4 พ.ค. 2019 เวลา 08:17 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วิธีการเลือกซื้อPower Supply (PSU) ยังไงให้คุ้มค่าคุ้มราคา
ถ้าพูดถึงเรื่องการประกอบคอมพิวเตอร์ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือPSU นั่นเอง และเป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามมากที่สุด แต่ก็ทำให้คอมพิวเตอร์พังมามากที่สุดแล้วเหมือนกัน เพราะการเลือกซื้อPSUถูกๆที่ไม่มีการรับรอง จะระเบิดตอนไหนก็ไม่รู้ จะจ่ายไฟเกิน จะจ่ายไฟขาดตอนไหนก็ไม่รู้ ถ้าหากไม่อยากคอมพังก่อนเวลาอันควร ทางเพจABOUTCOMก็อยากให้เพื่อนๆอ่านบทความนี้ครับ
ดูค่าwatt ที่เขียนบอกไว้ข้างกล่องPSU
หากเพื่อนๆประกอบคอมพิวเตอร์เอาไว้ทำงานเครื่องๆนึง 500 watt ก็เพียงพอแล้วครับ หรือจะซื้อเผื่อไว้ก็ได้ เผื่อไว้สำหรับการอัพเกรดคอมพิวเตอร์ในอนาคต ขอแนะนำซื้อไว้เผื่อจะดีที่สุดครับ ถ้าซื้อมาแบบพอดีเพราะมีโอกาสที่อุปกรณ์ในเครื่องของเราจะใช้พลังงานเกินกว่าปกติอย่างน้อย 5% ทำให้PSUนั้นไม่สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอ ส่งผลทำให้คอมพิวเตอร์ดับไปเลยก็ได้ครับ การเลือกซื้อPSUที่ดีนั้น ควรเลือกซื้อให้สูงกว่าที่คอมพิวเตอร์ของเรากินไฟประมาณ2เท่าครับ เช่น คอมพิวเตอร์ของเรากินไฟ 300watt ควรที่จะเลือกซื้อ PSU 600 watt นั่นเองครับ
ดูฉลากการรับรอง
เพื่อนๆคงเคยงงกันแน่ว่า ทำไมPSU watt เท่ากัน แต่ทำไมราคาต่างกัน เป็นเพราะว่า PSU นั้นมีการรับรองมาครับ โดยการรับรองนั้นจะมาในรูปแบบฉลาก 80+ ซึ่งเป็นการรับรองว่า สามารถทำงานได้เกิน 80% จริงๆ
ต้องเข้าใจกันก่อนว่า PSU ก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งซึ่งเป็นหม้อแปลงที่คอยทำหน้าที่แปลงไฟจากกระแส AC (input) เป็น DC (output)
จึงต้องมีการสูญเสียพลังงานออกมาในรูปแบบความร้อนนั่นเองครับ เช่น
ประสิทธิภาพจะได้ 100/125 = 0.8 นำ 0.8ที่ได้มาx100 เข้าไปจะได้ 80%
ซึ่งสูญเสียพลังงานออกไปเป็นความร้อนเพียงแค่20%เท่านั้น
80+มีอะไรบ้าง?
ฉลาก 80 PLUS ต่างๆ
80 PLUS WHITE
80 Plus WHITE ก็คือ PSU ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่โหลดตลอดทั้งสามช่วงคือ 20%, 50%, 100% Load ได้ 0.8 (80% efficiency) พอดี และจะทดสอบกับ PSU ที่ใช้ไฟ AC ในช่วง 110V เท่านั้น
80 Plus BRONZE
80 Plus Bronze ก็คือ PSU ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่โหลดในช่วง 20% จากความสามารถทั้งหมดของ PSU ได้ในระดับเกินกว่า 0.81 และที่ภาระ 50% มีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.85 และที่โหลดเต็ม 100% จะต้องมีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.81 สำหรับ PSU ที่ใช้ไฟด้าน AC 220V จึงจะได้การการันตีมาในระดับนี้
80 Plus SILVER
80 Plus Silver ก็คือ PSU ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่โหลดในช่วง 20% จากความสามารถทั้งหมดของ PSU ได้ในระดับเกินกว่า 0.85 และที่ภาระ 50% มีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.89 และที่โหลดเต็ม 100% จะต้องมีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.85 สำหรับ PSU ที่ใช้ไฟด้าน AC 220V จึงจะได้การการันตีมาในระดับนี้
80 Plus GOLD
80 Plus Gold ก็คือ PSU ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่โหลดในช่วง 20% จากความสามารถทั้งหมดของ PSU ได้ในระดับเกินกว่า 0.88 และที่ภาระ 50% มีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.92 และที่โหลดเต็ม 100% จะต้องมีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.88 สำหรับ PSU ที่ใช้ไฟด้าน AC 220V จึงจะได้การการันตีมาในระดับนี้
80 Plus PLATINUM
80 Plus Platinum ก็คือ PSU ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่โหลดในช่วง 20% จากความสามารถทั้งหมดของ PSU ได้ในระดับเกินกว่า 0.9 และที่ภาระ 50% มีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.94 และที่โหลดเต็ม 100% จะต้องมีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.91 สำหรับ PSU ที่ใช้ไฟด้าน AC 220V จึงจะได้การการันตีมาในระดับนี้
80 Plus TITANIUM
80 Plus Titanium (ชั้นไทเทเนี่ยม) ก็คือ PSU ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่โหลดในช่วง 20% จากความสามารถทั้งหมดของ PSU ได้ในระดับเกินกว่า 0.94 และที่โหลด 50% มีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.96 และที่โหลดเต็ม 100% จะต้องมีประสิทธิภาพเกินกว่า 0.91 ซึ่งในระดับสูงสุดนี้จะยังมีการวัดการจ่ายพลังงานที่ภาระช่วงต่ำๆเพียง 10% ด้วยซึ่งจะต้องมีประสิทธิภาพได้เกินกว่า 0.9 ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสำหรับการทำงานในช่วงนี้ สำหรับ PSU ที่ใช้ไฟด้าน AC 220V จึงจะได้การการันตีมาในระดับนี้
กล่องPSU ที่มีฉลาก80+ ยิ่งระดับสูง ยิ่งแพง แต่ก็ทำให้คอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆปลอดภัยจากการระเบิด ไฟลัดวงจร หรือเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ทั้งหลายครับ ยอมเสียเงินเพิ่มอีกสักนิดเพื่อความปลอดภัยในระยะยาวหน่อยเถอะครับ
โฆษณา