10 พ.ค. 2019 เวลา 00:06 • ธุรกิจ
สถานการณ์ร้านสะดวกซื้อในจีนเป็นยังไง?!?
(แอบเอามาเล่าผ่านบันทึกการเดินทางในเมืองจีนตลอด 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมาของ Made in Tena ค่า 😘😊)
Diary หน้าแรกของการตะลุยเมืองจีนค่า…..
วันแรกของการ Landing ฉันมาทำอะไรที่นี่ (นึกทำนองเพลงพี่เบิร์ดคลอเลย 55🤣) # ร้านสะดวกซื้อในประเทศจีน
หลังจากที่เตรียมตัวกันมาประมาณสองเดือน จัดของ เรียนภาษาจีนพื้นฐาน ศึกษาหาข้อมูล(ให้คิดว่าพร้อมที่สุดละนะ) และแล้วก็มาถึงวันเดินทางไปประเทศจีนพวกเราขึ้นเครื่องบินไฟล์ทตาแดงประมาณเที่ยงคืน มาถึงที่เมืองเซี่ยงไฮ้ประเทศจีนเช้ามืดของวันที่ 30 สิงหาคม 2017 ถึงแม้จะไม่ได้นอนเยอะมากบนเครื่อง เพราะใช้เวลาบินแค่สี่ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่มีความง่วงเลยเพราะลุ้นมากกว่าว่าจะต้องเจออะไรบ้าง (คิดในใจว่าเอาวะ จะเจออะไรก็ไม่หวั่นละ พร้อมมากกับหน้าใหม่ของไดอารี่บทนี้ที่เมืองจีน)
พอเครื่องลงแล้วเราก็หาป้ายที่บอกทางไปขึ้น Airport Bus โดยนั่งเข้าไปที่โซนมหาลัย ที่จองที่อยู่ไว้ประมาณ 40 นาที ซึ่งระหว่างทางก็ตื่นเต้นดีจริงๆ ไม่ได้นอนเลย ไม่ใช่อยากดูวิวนะ แต่ไม่กล้านอน ประเด็นคือกลัวเวลารถจอดแล้วจะมีคนหยิบกระเป๋าของเราใต้ท้องรถบัสไป เลยต้องถ่างตาระวังไปตลอดทาง (ก็ในช่วงที่ยังมีภาพจีนเดิมอยู่ในความทรงจำ เลยยังหวาดระแวงนิดนึงค่า) แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรแล้วก็มาถึงมหาวิทยาลัยฟูตั้นโดยสวัสดิภาพ
หลังจากที่ลงจากรถและเอาของแล้วเราก็ดิ่งไปที่พักทันทีกะว่าจะไปเก็บของ แล้วไปหาอาหารเช้าอร่อยๆก่อนที่จะไปเดินเล่นพร้อมกับซื้อของเข้าห้อง แต่พอไปถึงอพาร์ทเม้นท์กลับเข้าห้องไม่ได้เพราะเราไปถึงเช้าไป ออฟฟิสยังไม่เปิด มีแต่ยามหน้าประตูใหญ่ แกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เลยพยายามคุยด้วยภาษาจีนงูๆปลาๆของเรา พอจับใจความได้ว่าต้องรออีกครึ่งชั่วโมงกว่าพนักงานถึงจะมา เลยฝากกระเป๋าเฮียแกไว้ แล้วเดินไป Family Mart ที่เล็งไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาละ (รอดละแหละวันนี้ นี่คิดในจว่าถ้าอยู่ที่นี่จริงๆรับรองว่าได้เป็นลูกค้าประจำแน่นอน เตรียมทำบัตร Member เลย) ประเดิมเติมพลังข้าวมื้อแรกนี้ที่ Family Mart
พอทานสร็จแล้วเราก็เดินกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์เพื่อเซ็นสัญญาและเอากุญแจ พนักงานถามว่าจะจ่ายค่าเช่าเลยไหม แต่ตอนนั้นยังไม่ได้กดเงินมาเลยถามว่าต้องจ่ายภายในเมื่อไหร่ พนักงานบอก 3 วัน เราเลยคิดว่างั้นสบายๆเดี๋ยวค่อยกลับมาจ่าย ก็แล้วเอาของขึ้นห้องก่อนปรากฏว่า ช๊อคเลยฮะ!ห้องของจริงไม่ตรงปก ไม่ตรงกับรูปที่คุยกันทางอีเมล์เลย ผ้าม่านขาด เตียงตู้เก่าขึ้นรา ท่อน้ำรั่ว ก็เลยบอกให้เขามาซ่อม ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดใหม่ ช่างขึ้นมานึกว่าจะซีลท่อน้ำให้เฮียแกกับเอาเทปมาแปะพันๆตรงรูแล้วจบกัน เท่านั้นแหละรู้เลยว่าอยู่ไม่ได้ละที่นี่ ต้องหาที่อยู่ใหม่ดีกว่านะ ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีน้อยๆที่ยังไม่จ่ายค่าห้อง นึกในใจกันว่าเต็มที่ก็เสียแค่มัดจำ แต่แล้วยังไงต่อดีล่ะเนี่ย ตอนนั้นห้องยังไม่มีอินเตอร์เน็ตแถมอินเตอร์เน็ตโรมมิ่งก็ช้าเหลือเกิน เลยทิ้งของไว้ที่ห้องแล้วกลับไปหาที่ตั้งหลักแพรพ ซึ่งแน่นอนที่ตั้งหลักที่ดูน่าจะอุ่นใจในเวลานั้นก็นี่เลยจ้ะ Family Mart หน้าปากซอย ที่มีป้ายแปะว่ามี Wifi พอจะใช้เน็ตหาที่อยู่ใหม่ได้
เห็นชีวิตติดร้านสะดวกซื้อขนาดนี้ เลยทำให้นึกอยากรู้ว่า เออแล้วตลาดร้านสะดวกซื้อในประเทศจีนเป็นยังไง ใครเป็นผู้นำ มีเจ้าตลาดยักษ์ใหญ่ไปเลยเหมือนบ้านเราหรือเปล่า ปัจจุบันตลาดร้านสะดวกซื้อของประเทศจีนมีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาทไทย ซึ่งดูตัวเลขอาจจะคิดว่าโอ้โหใหญ่มากแล้วสินะ แต่ต้องบอกว่ายังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรมหาศาลของประเทศจีนประมาณ 1,400 ล้านคน เพราะถ้าไปลองเทียบดูกับไต้หวันที่มีประชากร 24 ล้านคน น้อยกว่าจีนประมาณ 50 เท่า กลับมีมูลค่าตลาดร้านสะดวกซื้อถึง 170,000 ล้านบาท แล้วพี่ไทยเราล่ะเป็นยังไง สำหรับประเทศไทยที่มีประชากรประมาณ 70 ล้านคน น้อยกว่าจีน 20 เท่า แต่กลับมีมูลค่าตลาดร้านสะดวกซื้อมากกว่าหนึ่งในสามของตลาดจีน (ก็ถ้าเทียบความถี่อัตราการเดินในไทยแล้วเจอร้านสะดวกซื้อก็ต้องบอกว่ามากกว่าเดินในเมืองจีนแล้วเจอร้านสะดวกซื้ออยู่เยอะพอสมควร) โดยมีจำนวนร้านสะดวกซื้อในประเทศจีนตอนนี้ มีอยู่ประมาณ 100,000 เท่านั้น ก็ฟ้องจากตัวเลขได้ว่า Sector ร้านสะดวกซื้อนี้น่าจะยังเติบโตได้อีกมาก
ทีนี้เรามาลองดูรายละเอียดในสมรภูมิการแข่งขันกันบ้าง เราจะพบว่าถ้าดูจากจำนวนสาขา จะพบว่าประเทศจีนมีสองพี่ใหญ่คือ Easy Joy ของค่าย Sinopec และ uSmile ของค่าย PetroChina ทั้งสองค่ายนี้มีสาขาคิดเป็น 46% ของจำนวนร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศจีน แต่เมื่อลงมาดูส่วนแบ่งทางการตลาดตามยอดขาย หรือ Market Share แล้ว Easy Joy และ uSmile กลับมีส่วนแบ่งจากยอดขายแค่ 29% เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจมาจากการที่สาขาส่วนใหญ่อยู่ในปั้มน้ำมันทำให้ความถี่ในการซื้อไม่สูงมาก และรัฐบาลจีนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่นรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้คนมีทางเลือกมาขึ้น จากแต่ก่อนที่ต้องนั่งรถโค้ชหรือขับรถไปที่ต่างๆ ก็มีโอกาสที่จะแวะปั๊มซื้อของบ้าง แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนมานั่ง 高铁 (gao-tie)ซึ่งสะดวกกว่ามากๆ ทำให้การที่จะเพิ่ม traffic เข้าปั้มอาจจะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน
ทีนี้เรามามองบริษัท 5 ลำดับถัดไปที่มีสาขามากที่สุดกันบ้าง คือ Meiyijia FamilyMart(ที่พักพิงแรกของเรา55) Hongqi Lawson และ 7-Eleven เราจะพบว่าห้ายี่ห้อนี้ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในตัวเมือง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยรายได้ต่อวันต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 8,000 หยวนต่อวัน ในขณะที่ Easy Joy และ uSmile กลับอยู่ที่ ประมาณ 4,000 -5,000 หยวนต่อวัน ก็หมายความว่าที่สาขาเยอะก็จริง แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดน้อย ก็มาจาก Location หรือตำแหน่งของแต่ละร้าน สะท้อนให้เห็นว่าร้านสะดวกซื้อยอดขายจะดี ก็ต้องอยู่ในที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ ความหนาแน่นของประชากรสูงๆ ซึ่งก็คือโซนในตัวเมืองทั้งหลายที่ถือเป็นตลาดหลักของ Sector นี้นั่นเอง
แต่ถ้าถามว่าแล้วเค้กร้านสะดวกซื้อก้อนนี้ ใครครองตลาดได้เยอะสุด ก็ต้องบอกว่า 5 บริษัทที่เราได้เล่าถึงไปก่อนหน้านี้ถือว่ายังไม่มีใครครองตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนะจ้ะ เพราะว่าถ้าดูตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดของทั้ง 5 บริษัทรวมกันแล้วยังมีเพียงแค่ 26% เท่านั้น เมื่อเทียบกับไต้หวัน 7-Eleven เจ้าเดียวก็ยึดตลาดอยู่กว่า 60% และถ้าเทียบมองกับมาพี่ไทยเราก็ชัดเจนมากๆ เพราะ 7-Eleven (CPALL)บ้านเราเจ้าเดียวก็ครองอยู่เกือบ 80% ของตลาดแล้ว
เรียกว่าตลาดร้านสะดวกซื้อที่จีนยังกระจายตัวอยู่มาก การแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างแบรนด์เลยยังมีให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องการเลือก Location ผลิตภัณฑ์ที่เอามาขาย การทำโปรโมชั่น และระบบสมาชิกต่างๆ แต่ที่ดูจะโตได้โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นๆก็คือร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงแค่เติบโตได้ดี แต่ยังเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย สังเกตได้จากสัดส่วนจำนวนสาขาที่มีเมื่อเทียบกับส่วนแบ่งตลาดแล้ว Family Mart Lawson และ 7-Eleven มี สาขาไม่ถึง 6% ของร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ แต่กลับมีส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) ถึงเกือบ 14% แต่ก็อีกแหล่ะ โตดีขนาดนี้ไม่ใช่ว่าบริษัทญี่ปุ่นจะชนะตลาดนี้ได้ง่ายๆนะคะ เพราะบริษัทจีนอย่าง Meiyijia Hongqi ก็ถือว่ากำลังเร่งพัฒนาเต็มที่ทั้งคุณภาพสินค้าและการบริการ พยายามอยากเทียบชั้นกับแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งก็จากที่ได้ไปเยี่ยมชมและช้อปบ้างที่ผ่านมา ก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน
และด้วยความที่ตลาดยังน่าจะเติบโตได้อีกเยอะ บรรดาเจ้าใหญ่ๆในตลาดตอนนี้จะขับเคี่ยวกันอย่างเต็มที่เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกันแล้ว บริษัท Technology เจ้าใหญ่ๆอย่าง Alibaba JD.com หรือ Tencent ก็อยากลงมาร่วมลงแข่งแย่งชิ้นเค้กก้อนนี้ในตลาดร้านสะดวกซื้อของจีนด้วยเช่นเดียวกัน แต่การเข้ามาของบรรดายักษ์ใหญ่เหล่านี้ จะลงมาร่วมเป็นผู้เล่นในตลาดนี้อย่างไร เดี๋ยวตอนหน้าจะกลับมาเล่าให้ฟังกันต่อนะค้า ^^
*ใครสนใจอยากอ่านต่อฝากกดติดตามกันเอาไว้นะค้า
*อ่านแล้วมีคอมเมนท์กันยังไง แชร์กันได้เต็มที่เลยนะค้า
ปล.ภาพประกอบรูปบนสาขาจริง ส่วนอีกรูปข้างล่างสาขาที่เคยเห็น แล้วเกือบเข้าใจผิดว่าอันเดียวกัน 555 😂(ความเทพในการพยายามเลียนแบบของพี่จีนเรียกได้ว่าขั้นสุด ไว้มีโอกาสจะเอามาเล่าให้ฟังนะคะ)ใครไปจีนก็ดูดีๆ ระวังหาที่พักพิงผิดนะค้า
#madeintena #哇塞在中国!
Facebook : Made in Tena
โฆษณา