8 พ.ค. 2019 เวลา 04:16 • ปรัชญา
กว่าจะเป็นโรงเรียนกวดวิชาเคมี อ.อุ๊ ที่มีลูกศิษย์กว่าล้านคน
เดิมทีตอนสมัยที่อาจารย์ยังเด็กๆ
อาจารย์เรียนไม่เก่ง ไม่ชอบเรียนหนังสือ
รู้สึกว่าการเรียนนั้นน่าเบื่อ ทำให้ไม่อยากเรียนเลย
ทำให้สอบ มัธยมต้น ไม่ติด
จนทำให้คุณแม่ต้องไปติดต่อ ผอ. โรงเรียน
จนถึงขั้นต้องอาสาทำโต๊ะเอง เพื่อให้อาจารย์อุ๊ได้เรียน
วันหนึ่งพี่สาวของอาจารย์ได้มาคุยกับอาจารย์ว่า
“ถ้าไม่อยากเรียน ก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
ทำให้อาจารย์รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบางอย่างแล้ว
จึงได้ไปบ้านของเพื่อนที่เขากำลังติวภาษาไทยกันอยู่
อาจารย์นั่งฟังอย่างตั้งใจ ฟังไปฟังมา
จนสามารถทำคะแนนได้ Top ของรุ่น
ทำให้อาจารย์รู้สึกว่า “ถ้าตั้งใจจริงๆก็ทำได้นี่น่า”
เมื่อจบ ม.ต้น แม่ของอาจารย์ให้สอบเข้า วิทยาลัยครู
และเมื่อได้เข้าไปเรียน ทำให้อาจารย์รู้เลยว่า
นี่แหละใช่เลย เพราะอาจารย์เป็นคนที่ชอบสอนมากๆ
ตอนนั้นอาจารย์อุ๊ อยากจะเป็นคุณครูสังคมมาก
แต่สมัยนั้นครูสังคมเยอะแล้ว
แต่ครูวิทยาศาสตร์ยังมีน้อยอยู่
ครูที่สอนอาจารย์อุ๊เห็นว่าอาจารย์เป็นเด็กที่เก่งและน่ารัก
ครูที่วิทยาลัยจึงบอกเธอว่า
“เธอลองไปสอนวิทยาศาสตร์ดูมั้ย
ถ้าไม่ได้ก็ค่อยกลับมาสอนสังคม”
พออาจารย์อุ๊เริ่มได้เข้าไปฝึกสอนเป็นเวลา 1 เดือน
จะกลับมาตามเพื่อนที่ฝึกสอนสังคม ก็คงไม่ทันแล้ว
จึงตัดสินใจลุยต่อด้านวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง
แต่ในคณะที่ฝึกสอน ก็มีการเรียนและการสอบไปด้วย
ในด้านวิทยาศาสตร์ก็มีวิชา ฟิสิกส์ และ เคมี
อาจารย์อุ๊ในสมัยนั้น ทำวิชาฟิสิกส์ได้เกรด A
แต่วิชาเคมีได้ 29/100 จึงรู้สึกว่าเคมียากมาก
จนมาวันหนึ่งที่วิทยาลัยเปลี่ยนครูสอนเคมี
ครูคนนี้ปูพื้นฐานเคมีใหม่ให้นักเรียนทุกคน
และทำให้อาจารย์อุ๊ เข้าใจเคมีง่ายขึ้นจนได้ A
และก็ได้เกรด A ตลอดมา จนเรียนจบ
จากนั้นอาจารย์ก็สอบเข้าคณะศึกษาศาสตร์
ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา
ตอนนั้ยอาจารย์คิดว่าจะเลือกเอกฟิสิกส์
เพราะน่าจะเข้าง่ายกว่า เพราะเรียนได้ A มาตลอด
แต่เคมีเคยได้ C มาด้วย
แต่ด้วยความโชคร้ายหรือโชคดีก็ไม่รู้ได้
เพื่อนยืมหนังสือฟิสิกส์ไป แล้วไม่ได้คืน
ทำให้อาจารย์ไม่มีอ่าน
มีก็แต่หนังสือเคมี ทำให้สุดท้ายอาจารย์ก็
ต้องเลือกเอกเคมี เพราะมีหนังสือให้อ่าน
จากนั้นอาจารย์ก็เรียนมาจนจบด้วย
เกียรตินิยมอันดับ 1 ของคณะ
ทำให้รู้สึกอยากที่จะเรียนปริญญาโท
ต่อที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
ตอนนั้นมีคนที่เรียนด้วยกันอยู่ 6 คน
ทุกคนเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย
มีเพียงอาจารย์คนเดียวที่เรียนอย่างเดียว
อาจารย์จึงรู้สึกอยากหาอะไรทำเพิ่ม
จนวันหนึ่งอาจารย์ได้ไปเห็นโบชัวร์ที่เขาแจกให้
เด็กนักเรียนที่ รร.สาธิต มศว. ประสานมิตร
นั้นก็คือโบชัวร์ โรงเรียนกวดวิชา
จากนั้นอาจารย์อุ๊จึงเดินทางไปสมัครเป็นครูสอนเคมีที่นั้น
แต่ด้วยความที่อาจารย์อุ๊ไม่เคยมีประสบการณ์สอน
และคุณครูก็ยังเต็มอยู่ จึงทำให้เขายังไม่รับสมัคร
แต่ด้วยความที่อาจารย์ตั้งใจมาก ตื้อจนเจ้าของโรงเรียน
รู้สึกเห็นใจ จึงให้มาเป็นธุรการที่โรงเรียนก่อน
อาจารย์อุ๊ก็รับที่จะเป็นธุรการ เพราะอย่างน้อย
ก็ยังอยู่ในโรงเรียน อาจจะมีโอกาสได้สอนในสักวันก็ได้
แต่ในขณะที่ไม่ได้เป็นครู อาจารย์อุ๊ก็ทำการเตรียมการสอน
ในทุกๆวัน เพราะคิดว่าวันหนึ่งจะได้สอนแน่ๆ
และวันนั้นก็มาถึง วันหนึ่งครูที่สอนภาษาไทยป่วย
เขาจึงให้อาจารย์อุ๊ไปดูแลเด็กแทน
อาจารย์จึงขออนุญาตสอนเคมีให้นักเรียนด้วยเลย
เมื่อสอนเสร็จ เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาก็ดูตลอด
แล้วบอกกับอาจารย์อุ๊ว่า
“ผมเปิดโรงเรียนมา 15 ปี ไม่เคยเห็นใครที่สอนเคมี
ได้ดีเท่าคุณมาก่อนเลย”
จากนั้นอาจารย์อุ๊ก็ได้เข้ามาสอนเคมีในโรงเรียนกวดวิชา
ได้ค่าสอนเพียงชั่วโมงละ 100 บาท
จากนั้นอาจารย์อุ๊ก็ได้สอนมาเรื่อยๆอยู่ 4 ปี
จนวันหนึ่งสามีของอาจารย์ได้ถามว่า
สอนดีขนาดนี้ เด็กเยอะขนาดนี้
ทำไมได้แค่ชั่วโมงละ 100 บาทเอง
เขาจึงให้อาจารย์อุ๊ไปขอเพิ่มเป็น
ชั่วโมงละ 150 บาท เพราะคนอื่นได้ตั้ง 250 บาท
ถ้าไม่ได้ก็ “ลาออกมาเปิดโรงเรียนเองเลย”
สุดท้ายอาจารย์อุ๊ก็ลาออกมาเปิดโรงเรียนกวดวิชาเคมีเอง
ที่แรกที่เซนทรัลลาดพร้าว จนมีเด็กจำนวนเป็น 100 คน
จึงได้มาทำที่จริงๆจังๆเป็นของตัวเองที่สะพานควาย
และนี่ก็เป็นโรงเรียนกวดวิชาเคมี อ.อุ๊ ที่แรก
ซึ่งตอนนั้นทำแต่คลาสเรียนสด จนมีนักเรียน 4,000 คน
และทุกๆครั้งที่เปิดจองคลาสเรียน 8 โมงเช้า
จะมีคนมารอตั้งแต่ 2 ทุ่มของวันก่อนจองแล้ว
และถนนเส้นสะพานควายจะรถติดมากในวันเปิดจอง
และจะมีผู้ปกครองหลายคนที่จองไม่ทัน ได้บอกอาจารย์ว่า
“ให้อัดเทปแล้วมาเปิดให้กับคนที่จองรอบสดไม่ทันได้ไหม”
จากนั้นอาจารย์อุ๊ก็ลองทำตามดู
และก็มีนักเรียนมาจองเต็มทุกคลาสตลอด
จนปัจจุบันอาจารย์อุ๊มีลูกศิษย์ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน !
2
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ 🙏🏻
ถ้าชอบบทความแบบนี้
ฝากกด Like กด Share และกดติดตาม
เพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้มีบทความดีๆ
ออกมาให้อ่านกันอีกในทุกๆวันนะครับ
และหากมีข้อติชมอะไร
คอมเมนท์ไว้ที่ด้านล่างได้เลยนะครับ ^^
หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์และนำมันไปปรับใช้
แล้วชีวิตของคุณในวันพรุ่งนี้จะดีขึ้นกว่าวันนี้แน่นอนครับ
ที่มา : รายการ Perspective
โฆษณา