะแยกมาตามแผนก ส่วนที่ตรงกับการรบมากที่สุดก็จะเป็น ผู้จัดการฝ่ายขาย กับผู้จัดการฝ่ายการตลาดครับ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็จะเปรียบเสมือนกุนซือที่คอยวางแผนการกำหนดการ ส่วนผู้จัดการฝ่ายขายก็จะเหมือนแม่ทัพ ที่ออกไปรบ ออกไปขาย แข่งขันแย่งชิงพื้นที่การตลาด แย่งชิงผู้บริโภค กับองค์กรอื่นครับ
5 กฏระเบียบ สิ่งนี้ไม่ใช่กฏหมายนะครับ แต่สิ่งนี้คือกฏระเบียบขององค์กร หรือก็คือ Organization Behavior หรือ พฤติกรรมองค์กร องค์กรที่มีกฏระเบียบที่เอื้อต่อการแข่งขันมากกว่าย่อมสามารถแข่งขันได้ดีกว่านะครับ ในยุคโบราณ สมัยชุนชิว สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้สามารถรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งได้ สิ่งนั้นคือการจ่ายคอมมิชชั่นนะครับ องค์กรของจิ๋นซีฮ่องเต้ ยึดหลักการว่า ขุนนางต้องเติบโตจากท้องที่ ขุนพลต้องเติบโตจากพลทหาร หมายความว่าจะมีไม่เด็กเส้น การจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงต้องผ่านประสบการณ์จากตำแหน่งเล็กๆมาก่อน และมีการจ่ายบำเหน็จรางวัลเลื่อนศให้กับผู้มีผลงานอย่างยุติธรรม ทำให้สร้างขวัญและกำลังใจ สร้างแรงจูงใจให้กับเหล่าทหารของทัพฉินจนสามารถรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งได้ ในปัจจุบันสำหรับฝ่ายขายนั้นต้องมีแรงจูงใจให้พิเศษเพราะเค้าเป็นทัพหน้าเป็นฝ่ายหาเงินเข้าองค์กร บริษัทใดที่มีการจ่ายคอมมิชชั่น เป็นระบบที่ยุติธรรม ก็จะสามารถแข่งขันได้ดีกว่า คนเก่งๆย่อมย้ายจากองค์กรที่ไม่เป็นธรรมไปทำงานให้กับองค์กรที่ให้ความเป็นธรรมกว่าเสมอครับ
อีกสองปัจจัยที่ซุนจื่อเพิ่มเข้ามาเป็น 7 ประการนะครับ
6 กษัตริย์ฝ่ายไหนมีคุณธรรม คือการประเมินผู้บริหารของแต่ละองค์กรว่า ฝ่ายไหนมีผู้บริหารที่เป็นธรรมกว่ากัน ทั้งความเป็นธรรมแก่เหล่าพนักงาน และความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค องค์กรไหนที่ทีผู้บริหารที่คิดแต่จะเอาเปรียบเหล่าพนักงานกับเหล่าผู้บริโภค องค์กรนั้นย่อมต้องพ่ายแพ้ในที่สุด
7 กองทัพเหล่าทหารฝ่ายไหนมีความสามารถมากกว่ากัน คือการประเมิน ว่าองค์กรไหนมีเหล่าพนักงาน ทีมงาน ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ ความสามารถมากกว่า องค์กรที่อุดมไปด้วยคนเก่งย่อมได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่า
นี่คือหลักการในการประเมินสถานะการณ์ของซุนจื่อ เป็นปัจจัยที่ควรนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างองค์กรของเราหรือคู่แข่งของเราครับ
1คุณธรรม(ค่านิยมของผู้บริโภค)(Value)
2ดินฟ้า(ปัจจัยภายในภายนอก)(SWOT)
3พื้นที่(สภาพตลาด)(Position)
4ผู้บังคับบัญชา(ผู้นำ)(Leader)
5กฏระเบียบ(พฤติกรรมองค์กร)(Organization Behavior)
6คุณธรรมของกษัตริย์(คุณธรรมของผู้บริหาร)(Vision)
7ความสามารถของกองทัพ(ความสามารถของทีมงาน)(TeamWork)
เมื่อประเมินสถานะการณ์แล้วช่วงท้ายซุนจื่อยังบอกถึงแนวทางในการดำเนินงานหลอกล่อฝ่ายตรงข้าม ต้องมีเล่เหลี่ยมชั้นเชิง อย่าให้คู่แข่งของเรารู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรา
1 เมื่อเราสามารถให้ทำเสมือนว่าไร้สามารถ
2 เมื่อจะเข้าโรมรันทำเสมือนว่าไม่สนใจ
3 สิ่งใดใกล้ก็แสดงให้เห็นว่าไกล
4 คอยล่อใจศัตรูด้วยผลประโยชน์
5 เมื่อเห็นศัตรูแตกแยกระส่ำระส่ายค่อยเข้าโจมตี
6 เตรียมพร้อมเมื่อข้าศึกมีกำลังสมบูรณ์
7 หลีกเลี่ยงเมื่อข้าศึกเข้มแข็ง
8 เมื่อศัตรูออมกำลัง คอยยุยงให้แตกแยกความสามัคคี
9 พึงหักเอาชนะเมื่อข้าศึกไม่ได้เตรียมพร้อม
10 เข้าจู่โจมยามข้าศึกไม่คาดฝัน
สิ่งเหล่านี้เป็นแทคติก ในการแข่งขัน เป็นสิ่งที่กลยุทธ์สมัยใหม่ไม่ได้สอน แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตาย เป็นการหลอกล่อการใช้เล่ห์กล เพื่อไม่ให้คู่แข่งรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง ซึ้งจำเป็นมากในการคิดจะเอาชัยชนะฝ่ายตรงข้าม
และอีกประโยคที่สำคัญที่สุดของบทนี้คือ
“อันว่าแผนการรบหากได้ทบทวนแผนการอย่างรอบคอบดีแล้วชัยชนะย่อมได้มาตั้งแต่ยังไม่ได้รบกันแต่หากไม่วางแผนการรบให้รอบคอบรางแพ้จะปรากฏให้เห็นตั้งแต่ต้น”
ประโยคนี้หมายความว่า “ถ้าเราประเมินสถานะการณ์อย่างดีแล้ว ผลแพ้ชนะย่อมสามารถคาดการณ์ได้” หลักการนี้เป็นหลักการที่ยกระดับหลักกลยุทธ์ของซุนจื่อให้เหนือกว่าหลักกลยุทธ์ทั่วไป เป็นหลักการประเมินเพื่อวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์เพื่อเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งเที่ยบได้กับหลักกลยุทธ์สมัยใหม่อย่าง ทฤษฏีเกมร์ หรือ Game therory ผลงานความคิดที่ได้รางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์ ของศาสตร์จารย์ John Nash ซึ่งรายละเอียดของหลักการนี้ ซุนจื่อจะอธิบายให้เราเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นในบทต่อๆไปครับ
ชีวิตคนเรานะครับ ถ้าปล่อยชีวิตไปตามชะตาฟ้า โดยไม่มีเป้าหมาย ไม่มีหลักการ ไม่มีกลยุทธ์ ก็จะกลายเป็นเพียงหมากบนกระดานของผู้อื่น ถูกทุนใหญ่ชักนำพาไปมาไม่มีวันเป็นตัวของตัวเอง แต่ถ้าไม่อยากเป็นหมากบนกระดานของผู้อื่นแล้วเราต้องเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนครับ เราเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายนอกไม่ได้แต่เราเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายในได้ครับ ต้องเริ่มที่จะสะสมทุน ทั้งทุนทรัพย์และทุนความรู้ หัดมองหมากบนกระดานให้ออก แล้วกำหนดชะตาชีวิตตัวเองด้วยการมีเป้าหมาย มีแผนการ และมีกลยุทธ์ครับ เมื่อนั้นแล้วเราจึงจะเป็นตัวของตัวเองไม่เป็นหมากบนกระดานของใครอีก ซึ่งถ้าใครทำได้แล้วก็จะเข้าใจว่า การปล่อยชีวิตตามชะตาฟ้ามันก็ดี แต่การกำหนดชีวิตได้ด้วยตัวเราเองมันดีกว่าเยอะครับ
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านครับ
3kokstartup
ส่วนฝากโฆษณาครับ
รับปรึกษาแนะนำ วิธีการบูชา ปี่เซียะนำโชค เสริมดวง เสริมการงาน เรียกทรัพย์เก็บเงิน ปรับฮวงจุ้ย แก้ชง ตามแบบฉบับฮ่องกง
1 ดูวิธีเลือกหินธรรมชาติให้เหมาะกับวัน
https://www.blockdit.com/articles/5c9ac715643fd709d87a9ead
2 ดูรายละเอียดวิธีการบูชาปี่เซียะ
https://www.blockdit.com/articles/5c3ae4ce1b0405123ec24986
3 ดูรายละเอียดการทำพิธีเสริมพลังปี่เซียะของทางร้าน
https://www.blockdit.com/articles/5c4bb2219c407435bca6fc0d
4 ดูรายละเอียดวัดแชกงหมิว+วิธีบูชากังหัน
https://www.blockdit.com/articles/5c7716fc3e45e0203e41a1e0
ท่านใดสนใจติดต่อสอบถามกับทางร้านได้นะครับทาง
Fb : 3kokstartup
Line : @jew_shop
เลือกดูแบบเพิ่มเติมได้ที่
IG : jew_shop (jew_318i)(เลือกดูแบบก่อนได้ครับ😊😊)
13 บันทึก
17
4
18
13
17
4
18
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย