12 พ.ค. 2019 เวลา 03:12 • ปรัชญา
พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย (เชฟเอียน)
พ่อและแม่ของเชฟเอียน ทำข้าวแกงขาย อยู่ที่กาญจนบุรี
เชฟเอียนเห็นพ่อแม่ทำงานหนักมาก เด็กๆจึงไม่ชอบและ
ไม่มีความคิดที่อยากจะทำอาหารเลย แต่ด้วยความที่เด็กๆ
แม่ก็จะพาเขาไปตลาดเสมอๆ เขาก็ถูกซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว
ที่บ้านเชฟเอียนมีลูกทั้งหมด 8 คน ด้วยความที่คุณแม่อยาก
ให้ลูกทุกๆคนได้ดี จึงกู้ยืมเงินเพื่อส่งพี่คนโตสุดไปเรียนที่ออสเตรเลียและหางานทำไปด้วยเพื่อส่งเงินกลับมาที่บ้าน
ให้แม่ได้ส่งน้องๆตามไปทีละคนๆ จนมาถึงเชฟเอียน
เขารู้สึกว่าที่ออสเตรเลียมีพี่ๆอยู่กันครบเลย และถ้าเขาไป
มันก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ที่ไทย เชฟเอียนจึงขอแม่ไปเรียน
ที่อังกฤษคนเดียวเพื่อที่อยากจะได้สื่อสารภาษาอังกฤษ
ให้ได้ ด้วยที่เชฟเอียนเป็นลูกชายคนเดียวและเป็น
ลูกคนสุดท้องด้วย จึงทำให้สุดท้ายแม่ก็ต้องยอม
เมื่อเชฟเอียนไปถึงแค่ 3 วัน เพื่อนที่อังกฤษก็ชวนเชฟเอียน
ไปทำงานตอนค่ำเป็นคนล้างหม้อที่ร้านอาหาร แต่เชฟ
รู้สึกว่าไม่ได้พูด ไม่ได้สื่อสารภาษาเลย จึงไปทำงาน
เสิร์ฟอาหารตอนเช้าด้วย แต่พอทำไปสักพักก็พึ่งรู้ว่า
มันใช้เพียงแค่ไม่กี่ประโยคในการรับเมนู และการสั่งอาหาร
จากลูกค้า ทำให้ไม่ได้ภาษาเหมือนเดิม เชฟเอียนจึง
หาเวลาว่างไปคุยกับเชฟที่ห้องอาหารเป็นประจำทุกวัน
จนวันหนึ่งผู้ช่วยเชฟไม่ได้มาทำงาน เชฟจึงให้เชฟเอียน
ในสมัยนั้นมาช่วยแทน พอช่วยไปได้สักพัก ก็มีผู้จัดการร้าน
เดินเข้ามาเห็นเชฟเอียนใส่ชุดเด็กเสิร์ฟมาทำอาหารให้ลูกค้า
จึงต่อว่าเชฟเอียนยกใหญ่ และเชฟในครัวก็มาอธิบายให้
ผู้จัดการร้านฟัง
จากนั้นผู้จัดการร้านก็ถามเชฟเอียนว่า
“คุณอยากเป็นเชฟไหม ถ้าอยาก ฉันจะส่งคุณไปเรียน”
เชฟเอียนคิดง่ายๆแค่ว่า ถ้าเค้าส่งเราไปเรียน
ก็ไม่ต้องเสียเงินเอง ก็ตัดสินใจตอบ “ตกลง” ในทันที
แต่ก็เกิดปัญหาตรงที่ว่า วันสอบก่อนจบโดนรถมอเตอร์ไซชน
ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานมาก จนหมดสิทธิ์สอบ และเรียนไม่จบ
เมื่อเชฟเอียนพักฟื้นจนหายดีแล้ว พี่สาวก็ชวนไปที่ออสเตรเลีย
ซึ่งตอนนั้นเชฟเอียนอายุ 18 ปีแล้ว เขาได้บอกกับตัวเองว่า
“จะยึดอาชีพเชฟในการดูแลตัวเองให้ได้
และทำให้ดีที่สุด จนประสบความสำเร็จ”
จึงตัดสินใจไปเรียนเชฟต่อที่ออสเตรเลีย และได้มีโอกาสได้
รู้จักกับเชฟชื่อดังหลายๆคน และเมื่อย้อนไปดูประวัติของ
เชฟดังหลายคนก็พบว่า ทุกคนเคยเป็นเชฟที่ฝรั่งเศสมากันหมดเลย เชฟเอียนจึงมีความฝันอันใหม่ว่า จะต้องไปเรียนรู้
การเป็นเชฟที่ฝรั่งเศสให้ได้
อีก 2 ปีต่อมา เชฟเอียนเป็นเชฟอยู่ที่ออสเตรเลีย
รายได้ประมาณ 6 หมื่น แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ความฝันที่
จะไปเป็นเชฟที่ฝรั่งเศสได้อย่างไร จึงกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่
ที่เมืองไทยและเริ่มต้นทำงานเชฟที่โรงแรม
ด้วยเงินเดือน 8 พันบาท ด้วยค่าครองชีพและตำแหน่งที่ลดลงที่บ้านไม่เห็นด้วยอย่างมาก เมื่อญาติๆรวมตัวกันตอนเชงเม้ง ลุงก็ถามเขาว่าไปเรียนเชฟทำไม เป็นคนจีนทำไมไม่เรีย
ค้าขาย นำเข้า-ส่งออก แล้วทำเชฟเค้าให้เงินเท่าไหร
พอรู้ว่า 8 พัน ลุงก็ส่ายหน้า
และถามอย่างนี้ทุกปี
ปีที่ 2 รายได้ 12,000 บาท ก็ส่ายหน้า
ปีที่ 3 รายได้ 20,000 บาท ก็ยังส่ายหน้า
ปีที่ 4 รายได้ 60,000 บาท ก็เริ่มนิ่งๆ
ปีที่ 5 รายได้เกือบ 200,000 บาท
ลุงก็ถามเชฟว่าเขาให้มึงอย่างนี้จริงๆหรอ เชฟเอียนก็ขำไป
และก็ตอบไปว่าเขาให้จริงๆ หลังจากนั้นลุงก็ไม่เคยถามอีกเลย
3
เมื่ออายุ 20 ปลายๆ เชฟเอียนก็ประสบความสำเร็จเป็น
Executive Chef รายได้เกือบ 2 แสนบาท ทำอาหารได้
บริหารเงินให้โรงแรมได้ บริหารคนเป็นร้อยได้
ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จแล้ว
แต่เชฟเอียนก็ตัดสินใจขอลาออก
ด้วยเหตุผลที่ว่า พอเขามาถึงจุดนี้แล้ว ก็ไม่มีใครมาสอน
เขาแล้ว จึงอยากที่จะเรียนรู้ต่อเพื่อให้เก่งขึ้นอีก
และยังอยากไปเป็นเชฟที่ฝรั่งเศสอยู่
เพราะงั้นรายได้ไม่ใช่ประเด็นหลักอีกแล้ว
1
แต่ทางโรงแรมรู้สึกเสียดายเชฟเก่งๆแบบเชฟเอียนไป
จึงได้คุยกัน โดยเชฟเอียนให้ข้อเสนอไปโดย
ขอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และ ทำงานให้โรงแรม
ในเครือของเขา จากนั้นทางโรงแรมก็ตกลง
เชฟเอียนจึงได้ไปหาประสบการณ์ต่อที่อเมริกา 1 ปี
และ ฝรั่งเศสอีก 1 ปี
เมื่อกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง ก็บังเอิญไปเจอนักลงทุนที่
จะเปิดร้านอาหารที่อเมริกาพอดี เขาจึงชวนเชฟเอียนไป
เปิดร้านด้วยกัน โดยจะตั้งชื่อร้านว่า ”เฉลิมกิตติชัย”
ซึ่งเป็นนามสกุลของเชฟเอียน และนี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่
เชฟเอียนต้องการคือมีชื่อร้านเป็นชื่อหรือนามสกุลของตัวเอง
เชฟเอียนก็ตอบตกลงในทันที
และนี่เป็นร้านอาหารร้านแรกของเชฟเอียน
แต่ด้วยความที่ไม่เคยทำเองทุกอย่าง 100%
จึงเจอปัญหามากมายเข้ามา ไม่ใช่เพราะขายไม่ได้
แต่เป็นเพราะขายดีเกินไป งานจึงเยอะมากเกิน
และพนักงานในร้านก็อยู่ได้ไม่นานก็ออก คนจึงไม่พอ
และด้วยความที่พนักงานแค่ทำงานเป็นพาร์ทไทม์
เพื่อหารายได้เสริม จึงไม่ได้ใส่ใจกับร้าน
จดรายการผิดบ้าง เสิร์ฟผิดบ้าง จึงเกิดปัญหามากมาย
เชฟเอียนต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนในการแก้ปัญหาตรงนี้
จากนั้นร้านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนติด 1 ใน 3 ของ
Travel & Leisure Magazine
เป็นร้านอาหารเอเชียที่ดีที่สุดใน New York
จากนั้นเชฟเอียนก็เริ่มมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ
มากขึ้น จนมีร้านอาหาร ร้านขนม มีธุรกิจที่ปรึกษา
โรงเรียนสอนทำอาหาร และเป็น Brand Ambassador
นับเป็น 10 กว่าอย่างที่เชฟเอียนทำไปพร้อมๆกันและ
ประสบความสำเร็จอีกด้วย
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ 🙏🏻
ถ้าชอบบทความแบบนี้
ฝากกด Like กด Share และกดติดตาม
เพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้มีบทความดีๆ
ออกมาให้อ่านกันอีกในทุกๆวันนะครับ
และหากมีข้อติชมอะไร
คอมเมนท์ไว้ที่ด้านล่างได้เลยนะครับ ^^
หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์และนำมันไปปรับใช้
แล้วชีวิตของคุณในวันพรุ่งนี้จะดีขึ้นกว่าวันนี้แน่นอนครับ
ขอบคุณเนื้อหาดีๆ : รายการเจาะใจ
โฆษณา