Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สาระหลากด้าน ✅
•
ติดตาม
12 พ.ค. 2019 เวลา 08:28 • ประวัติศาสตร์
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เซ็นโกคุ :
"ยุคสงครามนองเลือดของญี่ปุ่น, จุดกำเนิดความทะเยอทะยานของโนบุนางะ ฮิเดโยชิ และ อิเอยาสึ" (ฉบับเต็ม)
เซ็นโกกุ : ยุคแห่งการนองเลือด เป็นยุคสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1477 -1615 สมัยนั้นบ้านเมืองอยู่ในการปกครองของตระกูลอาชิคางะ ซึ่งเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากตระกูลหนึ่ง แต่พอมาถึงสมัย อาชิคางะ โยชิมาสะ ก็เริ่มเสื่อมลง เพราะโชกุนผู้นี้หลงไหลในพิธีการชงชาอย่างมาก จนละเลยกิจการบ้านเมือง ทำให้ประชาชนโยเฉพาะชาวนา ต้องได้รับความยากลำบาก และยังมีความไม่พอใจอย่างมากของเหล่าไดเมียว (ขุนนางผู้ปกครองแคว้น) เพราะนโยบายของอาชิคางาะที่บังคับให้ไดเมียวต่างๆต้องเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อง่ายต่อการควบคุม งนั้นเหล่าไดเมียวเจ้าตระกูลทั้งหลายจึงไม่พอใจและสะสมมากขึ้น จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามโอนิน
1
youtube.com
ประวัติความเป็นมาของยุค เซ็นโกคุ มหายุคการจลาจนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
เล่าประวัติ และความเป็นมาของยุคเซ็นโกคุครับ
youtube.com
มหากาพย์เซ็นโกคุ l ประวัติตระกูลนักรบใน 100 ปี!! ซานาดะ ยูคิมูระ EP.1
ถ้าชื่นชอบฝากกด Like และ Subscribe ให้้ด้วยนะครับ :D แฮร่ ขอขอบคุณประวัติ ซานาดะ มาซายูกิจากเพจสามก๊ก & เซ็นโกคุ ด้วยนะครับ : https://www.facebook.com/%E0%B8...
ผลจากสงครามโอนิน ทำให้เหล่าไดเมียวแตกแยกป็นหลายฝ่าย ในขณะที่โชกุนอาชิคางะ โยชิมาสะ ยังคงทำตัวไม่รู้ร้อน เอาแต่บ้าจัดทำพิธีชงชา จนกระทั่งเหล่าไดเมียวของแต่ละแคว้นกลายเป็นกุมอำนาจ และเกิดเป็นสงครามต่อไปเรื่อยๆ โยชิมาสะคิดจะมาแก้ไขในตอนหลังก็สายเกินไปแล้ว ซึ่งสงครามของเหล่าไดเมียวนี้เองที่ถูกเรียกว่า ยุคเซ็นโกกุ
โยชิมาสะคิดจะริดรอนกำลังของเหล่าไดเมียว ละสร้างสภาพการเงินและการทหารของตนให้มั่นคงพอจะต่อกรกับไดเมียวเหล่านั้นจึงได้ทำการขูดรีภาษีจากประชาชนสูงลิบลิ่ว และยังมีพ่อค้าที่คอยขูดดอกเหล่าชาวนาอีก ในเมื่อชาวนาซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของแผ่นดินได้รับความทุกข์ขนาดนั้นการต่อตานจึงเกิดตามมา เล่าชาวนาและคนยากจนรวมถึงเหล่าซามูไรชั้นต่ำบางส่วนจึงได้รวมพลังกันก่อตั้งเป็นกองกำลังของตนเองที่เรียกว่า กองกำลังอิกกิ
3
กองกำลังนี้จะคอยทำหน้าที่บุกเข้าเมืองหลวงเพื่อปล้นสะดมถ์เนหลัก พวกเขาไม่ได้จะเข้าไปทำการรัฐประหารเปลี่ยนการรัฐบาลหรือปกครองประเทศแต่อย่างใด เพียงแค่ปล้นชิงทรัพย์สินของชาวเมืองเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วงนี้ คือกลุ่ม อิกโกะ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเหล่าพระในศาสนาพุทธนิกายหนึ่งของญี่ปุ่น ที่มีการฝึกฝนวิชาการต่อสู้แบบซามูไร ซึ่งพระเหล่านี้เป็นที่นับถือของชาวบ้านมาก เพราะยามที่ชาวบ้านถูกโจรหรือทหารหนีทัพเข้าปล้น พระเหล่านี้จะคอยออกมาช่วยเหลือชาวบ้านเหล่านั้น นี่จึงเป็นกองกำลังที่มีชาวบ้านให้การสนับสนุนมาก และในภายหลังได้เข้าร่วมกับกองทัพของโทงาชิ มาชิกะ เจ้าเมืองคางะ ซึ่งกองกำลังนี้ได้ถูกเรียกขานเป็นกองกำลังนักรบศักดิ์สิทธิ์
แต่ภายหลังโทงาชิ เจ้าเมืองคางะได้รับเอาความดีความชอบที่กองกำลังอิกโกะต้องแลกชีวิตในสงครามเอาไว้ต่ผู้เดียว เหล่านักรบพระเหล่านี้ไม่อาจทนได้อีก จึงทำการก่อกบฏขึ้นเรียกตัวเองว่า ฮิกโกะ-อิกกิ และทำการไล่เจ้มเมืองโทงาชิออกไป จากนั้นจึงได้ทำการสร้างโบสถ์ขึ้นที่ปากแม่น้ำโยโดะเพื่อใช้เป็นฐานบัญชาการ จากนั้นลายปีต่อมาจึงได้เข้าทำการยึดครองจังหวัดคางะ แลเมืองยามาชิโร่ และในที่สุดก็ตั้งเป็รรัฐบาลเอกเทศขึ้นปกครองพื้นที่ดังกล่าว และกลายเป็นกองทัพอิสระที่น่ากลัวที่สุดในเวลานั้น
1
และเมื่อพูดถึงยุคเซ็นโกกุแล้ว บุคคลที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์และจ้าวคนแรกแห่งยุคนี้ที่ไม่อาจจะไม่กล่าวถึงได้เลยก็คือ โอดะ โนบุนางะ
เดิมทีตระกูลโอดะเป็นเพียงตระกูลซามูไรเล็กๆ แต่อาศัยความสามารถของผู้นำตระกูลในขณะนั้นคือโอดะ โนบุฮิเดะ สามารถเข้ายึดครอง จ.โอวาริไว้ได้ และทำการปกครองดูแลจนโอวาริกลายเป็นเมืองที่เข้มแข็งและร่ำรวยมากเมืองหนึ่ง
โนบุฮิเดะมีลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่งคน(ไม่แน่ใจว่ามีอีกไหม) คนโตที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือโอดะ โนบุนางะ เล่ากันว่าวัยเด็กนั้นโนบุนางะเป็นคนที่มีนิสยแปลกประหลาด มักไม่ทำตัวอยู่ในกรอบประเพณี มีนิสัยห่ามๆจนได้ชื่อว่าเป็นจอมแสบแห่งโอวาริ
1
โนบุฮิเดะ ผู้พ่อเป็นห่วงอนาคตของลูกชายที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆผู้นี้ยิ่งนัก เขามองออกว่าลูกชายของตนผู้นี้มีพรสวรรค์อันหาได้ยากนักแอบซ่อนอยู่ แต่รอบๆโอวารินั้นเต็มไปด้วยไดเมียวเหล่าศัตรูที่ร้ายกาจจ้องตระครุบกันตาเป็นมัน หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่างลงไป ยังไม่ทันที่ลูกชายตัวแสบจะได้แสดงความสามารถให้โลกเห็น ตระกูลโอดะอาจจะพินาศซะก่อน จริงๆแล้วเขาคิดจะยกตระกูลโอดะให้โนบุนางะดูแล แต่ก็ต้องการจะควบคุมโนบุนางะและทำให้เขามีความเหมาะสมกว่านี้ จึงตัดสินใจส่งคนไปสู่ขอลูกสาวของไซโต้โยชิมาสะ เจ้าเมืองมิโนะ ผู้มีฉายาว่าอสรพิษโดสะ ซึ่งขึ้นชื่อมากในเรื่องของความโหดเหี้ยมและการทรมานผู้อื่น
5
โดสะ ตัดสินใจยกลูกสาวของตนที่ชื่อว่าเจ้าหญิงโน ให้แต่งงานกับจอมแสบแห่งโอวาริ เพราะรู้สึกประทับใจในความบ้าบิ่น และความแหกคอกของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สั่งการลับกับลูกสาวของตนว่าหากอนาคตข้างหน้า โนบุนางะมีทีท่าว่าจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลไซโต้ล่ะก็ให้จัดการเสีย (แต่ภายหลังเจ้าหญิงโนหลงรักในตัวของโนบุนางะอย่างหมดใจ และคำสั่งฆ่านั้นก็ไม่เกิดขึ้น)
เมื่อโอดะ โนบุฮิเดะตายลง โนบุนางะก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลโอดะสืบต่อ และในช่วงเวลานั้นได้มีพ่อค้าจากต่างชาติเริ่มเข้ามาค้าขายในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก โดยหลักๆที่เอามาขายนั้นก็คือปืนไฟ
โนบุนางะเป็นผู้ที่มีความสนใจในเรื่องปืนไฟอย่างมาก เขาได้มีโอกาสเห็นศัยภาพของมันและตระหนักว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสงครามในอนาคต จึงได้เริ่มทำการสั่งซื้อและสะสมปืนไฟเป็นจำนวนมาก โดยไม่เกี่ยงว่าจะต้องจ่ายมากเท่าไหร่
1
ช่วงนั้นที่มิโนะก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อไซโต้ โยชิมาสะ ถูกลูกชายของตนที่ชื่อ ไซโต้ โยชิทัตสึ สังหารและขึ้นปกครองมิโนะแทน โนบุนางะคิดการจะแก้แค้นให้พ่อตา และคิดยึดเอามิโนะมาเป็นของตน ซึ่งการที่อสรพิษโดสะตายนั้นก็เป็นไปดั่งใจเขาหวัง เพราะตราบใดที่พ่อตาคนนี้ยังปกครองมิโนะ เขาก็ไม่อาจจะใช้กำลังทหารยึดเอามิโนะมาได้ แต่ในเมื่อพอ่ตาของตนมาถูกบุตรชายสังหารเอาเช่นนี้ เขาสามารถอ้างการแก้แค้นมาเป็นความชอบธรรมสำหรับการยกทัพยึดมิโนะในครั้งนี้
1
สงครามระหว่างโอวาริและมิโนะยืดเยื้อเป็นเวลานาน ฝ่ายโยชิทัตสึนั้นมีบริวารที่มีความสามารถมาก โดยตัวหลักคือ ทาเคนากะ ฮัมเบ เจ้าแห่งกลยุทธ์ สามารถยื้อการรบกับโนบุนางะเอาไว้ได้
ช่วงนั้นมีไดเมียวอีกผู้หนึ่งนามอิมากาว่า โยชิมโตะ คิดจะนำทัพบุกเข้าตีเมืองหลวง และนำทัพเดินหน้ายึดเมืองได้ง 3 จังหวัด โดยโอวาริก็อยู่ในทางผ่านนั้นด้วย เรพาะโอวาริเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางของญี่ปุ่นและอยู่ใกล้กับเมืองหลวง โนบุนางะจึงต้องยุดศึกกับโยชิทัตสึเอาไว้และหันมาหาทางป้องกันการรุกรานจากอิมากาว่าซึ่งมีกำลังทหารถึง 25000 คน เตรียมประชิดชายแดนโอวาริ ในขณะที่โนบุนางะมีกำลังเพียงไม่กี่พันคน
ในช่วงที่เหล่าไดเมียวอื่นๆกำลังทำสงครามวุ่นวายกัน อิมากาว่าเป็นคนแรกที่คิดจะยึดเอาเมืองหลวงมาครอง เขาอาศัยช่วงที่ตระกูลใหญ่อย่างโฮโจ และอุเอสึงิรบพุ่งกันเอง นำกองกำลังกว่า 25000 คน บุกตรงสู่เมืองหลวง
กองทัพของอิมากาว่านั้นสามารถยึดเอา 3 จัวหวัดรายทางมาได้อย่างง่ายดาย เป้าหมายต่อไปก็คือโอวาริของตระกูลโอดะ ในการเดินทัพของอิมากาว่าครั้งนี้ได้หนีบเอานายทหารหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า โตกุกาว่า อิเอยาสึมาด้วย
อิเอยาสึนั้นเป็นคนมีรูปร่างเตี้ย อ้วน แต่มีฝีมือการรบไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะการยิงธนู ถึงขนาดได้รับฉายาว่า "จอมขมังธนูแห่งมิคาว่า" เขาเป็นคนมีนิสัยใจเย็น ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามากนัก สนิทสนมกับโนบุนางะเมื่อยังเด็ก ทั้งสองคนรักกันด่งพี่น้องจริงๆ แต่เมื่อโตขึ้นอิเอยาสึต้องไปอยู่กับตระกูลอิมากาว่าในฐานะตัวประกัน เพราะตระกูลโตกุกาว่าขณะนั้นเป็นเพียงตระกูลเล็กๆภายใต้อาณัติของอิมากาว่าเท่านั้น
1
อิเอยาสึขอเลี่ยงที่จะไม่ไปในการเดินทัพใหญ่ครั้งนี้เพื่อสู้กับโนบุนางะผู้เป็นพี่ ซึ่งอิมากาว่าก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะถือว่าอิเอยาสึเป็นเพียงซามูไรจากตระกูลเล็กๆ
1
ในขณะเดียวกัน ทางโนบุนางะก็มีบริวารที่มีความสามารถโดดเด่นขึ้นมาหลายคน มียู่สองคนที่รู้จักสนิทสนมกับโนบุนางะมาช้านาน นั่นคือมาเอดะ โทชิอิเอะ และโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ
โทชิอิเอะนั้นเป็นซามูไรระดับสูงเพราะตระกูลมาเอดะเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในสังกัดของโอดะ และยังเป็นเพื่อนสนิทของโนบุนางะมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนที่มีนิสัยตรงๆ ทื่อๆ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกล้าหาญมากคนหนึ่ง และสร้างผลงานในการรบพอสมควร มีฉายานามว่า "อินุ" (สุนัข)
ส่วนฮิเดโยชินั้นมีพื้นเพมาจากชาวนา สมัยเด็กเขายากจนมาก แต่อาศัยความมุมานะและไหวพริบ ถีบตัวเองจากทหารเลวขึ้นมาเป็นซามูไรคนหนึ่งได้ และกลายเป็นทหารคนสนิทของโนบุนางะในเวลาไม่นาน เพราะมีไหวพริบความเจ้าเล่ห์และกลอุบายที่แม้แต่โนบุนางะเองก็ยังต้องยอมรับ เพียงแต่ฮิเดโยชินั้นมีนิสัยที่ออกจะโลภเกินไปนิด อาจเพราะโตมาอย่างยากจนเมื่อเริ่มมีเงินทองในภายหลังจึงเกิดความโลภอยากได้มากขึ้นก็เป็นได้ เขาไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากเหล่าซามูไรด้วยกันนัก และถูกเรียกว่า "เจ้าลิง" เพราะมีใบหน้าท่าทางคล้ายลิง ซึ่งเป็นการเรียกในทำนองดูถูก โนบุนางะเองก็เรียกเขาเช่นนั้น แต่เป็นการเรียกในทำนองที่แสดงความสนิทสนม ฮิเดโยชิเองก็รู้สึกปลื้มใจเวลาที่ถูกเรียกเช่นนั้นจากผู้เป็นนาย และในภายหลังเขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของโทชิอิเอะ (เป็นกระทั่งเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งของโทชิอิเอะ)
2
ฝ่ายโอดะนั้นร้อนจนมาก เพราะการศึกนี้อาจทำให้ตระกูลพินาศลงได้ แต่โนบุนางะก็ยังใจเย็นรับสถานการณ์ เขาได้นำเอาการข่าวเข้ามาช่วยจนสามารถสืบหาที่ตั้งกองทัพใหญ่ของอิมากาว่าที่ตั้งอยู่ท ช่องแคบแห่งหนึ่งได้และอาศัยช่วงเวลากลางคืน นำกองทัพ 2000 คนซุ่มโจมตีโดยไม่ให้อิมากาว่ารู้ตัว เพียงไม่นานของการโจมตีก็สามารถสังหารอิมากาว่าลงได้ และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่หน้าประวัติศาสาตร์ของโอดะ โนบุนางะ
การเอาชนะอิมากาว่าได้ทั้งที่มีกำลังทหารน้อยกว่ามากนี้ ทำให้ชื่อของเขาดังกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดิน จนโชกุนโยชิเทรุเรียกตัวเข้าพบในวัดแห่งหนึ่งเพื่อหวังจะขอกำลังทหารของโนบุนางะในการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวและฟื้นฟูตระกูลอาชิคางะ ซึ่งโนบุนางะก็รับปาก แต่ภายหลังโชกุนโยชิเทรุก็ถูกลอบสังหาร
1
จากนั้นที่มิโนะเกิการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โยชิทัตสึเสียชีวิตลง ลูกชายของเขา (จำชื่อไม่ได้) ขึ้นสืบตระกูลไซโต้ต่อ แต่ด้วยความเป็นคนขี้ระแวง เหล่านายทหารที่เคยช่วยเหลือโยชิทัตสึมาก่อนอย่างทาเคนากะฮัมเบและแม่ทัพสำคัญๆ จึงพากันเอาใจออกห่าง โนบุนางะรอโอกาสนี้อยู่แล้ว จึงเข้าเกลี้ยกล่อมฮัมเบและพรรคพวกให้สวามิภักดิ์ ซึ่งก็สำเร็จ ทำให้โนบุนางะได้จ.มิโนะอันเป็นเมืองที่พ่อตาของเขาปกครองมาเป็นของตนอย่างง่ายดาย
2
ขณะเดียวกันที่เมืองหลวง อาชิคางะโยชิอากิน้องชายของโชกุนโยชิเทรุที่ถูกลอบสังหารได้ขึ้นเป็นโชกุนแทน และได้ออกปากเชิญโนบุนางะเข้าเมืองหลวงเพื่อให้ช่วยเหลือรัฐบาลที่กำลังจวนเจียนจะล่มสลายทันที
1
โนบุนางะตอบรับคำเชิญ เขาได้นำกำลังยกเข้าเมืองหลวงและกลายเป็นผู้พิทักษ์โชกุน อำนาจบารมีในตอนนี้ของเขามีมากและพอๆกับโชกุนเลยด้วยซ้ำ
1
โนบุนางะได้อำนาจอันยิ่งใหญ่มาอยู่ในมือก็จริง แต่ทั่วประเทศก็ยังคงเต็มไปด้วยไฟสงคราม เพราะยังมีเหล่าไดเมียวอีกมากมายที่มีกำลังเข้มแข็งคอยต่อต้าน มีตระกูลซามูไรหลายตระกูลที่ยังมีกองกำลังอันเข้มแข็งและมีพท.ปกครองที่กว้างใหญ่มากพอที่จะสู้กับตระกูลโอดะได้
ยุคนั้นเป็นยุคของโอกาส หากใครมีความทะเยอทะยานและความสามารถมากพอก็สามารถจะสร้างชื่อได้ ทุกคนล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีตระกูลไดเมียวใดคิดที่จะยอมก้มหัวให้โอดะ โนบุนางะง่ายๆ เขาเองก็รู้ดีว่าตระกูลเหล่านั้นล้วนมีศักดิ์ศรียิ่งใหญ่มานาน เช่นตระกูลโฮโจ โมริ อุเอสึงิ ทาเคดะ พวกเขามีกองทัพอันยิ่งใหญ่ ปกครองแว่นแคว้นต่างๆของญี่ปุ่น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่โนบุนางะจะปราบพวกเขาลง
แต่ละตระกูลต่างก็ล้วนมีกองทัพที่มีจุดเด่นของตัวเอง โนบุนางะคิดจะสร้างกองทัพที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เมือนใครขึ้น และจะต้องเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ดังนั้นเขาจึงได้ระดมซื้อปืนไฟเข้ามาด้วยจำนวนมหาศาล และสร้างกองทัพปืนไฟอันเป็นหน่วยรบที่ใช้ปืนในการรบโดยเฉพาะหน่วยแรกของญี่ปุ่น และเขายังให้ความสำคัญกับเรื่องของการข่าวและการจารกรรมเป็นพิเศษ ซึ่งเขาก็ได้ตั้งให้ฮิเดโยชิเป็นผู้ดูแลหน่วยพิเศษนี้ โดยจะเป็นหน่วยที่มีหน้าที่ในการสืบหาความลับและปล่อยข่าวเพื่อบ่อนทำลายฝ่ายศัตรูโดยเฉพาะ ซึ่งความจริงการรบแบบข่าวสารนี้ไดเมียวคนอื่นๆก็ใช้วิธีการนี้กันมาช้านาน โดยอาศัยเหล่านินจาในการสืบข่าวและเกอิชาในการลอบสังหาร แต่โนบุนางะเป็นผู้ที่ริเริ่มสร้างและบรรจุให้จารชนเหล่านั้นเป็นกองทัพพิเศษแบบเป็นทางการ
ผลงานการรบแบบจารกรรมและอาศัยไหวพริบเลห์กลนี้เป็นของถนัดของฮิเดโยชิ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นซามูไรที่มีผลงานมากที่สุดในบรรดาผู้ใต้สังกัดทั้งหมดของโนบุนางะไป จนโนบุนางะถึงกับเคยออกปากว่าเสาหลักของตระกูลโอดะนอกจากชิบาตะ แล้ว ยังมีฮิเดโยชิ จนกระทั่งเขาได้รับเอาชายที่ก้าวมาเป็นเสาหลักคนที่สาม นั่นก็คือ อาเคจิ มิสึฮิเดะ
อาเคจิ มิสึฮิเดะ นั้นเป็นซามูไรที่มีความสามารถทั้งสติปัญญา บุคลิก และการทหาร เขาเคยเป็นลูกน้องของเจ้าอสรพิษโดสะ ผู้เป็นพ่อตาของโนบุนางะมาก่อน จนเมื่ออสรพิษตายลงเขาเกิดแตกคอกับโยชิทัตสึจึงแยกตัวออกไปและได้ไปทำงานให้กับโชกุน โยชิอากิ และเป็นเขานี่เองที่เป็นผู้แนะนำให้โชกุนโยชิอากิรับโนบุนางะเข้าเมืองหลวง
ในระยะแรกที่เข้ามามีอำนาจในเมืองหลวงนั้น มิสึฮิเดะ ยังไม่ได้มาเข้าสังกัดของตระกูลโอดะ จนกระทั่งโนบุนางะได้เริ่มการสร้างกองทัพรูปแบบเฉพาะของตนเอง และคิดจะปราบปรามกบฏโดยเฉพาะเหล่าพระนักรบให้สิ้น จึงได้ทำการขอตัวมิสึฮิเดะมาใช้งาน
งานแรกของมิสึฮิเดะก็คือการปราบปรามพวกพระนักรบที่มีท่าทีจะก่อกบฏ และเป็นงานที่ทำให้มิสึฮิเดะได้เห็นอีกโฉมหน้าอันเหี้ยมโหดของโนบุนางะในการปราบปรามพระเหล่านั้น แต่เขาก็ยังคงเลือกจะรับใช้โนบุนางะอยู่เพราะในความเหี้ยมโหดของการกำจัดศัตรูผู้ต่อต้านนั้น เขามองออกว่ามันแฝงไปด้วยการสร้างชาติขึ้นมาใหม่และคนที่จะทำได้ก็มีเพียงโนบุนางะเท่านั้น
หลังจากการปราบปรามเล่ากบฏของพระนักรบที่เกิดขึ้นทำให้เขาได้ยึดครองจังหวัด คางะและยามาชิโรโดยสมบูรณ์ ยังผลให้เขากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคกลางอย่างแท้จริง รวมไปถึงชื่ออันโหดเหี้ยมของ "จอมมารฟ้า" ที่เกิดขึ้นเพราะการปราบผู้ต่อต้านอย่างโหดเหี้ยมและเด็ดขาด แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน
การปราบปรามพระนักรบของโนบุนางะนั้นทำให้ทาเคาดะ ชินเก็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคอีกผู้หนึ่งไม่พอใจ เพราะชินเก็นเป็นผู้ที่นับถือศาสนาพุทธอย่างยิ่งผู้หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงได้ทำการยกกองทัพตระกูลทาเคดะที่ได้ชื่อว่าเป็นกองทัพม้าที่เข้มแข็งที่สุดในแผ่นดินบุกโจมตีโอดะทันที
ตระกูลทาเคดะเป็นตระกูลซามูไรที่ใหญ่มากตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่น มีเมืองหลวงปกครองอยู่ที่เมืองคาอิ เนื่องจากพท.ส่วนใหญ่ในปกครองของตระกูลทาเคดะทำการเพาะปลูกได้ยาก ผู้นำของทาเคดะจึงได้ริเริ่มนำเอาทหารมาช่วยทำนา
2
ผลจากการเอาทหารมาทำนานี้ยังทำให้นำไปประยุกต์ด้วยการฝึกชาวนาให้เป็นทหารอีกด้วย และในที่สุดตระกูลทาเคดะก็ได้สร้างกองทัพรูปแบบเฉพาะของตนเองขึ้นนั่นคือกองกองทัพ"อาชิงารุ" นั่นคือระบบการนำชาวนามาเกณฑ์เป็นทหารทำให้ไม่ต้องเสียค่าจ้างแพงเหมือนกับกองทัอื่นที่ต้องอาศัยซามูไร แต่ข้อเสียอยู่ตรงที่กองกำลังแบบนี้จะไม่ได้มีความภักดีต่อเจ้านายนัก และสามารถหนีทัพได้ง่ายๆ แต่ทาเคดะ ชินเก็นกลับสามารถสร้างระเบียบวินัยและฝึกฝนการรบให้แก่กองกำลังนี้จนกองทัพชาวนาอาชิงารุของชินเก็นกลายเป็นกองทัพม้าที่น่ากลัวที่สุดและมีวินัยสูงสุดกองทัพหนึ่ง
ตัวชินเก็นนั้นได้ชื่อว่าเป็นนักกลยุทธ์ เขามีความรอบรู้ในพิชัยสงครามและเก่งในการบัญชาการรบอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง เขาออกศึกมานับครั้งไม่ถ้วนและไม่เคยพ่ายแพ้ใครจึงได้รับฉายาเป็น "แม่ทัพไร้พ่าย"มีคู่ปรับสำคัญเป็นซามูไรผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งนั่นคืออุเอสึงิ เค็นชิน ซึ่งเป็นผู้ถูกเรียกว่าเป็น "เทพนักรบ" เขากับเค็นชินรบกันหลายครั้ง ไม่อาจหาผลแพ้ชนะได้อย่างเด็ดขาดสักครั้ง และระหว่างรบ พวกเขาก็สู้กันอย่างลูกผู้ชาย จนการต่อสู้ของพวกเขากลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ซามูไรรุ่นหลัง
1
แม้ชินเก็นจะเป็นจ้าวแห่งทหารม้า แต่ด้วยการมาของปืนไฟและการตั้งหน่วยปืนไฟของโนบุนางะ ก็ทำให้เขาต่อต้าน กองทัพของเขาปฏิเสธการซื้อปืนไฟมาใช้และยืนยันที่จะใช้กองทัพม้าเอาชนะกองทัพปืนของโนบุนางะให้ได้
ช่วงที่โนบุนางะยุ่งกับการปราบเหล่าพระนักรบ ชินเก็นก็ได้นำกองทัพยกมาจนใกล้จะเข้าถึงเขตแดนของโนบุนางะ ดังนั้นอิเอยาสึผู้เป็นพันธมิตรของโนบุนางะจึงได้นำทัพออกไปตั้งยัน แต่ก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ตัวโนบุนางะซึ่งเสร็จงานการปราบเหล่าพระนักรบจึงเบนเป้าหมายประจัญบานกับชินเก็นทันที แต่สิ่งนั้นก็ต้องเลื่อนออกไป เมื่อทาเคดะ ชินเก็น แม่ทัพไร้พ่ายได้ป่วยหนักและเสียชีวิตระหว่างการเดินทัพ เหล่าขุนนางที่เหลือจึงทำการไว้ทุกข์เป็นเวลา 3 วันและตั้งให้ทาเคดะ คัตสึโยริ บุตรชาย ขึ้นเป็นขุนพลเงาเป็นการชั่วคราว และทัพทาเคดะก็ต้องถอยกลับ เป็นอันว่า ชินเก็น แม่ทัพไร้พ่ายที่ปราบศึกมามากมายไม่ได้มีโอกาสประลองความสามารถในการบัญชากองทัพกับจอมมารฟ้า โนบุนางะ
1
หลังจากทัพตระกูลทาเคดะได้ล่าถอยไป โนบุนางะก็ทำการปฏิรูปการปกครองในเกียวโตซะใหม่ เขาเปิดตลาดเน้นการค้ากับชาวตะวันตก โดยหัวหอกที่นำสินค้าจากตะวันตกมีนามว่าฟลอยด์ ได้นำเอาวิทยาการเช่นปืนไฟแบบใหม่ นาฬิกา เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และของจากตะวันตกเข้ามาเป็นที่พอใจแก่โนบุนางะมาก นอกจากนี้โนบุนางะยังได้เข้าครอบงำเมืองซาไกซึ่งเป็นเมืองท่าการค้าสำคัญจนเขาสามารถกุมอำนาจทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไว้ได้
โยชิอากินั้นมีความคิดจะแต่งตั้งให้โนบุนางะเป็นรองชกุนแต่เขาไม่รับ แต่ขอครอบครองเมืองซาไกและหัวเมืองอีก 2-3 เมืองแทน ซึ่งภายหลังโยชิอากิเริ่มอ่านออกว่าโนบุนางะต้องการกุมการเงินของรัฐ จึงไม่พอใจ รวมกับเกิดเหตุการณ์ที่โนบุนางะได้ตัดสินใจยกทัพไปตีตระกูลอาซากุระเพราะตระกูลนี้คิดตั้งตัวต่อต้านเขา แต่ตระกูลอาซาคุระนี้เคยช่วยเหลือโยชิอากิสมัยที่เป็นโชกุนเร่ร่อนอยู่ช่วงหนึ่ง โยชิอากิจึงมีความรู้สึกเหมือนถูกโนบุนางะมองข้ามหัว และในที่สุดเขาก็คิดจะจัดการกับโนบุนางะฐานคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับโชกุน
โยชิอากิได้มะสึนากะเป็นที่ปรึกษา และได้รับคำแนะนำให้ยุอาซาอิ นางามาสะน้องเขยของโนบุนางะให้แข็งข้อ เพราะตระกูลอาซากุระและอาซาอินั้นเป็นพันธมิตรกันมาก่อน เจ้าตระกูลอาซาอิพ่อของนางามาสะเมื่อรู้ว่าโนบุนางะคิดจะตีอาซากุระก็ไม่พอใจและวางแผนจะตีตลบหลังโนบุนางะ ซึ่งนั่นทำให้อาซาอิ นางามาสะน้องเขยผู้เป็นสามีของเจ้าหญิงโออิจิน้องสาวของโนบุนางะไม่อาจวางตัวได้ถูก และในที่สุดเขาก็จำต้องเข้าฝ่ายกับพ่อของตน ตั้งตัวเป็นศัตรูกับโนบุนางะพี่เขยอย่างไม่เต็มใจนัก
โออิจิในฐานะน้องสาวเองก็ไม่อาจตัดใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงตัดสินใจส่งสารลับไปเตือนพี่ชายซึ่งกำลังจะถูกตีกระหนายให้ถอยทัพกลับ และนั่นทำให้โนบุนางะรอดมาได้ แต่ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและนางามาสะขาดสะบั้นจนนำไปสู่เรื่องเศร้าที่เป็นตำนานบทหนึ่งในภายหลัง
1
การหักหลังของนางามาสะนี้ โนบุนางะอ่านออกว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโชกุนคนที่เขาสร้างมากับมืออย่างอาชิคางะ โยชิอากิ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลับเข้าเกียวโตและทำการรวบอำนาจของโยชิอากิทันที
โยชิอากิยังคงมีอำนาจแต่เพียงในนามเท่านั้น บัดนี้ผู้คนทั้งมวลรู้แล้วว่าผู้ปกครองเกียวโตคือโนบุนางะ กระนั้นเขาก็ยังไม่ต้งตัวเองเป็นโชกุน เขาเคยให้เหตุผลว่าตำแหน่งโชกุนเป็นเครื่องผูกมัดทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวกระทำการบางอย่างได้สะดวก ซึ่งนับว่ามีความคิดผิดแผกไปจากผู้กระหายอำนาจคนอื่น
โยชิอากิยังคงเจ็บแค้นโนบุนางะไม่เลิกและคิดจะก่อการต่อต้านโนบุนางะอีก ด้วยการส่งสารแจ้งให้เหล่าหัวเมืองบุกโจมตีโนบุนางะ แต่สถานการณ๋ขณะนั้นเหล่าหัวเมืองต่างๆก็กำลังมีปัญหาวุ่นวาย และหลายตระกูลตอนนั้นก็ได้กลัวตระกูลโอดะจนหัวหด ด้วยเหตุนี้มะสึนากะที่ปรึกษาตัวฉกาจจึงไม่เห็นด้วยที่จะต่อต้านเพราะกำลังของโนบุนางะยังเข้มแข็งอยู่มาก แต่โยชิอากิไม่ฟังเสียง มะสึนากะจำใจแยกตัวจากโยชิอากิไปสวามิภักดิ์อยู่กับโนบุนางะเพื่อหาทางเกลี้ยกล่อมให้โนบุนางะละชีวิตของโยชิอากิ อันเป็นวิธีสุดท้ายที่จะช่วยโชกุนผู้นี้ได้
จากนั้นโนบุนางะก็ทำการยึดอำนาจของโยชิอากิด้วยกำลัง และถอดถอนโยชิอากิลงจากตำแหน่ง เนื่องจากมิสึฮิเดะเคยมีสัมพันธ์เก่ากับโชกุนโยชิอากิ เขาจึงขอให้โนบุนางะละชีวิตของโชกุนผู้นี้ โนบุนางะจึงทำการเนรเทศโยชิอากิออกไปจากเกียวโต และมิให้ย่างกรายเข้ามาในเมืองหลวงอีกชั่วชีวิต
1
เป็นอันว่า อาชิคางะ โยชิอากิได้กลายเป็นโชกุนคนสุดท้ายแห่งตระกูลอาชิคางะ
เมื่อสะสางเรื่องในเกียวโตแล้ว ศัตรูที่โนบุนางะมุ่งเป้าจะจัดการต่อไปก็คือตระกูลทาเคดะซึ่งถือว่าเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด
ทาเคดะ คัตสึโยริ ลูกชายของทาเคดะชินเก็นแม่ทัพไร้พ่ายนั้นสืบทอดเอาความสามารถในการบัญชาทัพมาจากพ่อได้ในระดับหนึ่ง ช่วงระหว่างที่ตระเตรียมกองทัพเพื่อรอทำศึกกับโนบุนางะนั้นเขาได้พัฒนากองทัพม้าของทาเคดะจนไร้เทียมทาน
1
ช่วงนั้นโนบุนางะก็ได้พัฒนาหน่วยปืนไฟขึ้นมา จนหน่วยทหารปืนไฟของตระกูลโอดะได้ชื่อว่าเป็นกองพลที่ร้ายกาจมากในแผ่นดินขณะนั้น โดยมีผู้บังคับบัญชาคือนิวะ นากาฮิเดะ แม่ทัพคนสำคัญของตระกูล
1
ที่จริงศึกระหว่างโอดะและทาเคดะนี่มีรายละเอียดมากแต่ผมเองก็ไม่มีข้อมูลซะด้วย รู้เพียงว่าทัพปืนไฟของโนบุนางะสามารถปราบกองทัพม้าของทาเคดะลงได้อย่างราบคาบ ทาเคดะ คัตสึโยริเองก็ต้องหนีตายไปในวัดแห่งหนึ่ง และเมื่อถูกโนบุนางะไล่ล่า สุดท้ายก็ต้องคว้านท้องตัวเองลง เป็นอันว่าตระกูลทาเคดะผูปกครองเมืองไคมาช้านานจนได้ชื่อว่าเป็นดั่งภูผาที่ไม่มีผู้ใดโค่น ก็ต้องมาถูกทำลายลงด้วยฝีมือของโนบุนางะ
หลังเสร็จศึก โนบุนางะได้ทำการสั่งกวาดล้างผู้คนในตระกูลทาเคดะจนแทบหมดสิ้น มิสึฮิเดะผู้ได้เห็นการปราบปรามครั้งนี้เป็นผู้หนึ่งที่ได้พยายามทัดทานแต่ไม่เป็นผล และนั่นเองที่ทำให้เขาได้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการมารับใช้คนโหดร้ายเช่นนี้เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้วรึ
1
ก่อนที่โนบุนางะจะถล่มตระกูลทาเคดะจนยับนั้นเขาได้ยกทัพไปบุกตีตระกูลอาซาอิเพื่อชำระแค้นที่ถูกหักหลัง
2
อาซาอิ นางามาสะรู้ดีว่าวันนี้ต้องมาถึง การที่โนบุนางะยังรั้งรอไม่ยกทัพมาตีเขาซะทีนั้นเป็นเพราะเห็นแก่โออิจิน้องสาวที่แต่งงานอยู่กินกับนางามาสะจนมีลูกหลายคน โดยก่อนจะยกทัพมานั้น โนบุนางะได้ส่งจดหมายมาขอตัวโออิจิคืน ซึ่งทางนางามาสะเองก็ตั้งใจจะส่งตัวโออิจิกลับไป แต่โออิจิปฏิเสธและเลือกจะยืนข้างสามีมากกว่าพี่ชาย
1
โนบุนางะไม่มีทางเลือก ตัดสินใจยกกองทัพบุกตีตระกูลอาซาอิผู้ปกครองโอมิทันที ผลการศึกก็เป็นที่คาดเดา ทัพของอาซาอิไม่มีทางต่อกรกับทัพของโอดะ โนบุนางะที่มีกำลังพลเหนือกว่าได้เลย และสุดท้ายนางามาสะก็ถูกฆ่าตายในที่รบ
เจ้าหญิงโออิจิแค้นพี่ชายของตนมาก เมื่อถูกพาตัวกลับมาหาโนบุนางะ เธอก็ไม่ขอพูดกับโนบุนางะผู้เป็นพี่ชายอีกเลยจนกระทั่งวาระสุดท้าย โนบุนางะจึงตัดสินใจส่งตัวนางและลูกๆที่ติfมาให้ไปเป็นภรรยาของชิบาตะ คัตสึอิเอะแม่ทัพอาวุโสกองหน้าของตระกูล ซึ่งชิบาตะก็รับนางมาเป็นภรรยาและให้การดูแลอย่างดี
1
สะสางศัตรูไปมากมาย ศัตรูตัวฉกาจที่เหลืออยู่ก็มีไม่มาก ตัวที่ร้ายกาจที่สุดก็คือตระกูลอุเอสึงิภายใต้การนำของเทพนักรบ อุเอสึงิเค็นชิน และยังมีตระกูลโมริ ตระกูลโฮโจ และตระกูลชิมาสุที่ยังเป็นหอกข้างแคร่อยู่รายรอบ แต่ถึงกระนั้นภาคกลางของประเทศก็อยู่ภายใต้การปกครองของโนบุนางะจนหมดสิ้น
ในช่วงนั้น เขาเริ่มทำการปราบปรามพวกที่ทำการต่อต้านในพื้นที่ของตนจนราบคาบ โดยก่อนหน้านี้หลังจากที่เคยปราบยพวกพระนักรบของแดนคางะไปแล้ว พวกที่ยังเหลืออยู่ก็คือกลุ่มนินจาอิงะที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มนินจาที่มีฝีมือดีที่สุดในขณะนั้น
พวกอิงะทำการต่อต้านโนบุนางะมาตลอดนับแต่เขาขึ้นกุมอำนาจในเมืองหลวง แต่โนบุนางะก็ยังไม่สบโอกาสจัดการจนกระทั่งมาถึงตอนนี้เขาจึงได้สั่งการกวาดล้างหมู่บ้านนินจาอิงะและเผาจนราบคาบ ซึ่งการสังหารหมู่พวกอิงะในครั้งนี้ เหตุหนึ่งที่ทำได้เป็นเพราะการหักหลังของกลุ่มนินจาด้วยกันโดยเป็นฝีมือของนินจากลุ่มอื่นเช่นพวกโคงะซึ่งต้องการจะขึ้นมามีผลงานและเป็นที่ยอมรับแทนที่ของพวกอิงะ ทั้งที่นินจาทั้งสองกลุ่มนี้เคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อน
1
การล่มสลายของหมู่บ้านนินจาที่มีบารมีสูงอย่างอิงะยังผลให้หมู่บ้านนินจาอื่นๆต้องยอมสวามิภักดิ์ต่อโนบุนางะ และนั่นได้ทำให้เกิดขบวนการนินจากลุ่มใหม่ที่มีชื่อว่าฟูมะเกิดขึ้น เพื่อหาทางต่อต้านโนบุนางะในอนาคตแลยังรวมไปถึงผู้กุมอำนาจรัฐบาลในอนาคตด้วย
1
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ😊🙇"
3
ขอขอบคุณภาพ/บทความ : Pantip
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอบทความโดย :
"สาระหลากด้าน"
55 บันทึก
48
6
28
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
"รวมบทความชุดประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคเซ็นโกคุ"
55
48
6
28
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย