23 พ.ค. 2019 เวลา 12:00 • การศึกษา
ทำไมบางคนเก่งมากๆ แต่ไม่ก้าวหน้าเสียที? ส่วนมากปัญหามักเกิดจาก “เรื่องเล็กๆ ที่อาจดับอนาคตคุณ” หรือถ้ามองอีกแง่ก็คือ “เรื่องเล็กๆ ที่พอแก้ไขแล้วคุณจะประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น”
.
เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนที่อยู่ในองค์กรมานานหรือมีประสบการณ์สูง ต้องดุดัน ขึงขัง หรือด่าทอคนรอบข้าง ทั้งที่มันทำให้คนรอบข้างเกลียด? คำตอบง่ายๆ ก็คือ เขา “คิดว่าทำแบบนั้นแล้วดี”
.
แต่นั่นเพราะพวกเขาไม่ฉลาดเหรอ? เปล่าเลย พวกเขาเป็นคนเก่ง แต่คนเรา (รวมทั้งคุณ) มีแนวโน้มจะทำแบบพวกเขา มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และคุณเองก็มีสิทธิ์กลายเป็นหัวหน้าที่มีแต่คนเกลียดได้ถ้าไม่ระวังให้ดี
.
ในหนังสือ What Got You Here Won't Get You There มาร์แชล โกลสมิธ โค้ชชื่อดังที่สร้างผู้บริหารระดับสูงมานับไม่ถ้วน จะสอนคุณแก้นิสัยเสียเหล่านี้ เพื่อให้คุณเติบโตในหน้าที่การงาน
.
ถ้าคุณอยากก้าวหน้า คุณต้อง “เปลี่ยนวิธีคิดจากลูกน้องเป็นหัวหน้า” เพราะถ้าคุณยังคิดเหมือนตอนทำงานเป็นลูกน้องเล็กๆ คุณจะไม่มีทางก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ เหมือนอย่างมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่ตอนบริษัทยังเล็กก็ทำตัวบ้าบอได้ แต่เมื่อขึ้นเป็นผู้นำ เขาก็ต้องพัฒนาทักษะด้านคนขึ้นมา
.
🚗 1. เราทุกคนสะสมนิสัยเสียไว้เมื่อก้าวหน้าขึ้น
.
มาร์แชล (ผู้เขียน) เคยทำงานกับผู้จัดการคนหนึ่งที่เก่งมาก แต่เขามีข้อเสียหนึ่งคือ เขาไม่ฟังคนอื่น แต่เนื่องจากเขาทำงานดี คนอื่นก็เลยไม่กล้าพูดอะไร ในขณะที่ผู้จัดการคนนั้นก็ค่อยๆ เชื่อว่า “การไม่ฟังคนอื่น” ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ เพราะมันทำให้เขาคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ
.
คุณเองก็มีแนวโน้มจะสร้างความเชื่อผิดๆ เมื่อทำงานไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อทำอะไรสักอย่างแล้วบรรลุเป้าหมาย เราก็จะอยากทำแบบนั้นต่อ พอนานไปเราก็คิดว่า “สิ่งนั้น (ข้อเสียนั้น) ต้องทำให้เราสำเร็จแน่ๆ” แต่จริงๆ แล้วคุณมีข้อดีอย่างอื่นที่ทำให้สำเร็จ และข้อดีของคุณมันดีพอจะกลบนิสัยเสียแค่นั้นเอง
.
🚗 2. เลิกสำเร็จคนเดียว แล้วสนับสนุนให้คนอื่นสำเร็จ
.
มีบริษัทอาหารใหญ่แห่งหนึ่งทำอาหารสำเร็จรูปขาย แต่ทุกครั้งที่ดีไซเนอร์เสนอไอเดียแพคเกจจิ้งให้หัวหน้า หัวหน้าจะพยายามออกไอเดียเพื่อพัฒนาไอเดียดั้งเดิมตลอด เช่น ถึงแม้หัวหน้าจะคิดว่าแพคเกจจิ้งสวยพอสมควร เขาก็จะยังบอกว่า “พี่ว่าน่าจะลองสีฟ้านะ จะได้ดูหรูขึ้น”
.
แต่พอดีไซเนอร์แก้งานกลับมา เขากลับคิดว่าสีแดงอาจจะดีกว่าก็ได้ สุดท้ายคนอื่นก็สับสนว่า “จะเอายังไงแน่!” และไม่มีใครชอบหัวหน้าคนนี้เลย
.
การพยายามทำทุกอย่างเกิดจากการที่คุณติดนิสัย “สำเร็จคนเดียว” คุณจึงไปมองว่ามุมมองของตัวเองสำคัญที่สุด และคุณต้องเก็บรายละเอียดทุกขั้นให้ได้ด้วยตัวเอง แต่วิธีคิดแบบนี้จะทำให้คุณติดแหง็กและมีแต่คนเกลียด
.
🚗 3. ไม่ต้องถูกทุกเรื่องก็ได้
.
หลายคนแยกไม่ออกระหว่างอยากชนะกับอยากชนะมากเกินไป
อย่างแรกช่วยให้คุณมีแรงจูงใจ อย่างที่สองคือปัญหา
.
นึกภาพว่าคุณกำลังเลือกร้านอาหารกับแฟน คุณสองคนเถียงกันใหญ่ว่าจะไปร้านไหนดี ลงเอยด้วยการไปร้านที่แฟนคุณเลือก แต่โชคร้ายอาหารไม่อร่อย คุณจะทำไง ระหว่างบ่นว่าถ้าไปอีกร้านก็สบายไปแล้ว กับพยายามเงียบๆ แล้วมีความสุขกับแฟนดีกว่า?
.
คนส่วนใหญ่จะเลือกบ่น เพราะพวกเขาอยากเอาชนะ ทั้งที่ชนะไปก็ไม่ได้อะไร
.
ในการทำงานก็เช่นกัน บางครั้งเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น คุณจะโทษว่าใครทำผิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แทนที่จะโวยวาย คุณควรมุ่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและป้องกันปัญหานี้ในอนาคตต่างหาก
.
🚗 4. งานสำเร็จไม่ใช่ทุกอย่าง
.
ถ้าคุณมองที่เส้นชัย คุณจะพลาดสิ่งมีค่าระหว่างทาง
สมมติว่าคุณเป็นแม่ทัพที่พาทหารออกรบ คุณปฏิบัติภารกิจยึดพื้นที่ได้สำเร็จ แต่คนใต้บังคับบัญชาตายเรียบ มันคุ้มค่าหรือเปล่า?
.
ถ้าคุณทำงานเล็กๆ ของคุณคนเดียว คุณแค่ต้องทำงานให้ดี การทำงานให้สำเร็จจึงเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุด แต่เมื่อคุณต้องทำงานกับคนอื่นๆ จะมีปัจจัยต่างๆ ให้คุณต้องคิดเพิ่มนอกเหนือจากความสำเร็จของงาน
.
🚗 5. คำขอโทษและขอบคุณ คือการสร้างการยอมรับที่ต้นทุนถูกที่สุด
.
คำว่า “ขอโทษ” เป็นคำที่ทรงพลัง เคยเห็นคนที่ทำผิดแล้วหาข้ออ้างไปเรื่อยไหมครับ? ข้ออ้างพวกนี้อาจทำให้คนอื่นขี้เกียจเถียงแล้วก็เลิกพูด แต่มันไม่ได้ช่วยให้คนอื่นมองเราดีขึ้น ในทางกลับกัน แค่คุณขอโทษปัญหาหลายเรื่องก็จบได้อย่างง่ายดาย ในโลกนี้ไม่มีการ “ขอโทษมากเกินไป” หรอกครับ
.
คำขอบคุณก็มีพลังมหัศจรรย์เช่นกัน แค่คุณพูดว่า “ขอบคุณครับ/ค่ะ” บทสนทนาที่ตึงเครียดก็จะผ่อนคลายลง ไม่มีใครต่อว่าคนที่เพิ่งขอบคุณตัวเองลง!
.
🚗 6. จงชื่นชมคนอื่นถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำผลงาน
.
นึกภาพคุณเพิ่งเซ็นสัญญาธุรกิจกับลูกค้ารายใหญ่สำเร็จ หัวหน้าคงชื่นชมคุณแน่เลยใช่ไหม?
.
แต่ถ้าระหว่างการเจรจานั้น คุณนึกขึ้นมาได้ว่าสัญญาฉบับนี้จะทำให้บริษัทขาดทุน คุณจึงตัดสินใจถอนตัว คุณว่าหัวหน้าจะยังชื่นชมคุณอยู่ไหม? ไม่หรอกใช่ไหมครับ
.
เราคุ้นเคยว่าถ้าทำงานดีก็ต้องชื่นชม แต่เราไม่ค่อยชื่นชมคนที่หลบเลี่ยงความผิดพลาดได้สำเร็จ ทั้งที่การหลบความผิดพลาดนั้นสำคัญไม่แพ้การทำสิ่งใหม่ๆ ให้ดี
.
ธุรกิจต่างๆ ใช้เวลาเป็นปีๆ ในการสร้างขึ้นมา แต่พังได้ด้วยความผิดพลาดครั้งเดียว การปิดความผิดพลาดเพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นจึงสำคัญมาก นึกภาพว่าคุณเลิกบุหรี่ได้ (เลิกการตัดสินใจที่ผิด) คุณย่อมดีใจกับมัน แต่เวลาทำงานคุณกลับไม่ชื่นชมการหลบความผิดพลาดบ้าง
.
🚗 7. รับฟังคนอื่นเพื่อปรับปรุงตัว
.
คนจำนวนมากฟังคำติชมในแง่ลบไม่ได้ โดยเฉพาะคนเก่ง คนที่เรียนจบมาสูง คนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่เป็นหัวหน้า พวกเขามักมองว่าตัวเองดีที่สุดแล้ว ไม่มีทางพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ได้ ความเชื่อแบบนี้ทำให้พวกเขาเองก้าวหน้าไปได้น้อยกว่าที่ควร
.
คำติชมในแง่ลบคือโอกาสการเรียนรู้ที่มีค่ามาก ต่อให้คนรอบตัวคุณไม่พูดออกมา คุณก็ยังสังเกตคำติชมได้ทุกวันจากภาษากาย ภาษาตา หรือกระทั่ง “ดีเลย์” ที่คนอื่นใช้เวลาคิดก่อนตอบคำถามคุณ
.
ทุกครั้งที่มีคนพูดกับคุณไม่ว่าดีหรือร้าย เช่น “โอ้โห ทำดีจัง” หรือ “มาสายนะ” หรือ “ฟังอยู่หรือเปล่า?” จงจดใส่สมุด แล้วก็คอยเอาลิสต์เหล่านี้มาดู แล้วคุณจะพบ pattern นิสัยเสียของตัวเอง
.
===================================
🚀 อ่านสรุปหนังสือ What Got You Here Won't Get You There ฉบับเต็มในเว็บบิงโกได้ที่ https://bit.ly/2WrjEH6
.
🚀 การที่คนจะชอบเราหรือไม่นั้นขึ้นกับเวลา 90 วินาทีแรกที่เจอหน้ากัน หนังสือ ทำอะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที จะสอนเทคนิคการสร้างความประทับใจอย่างรวดเร็วกับใครก็ตามที่คุณเจอ ด้วยเทคนิค NLP
.
🚀 บิงโกมีหนังสือเกี่ยวกับการผูกสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ที่อาจดีกว่า What Got You Here Won't Get You There เสียอีก ... หนังสือ “เปลี่ยนคนธรรมดาให้มีหัวผู้นำใน 3 ชั่วโมง” เป็นหนังสือแปลญี่ปุ่นที่ศาสตราจารย์ด้านผู้นำจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ได้รวมหลักความเป็นผู้นำทุกอย่างไว้ ... เหมาะกับทุกคน!! ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำอยู่แล้ว หรือยังไม่เป็นแต่ฝันว่าสักวันจะต้องก้าวหน้าเป็นผู้นำให้ได้
1
โฆษณา