16 พ.ค. 2019 เวลา 04:04 • ประวัติศาสตร์
(ประวัติศาสตร์บุคคลสำคัญญี่ปุ่น) Ep. 2
"โทกูงาวะ อิเอยาซุ"
จากไดเมียวขุนพลเล็กๆสู่เส้นทางโชกุนผู้เปี่ยมบารมี
ชีวประวัติ
อิเอยาซุได้รับการแต่งตั้งเป็นโชกุนในปี ค.ศ. 1603 และออกจากตำแหน่งในอีกสองปีต่อมา แต่เขาก็ยังมีอิทธิพลเรื่อยมากระทั่งเขาเสียชีวิตลงเมื่อปี ค.ศ. 1616
โทกูงาวะ อิเอยาซุเป็นไดเมียวคนหนึ่งที่สำคัญ เขาปราบปรามคู่แข่งโดยใช้กำลังทหารเข้าจัดการ หลังจากได้รับชัยชนะในสงครามที่เซกิงาฮาระ อิเอยาซุแต่งตั้งตนเองเป็นโชกุนคนแรกแห่งตระกูลโทกูงาวะซึ่งตระกูลนี้ปกครองญี่ปุ่นจนถึงค.ศ. 1868 ก่อนจะหมดอำนาจลงและพระราชอำนาจก็กลับมาอยู่ที่องค์พระจักรพรรดิอีกครั้ง
ปฐมวัย
แคว้นมิกาวะ
โทกูงาวะ อิเอยาซุ เกิดในค.ศ. 1542 ที่ปราสาทโอกาซากิ ในแคว้นมิกาวะ (จังหวัดไอจิในปัจจุบัน) มีชื่อเกิดว่า ทาเกชิโยะ อันเป็นชื่อบังคับของบุตรชายคนแรกของตระกูลมัตสึไดระ เป็นบุตรชายคนแรกของ มัตสึไดระ ฮิโรตาดะ ไดเมียวแห่งแคว้นมิกาวะ และนางโอะได บุตรสาวของไดเมียวแคว้นข้างเคียง สองปีต่อมาในค.ศ. 1544 นางโอะไดมารดาของทาเกชิโยะได้หย่าขาดจากฮิโรตาดะผู้เป็นบิดาและกลับไปยังแคว้นเดิมของตน
ในช่วงกลางศตวรรษที่สิบหก สองตระกูลได้แก่ ตระกูลโอดะ และตระกูลอิมางาวะ ได้แข่งขันกันขึ้นมามีอำนาจในแถบคันไซ ตระกูลเล็กอย่างตระกูลมัตสึไดระจึงต้องเข้าสักฝ่ายหนึ่ง ในค.ศ. 1548 โอดะ โนบูฮิเดะ ได้เข้ารุกรานแคว้นมิกาวะ ทำให้ฮิโรตาดะตัดสินใจนำตระกูลมัตสึไดระเข้าสวามิภักดิ์ต่อตระกูลอิมางาวะซึ่งนำโดย อิมางาวะ โยชิโมโตะ โดยส่งบุตรชายคือทาเกชิโยะอายุเพียงหกปีไปเป็นตัวประกันที่ปราสาทซุมปุ ในเมืองชิซูโอกะ อันเป็นฐานที่มั่นของตระกูลอิมางาวะ ในค.ศ. 1549 ฮิโรตาดะผู้เป็นบิดาได้เสียชีวิตลง ทาเกชิโยะจึงต้องสืบทอดตำแหน่งไดเมียวแห่งมิกาวะ และผู้นำตระกูลมัตสึไดระ ทั้งที่อายุเพียงเจ็ดปีเท่านั้น และต้องเป็นตัวประกันอยู่ที่ปราสาทซุมปุ
ในค.ศ. 1556 ทาเกชิโยะได้เข้าพิธี เง็มปุกุ และได้แต่งงานกับนางสึกิยามะ หลานสาวของอิมางาวะ โยชิโมโตะ พร้อมทั้งได้รับชื่อของผู้ใหญ่ว่า มัตสึไดระ โมะโตะยะซุ และได้รับการปล่อยตัวให้กลับไปยังปราสาทโอกาซากิเพื่อปกครองแคว้นมิกาวะต่อไปในฐานะข้ารับใช้ของตระกูลอิมางาวะ โมะโตะยะซุจับศึกครั้งแรกมีหน้าที่ส่งเสบียงเมื่อคราวที่โอดะ โนบูนางะ ยกทัพเข้าล้อมปราสาทเทะระเบะ ในค.ศ. 1558 แต่ถูกทัพของโนบูนางะตีแตกไป ปรากฏว่าในค.ศ. 1560 อิมางาวะ โยชิโมโตะ ได้ถูกทัพของโอดะ โนบูนางะสังหารไปในยุทธการโอะเกะฮะซะมะ
สมัยของโอดะ โนบูนางะ
เมื่ออิมางาวะ โยชิโมโตะ เสียชีวิตไปนั้นทำให้อำนาจของตระกูลอิมางาวะเสื่อมลง โมะโตะยะซุจึงผันตนเองเปลี่ยนฝ่ายย้ายไปเป็นข้ารับใช้ของโอดะ โนบูนางะ โดยในค.ศ. 1563 ได้ให้บุตรชายของตนคือ มัตสึไดระ โนบุยะซุ แต่งงานกับท่านหญิงโทะกุ บุตรสาวของโอดะ โนบูนางะ ในค.ศ. 1564 โมะโตะยะซุได้ทำการปรามปรามกองทัพพระสงฆ์นักรบที่เรียกว่า อิกโก-อิกกิ ในแคว้นมิกาวะ ซึ่งเป็นกลุ่มของพระสงฆ์และชาวบ้านที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนามหายานนิกายแดนบริสุทธิ์และต่อต้านการปกครองของซะมุไร ในยุทธการอาซูกิซากะ ในค.ศ. 1567 โมะโตะยะซุได้เปลี่ยนชื่อและชื่อตระกูลของตนเองเป็น โทกูงาวะ อิเอยาซุ ในค.ศ. 1569 ได้เอาชนะอิมางาวะ อุจิซาเนะ บุตรชายของอิมางาวะ โยชิโมโตะ ในการล้อมปราสาทคะเกะงะวะ และในค.ศ. 1570 ได้ร่วมกับโอดะ โนบูนางะในการต่อสู้กับตระกูลอะไซ และอาซากูระ ในยุทธการอาเนงาวะ ซึ่งชัยชนะในครั้งนี้ทำให้โอดะ โนบูนางะ มีอำนาจเหนือแถบคันไซอย่างสมบูรณ์
สงครามกับตระกูลทาเกดะ
เมื่อรวบรวมอำนาจในแถบคันไซได้อย่างเป็นปึกแผ่นแล้ว โอดะ โนบูนางะ ได้เบนความสนใจไปยังแถบคันโตในทางตะวันออก ซึ่งในขณะนั้นตระกูลทาเกดะ กำลังเรืองอำนาจ มีทาเกดะ ชิงเง็ง และทาเกดะ คัตสึโยริ บุตรชาย เป็นผู้นำ ในค.ศ. 1572 ทาเกดะ ชิงเง็ง ได้ยกทัพเข้าบุกแคว้นโทโตมิ อันเป็นดินแดนของตระกูลโทกูงาวะ ในยุทธการมิกะตะงะฮะระ จังหวัดชิซูโอกะในปัจจุบัน แม้จะได้รับกำลังเสริมจากโอดะ โนบูนางะ แต่การสู้รบในครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิเอยาซุ จนต้องหลบหนีออกจากสมรภูมิพร้อมกำลังพลเพียงหยิบมือ แต่โชคดีที่ในปีต่อทาเกดะ ชิงเง็ง ได้เสียชีวิตลงในค.ศ. 1573 ในค.ศ. 1575 คัตสึโยริบุตรชายได้ยกทัพมาล้อมปราสาทนะงะชิโนะ ในแคว้นมิกาวะ (จังหวัดไอจิในปัจจุบัน) ซึ่งดูแลป้องกันโดยโอกูไดระ ซาดามาซะ ทั้งอิเอยาซุและโอดะ โนบูนางะต่างส่งทัพของตนเข้ากอบกู้ปราสาทอย่างเต็มที่ จนกระทั่งประสบชัยชนะสามารถขับทัพของตระกูลทาเกดะออกไปได้
กล่าวถึงนางสึกิยามะ ภรรยาของอิเอยาซุ มักจะมีปัญหาขัดแย้งกับลูกสะใภ้อยู่เสมอ คือท่านหญิงโทะกุ ภรรยาของโนบุยะซุ จนกระทั่งในปี 1579 ท่านหญิงโทะกุทนไม่ได้จึงเขียนจดหมายฟ้องโอดะ โนบูนางะ บิดาของตน ว่านางสึกิยามะ ซึ่งเป็นคนจากตระกูลอิมางาวะ ได้ติดต่อและสมคบคิดกับทาเกดะ คัตสึโยริ ในการทรยศหักหลังท่านโอดะ เมื่อทราบเรื่องอิเอยาซุได้มีคำสั่งให้กักขังนางสึกิยามะภรรยาเอกของตนไว้ ต่อมาไม่นานจึงมีคำสั่งจากโอดะ โนบูนางะ ให้โนบุยะซุ บุตรชายคนโตของอิเอยาซุ กระทำการเซ็ปปุกุ และประหารชีวิตนางสึกิยามะ ในข้อหาทรยศสมคบคิดกับตระกูลทาเกดะ อิเอยาซุจึงจำต้องสั่งประหารชีวิตภรรยาและบุตรชายของตนไป แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง นางไซโง ภรรยาน้อยคนโปรดของอิเอยาซุ ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนที่สาม คือ นากามารุ หรือภายหลังคือ โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ
ในค.ศ. 1582 ทัพผสมของตระกูลโอดะและตระกูลโทกูงาวะ เอาชนะทัพของทาเกดะ คัตสึโยริได้ ในยุทธการเท็มโมะกุซัน (จังหวัดยามานาชิในปัจจุบัน) คัตสึโยริได้กระทำการเซ็ปปุกุหลังจากที่พ่ายแพ้ เป็นอวสานของตระกูลทาเกดะ
สมัยของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ
ในค.ศ. 1582 โอดะ โนบูนางะ ถูกลอบสังหารที่วัดฮนโน โดยอาเกจิ มิตสึฮิเดะ ในเวลานั้นอิเอยาซุพำนักอยู่ที่บริเวณใกล้กับเมืองโอซากะในปัจจุบัน พร้อมกับกำลังพลเพียงน้อยนิด เกรงว่าตนจะถูกลอบสังหารจึงได้เดินทางอย่างหลบซ่อนกลับไปยังปราสาทโอกาซากิ เมื่อถึงแคว้นของตนแล้วก็ได้ทราบข่าวว่า ฮาจิบะ ฮิเดโยชิ ภายหลังคือ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ) ได้ทำการสังหารอาเกจิ มิตสึฮิเดะ ไปเสียแล้ว และได้ทำการยึดอำนาจเพื่อขึ้นปกครองญี่ปุ่น แต่อิเอยาซุในฐานะที่เป็นข้ารับใช้คนสำคัญของโอดะ โนบูนางะ และมีกำลังพลมาก ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางการเถลิงอำนาจของฮาจิบะ ฮิเดโยชิ จนกระทั่งเมื่อโอดะ โนบุกะสึ บุตรชายคนที่สองของโอดะ โนบูนางะ ซึ่งไม่พอใจการยึดอำนาจของฮิเดโยชิและต้องการที่จะสืบทอดตระกูลโอดะ จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากอิเอยาซุ ไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจึงสู้รบกันในยุทธการโคะมะกิและนะงะกุเตะ ในค.ศ. 1584 แต่ไม่ปรากฏมีผู้แพ้ชนะเสียทีทั้งสองฝ่ายจึงเจรจาสงบศึก โดยที่ตระกูลโทกูงาวะยอมที่จะเป็นพันธมิตรของฮิเดโยชิ และฮิเดโยชิได้ส่งน้องสาวของตนคือ ท่านหญิงอาซาฮิ มาเป็นภรรยาเอกคนใหม่ของอิเอยาซุ
ทั้งโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทกูงาวะ อิเอยาซุ ต่างหวาดระแวงกันตลอดมา โดยเฉพาะในคราวสงครามกับตระกูลโฮโจ ในค.ศ. 1590 ในแถบคันโต อิเอยาซุได้เคยเป็นพันธมิตรกับโฮโจ อุจิมะซะ เมื่อครั้งสงครามกับตระกูลทาเกดะ และได้ยกบุตรสาวของตนคือ ท่านหญิงโทะกุ ให้ไปแต่งงานกับโฮโจ อุจินะโอะ ทายาทของโฮโจ อุจิมาซะ ฮิเดโยชิทราบความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี และแม้จะขอทัพตระกูลโทกูงาวะเป็นกำลังสำคัญแต่ก็มีความหวาดระแวงอย่างมาก จึงร้องขอให้อิเอยาซุส่งบุตรชายคือ นากะมารุ มาเป็นตัวประกันที่ปราสาทโอซากะ การล้อมปราสาทโอดาวาระของตระกูลโฮโจ จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายโทโยโตมิ และโฮโจ อุจิมะซะได้กระทำการเซ็ปปุกุ ชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ฮิเดโยชิเข้าควบคุมแถบคันโตได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากศึกในครั้งนี้ฮิเดโยชิได้ตอบแทนอิเอยาซุ ด้วยการขับตระกูลโทกูงาวะออกจากแคว้นมิกาวะ อันเป็นฐานที่มั่นของตระกูลโทกูงาวะมาเกือบหนึ่งร้อยปี และมอบดินแดนทางแถบคันโตอันห่างไกลและกันดารที่เคยเป็นของตระกูลโฮโจให้ปกครอง อิเอยาซุจึงได้เลือกปราสาทเอโดะ เป็นฐานที่มั่นใหม่ของตระกูลโทกูงาวะ
อิเอยาซุยังได้หลีกเลี่ยง ที่จะส่งกองทัพของตนเข้าร่วมการรุกรานอาณาจักรโชซ็อน (การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)) ของฮิเดโยชิในค.ศ. 1592 เป็นรักษากำลังทหารของตนเอง ไม่ให้เสียไปกับสงครามที่ไม่คุ้มค่า
ยุทธการที่เซกิงาฮาระ
ยุทธการเซกิงาฮาระ
ดูบทความหลักที่: ยุทธการที่เซกิงาฮาระ
ในค.ศ. 1598 ไทโค โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความชราภาพ เหลือบุตรชายคือ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ อายุเพียงห้าปี สืบทอดตระกูลโทโยโตมิต่อมา ก่อนจะถึงแก่อสัญกรรมฮิเดโยชิผู้ซึ่งเกรงว่าบุตรชายของตนอายุน้อยจะถูกบรรดาไดเมียวผู้ทรงกำลังแก่งแย่งอำนาจไป ถึงได้แต่งตั้งให้ไดเมียวที่มีกำลังมากที่สุดจำนวนห้าคนเป็น ผู้อาวุโสทั้งห้า หรือ โกะไทโรเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ประกอบด้วย โทกูงาวะ อิเอยาซุ, มาเอดะ โทชิอิเอะ โมริ เทรูโมโตะ อูเอซูงิ คางากัตสึ และอุกิตะ ฮิเดอิเอะ และฮิเดโยชิยังให้โงะไทโรกระทำการสัตย์สาบานว่าจะคอยช่วยเหลือฮิเดโยริบุตรชายของตนจนกว่าจะเติบใหญ่
อย่างไรก็ตามเมื่อไทโคฮิเดโยชิถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว เกิดความระแวงสงสัยและการคาดการณ์ว่าอิเอยาซุจะยึดอำนาจขึ้นเป็นผู้ปกครองญี่ปุ่นเสียเอง จึงเกิดกลุ่มขุนนางตระกูลโทโยโตมิที่ต่อต้านอำนาจของอิเอยาซุ นำโดยอิชิดะ มิตสึนาริ คนรับใช้คนสนิทของไทโคฮิเดโยชิ ฝ่ายอิเอยาซุไม่รอช้าได้จัดเตรียมเสาะแสวงหาพันธมิตรต่างๆไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ในค.ศ. 1599 มาเอดะ โทชิอิเอะ ขุนนางที่อาวุโสที่สุดในโงะไทโรซึ่งคอยเป็นผู้ไกล่เกลี่ยได้ถึงแก่อสัญกรรมลง ทำให้บรรดาขุนนางซะมุไรในญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือ
ฝ่ายของมิตสึนาริ ประกอบด้วยไดเมียวจากทางตะวันตกของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ จึงเรียกว่า ฝ่ายทัพตะวันตก ได้แก่ อิชิดะ มิตสึนาริ, โมริ เทรูโมโตะ, อูเอซูงิ คางากัตสึ, อุกิตะ ฮิเดอิเอะ, ฯลฯ
ฝ่ายของอิเอยาซุ ประกอบด้วยไดเมียวจากทางตะวันออกของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ จึงเรียกว่า ฝ่ายทัพตะวันออก
ในค.ศ. 1600 อูเอซูงิ คางากัตสึ ได้แสดงความกระด้างกระเดื่องต่ออิเอยาซุอย่างชัดเจน โดยการซะสมกำลังพลและสร้างป้อมปราการโดยไม่ได้รับอนุญาต อิเอยาซุจึงยกทัพหมายจะปราบตระกูลอูเอซูงิ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองได้ทราบข่าวว่ามิตสึนาริมีความเคลื่อนไหวในแถบคันไซ ยึดปราสาทฟูชิมิ ในนครเกียวโตอันเป็นศูนย์การปกครองของโทโยโตมิ ทำให้อิเอยาซุเปลี่ยนใจยกทัพไปทางตะวันตกเพื่อเข้ายึดปราสาทโอซากะอันเป็นที่อยู่ของโทโยโตมิ ฮิเดโยริ โดยอิเอยาซุเดินทัพมาตามเส้นทางโทไก เลียบมาตามชายฝั่งทางด้านใต้ของเกาะฮอนชู และให้ฮิเดตาดะทายาทของตนเดินทัพไปตามเส้นทางนากะเซ็น เพื่อไปสมทบกันที่โอซากะ แต่มิตสึนาริทราบข่าวการยกทัพของอิเอยาซุ จึงได้ยกทัพออกจากเกียวโตมาพบกับทัพของอิเอยาซุที่ทุ่งเซกิงาฮาระ ในจังหวัดกิฟุในปัจจุบัน
ในสมรภูมิ อิเอยาซุได้เกลี้ยกล่อมให้ขุนพลฝ่ายทัพตะวันตกคนหนึ่ง ชื่อว่า โคบายากาวะ ฮิเดอากิ ทรยศเปลี่ยนฝ่ายมาเข้ากับฝ่ายตะวันออก ทำให้ทัพฝ่ายตะวันตกต้องพ่ายแพ้ในการรบที่เซกิงาฮาระ อิชิดะ มิตสึนาริ ถูกจับกุมตัวได้และถูกประหารชีวิต
ยุทธการเซกิงาฮาระเป็นยุทธการที่มีความสำคัญที่สุด และเป็นการสู้รบระหว่างซะมุไรอย่างมหึมาครั้งสุดท้าย ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ชัยชนะยุทธการเซกิงาฮาระ มีอำนาจเหนือญี่ปุ่นอย่างเบ็ดเสร็จ ปราศจากไดเมียวผู้ใดที่สามารถต่อต้านอำนาจ
โชกุนอิเอยาซุ
ปราสาทเอโดะ ปัจจุบันคือพระราชวังอิมพีเรียล
เนื่องจากโทกูงาวะ อิเอยาซุ สามารถอ้างการสืบเชื้อสายไปถึงตระกูลมินาโมโตะของจักรพรรดิเซวะ หรือ เซวะ เก็นจิ ได้ จึงเข้าข่ายมีสิทธิ์สามารถดำรงตำแหน่งโชกุนได้ ในค.ศ. 1603 โทกูงาวะ อิเอยาซุ จึงได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักเกียวโต ให้ดำรงตำแหน่งเซอิไทโชกุน เป็นปฐมโชกุนแห่งตระกูลโทกูงาวะ หรือรัฐบาลเอโดะ อันจะปกครองประเทศญี่ปุ่นไปอีกประมาณสองร้อยห้าสิบปี โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครเอโดะหรือโตเกียวในปัจจุบัน
อิเอยาซุได้อ้างอำนาจการปกครองเหนือไดเมียวทั้งหมดที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น โดยให้ไดเมียวเหล่านั้นมากระทำสัตย์สาบาทเป็นข้ารับใช้ของบะกุฟุ โดยอิเอยาซุได้จำแนกไดเมียวออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ ไดเมียวฟุได คือไดเมียวที่เป็นข้ารับใช้เก่าแก่ของตระกูลโทกูงาวะมาแต่สมัยเซ็งโงะกุ หรือตระกูลที่เข้ามาเป็นข้ารับใช้ของตระกูลโทกูงาวะก่อนยุทธการเซกิงาฮาระ และไดเมียวโทซามะ คือไดเมียวที่ไม่ได้เป็นข้ารับใช้ของตระกูลโทกูงาวะ หรือเข้ามาเป็นข้ารับใช้ของตระกูลโทกูงาวะหลังยุทธการเซกิงาฮาระ โชกุนอิเอยาซุได้มอบดินแดนแคว้นๆต่างๆให้ไดเมียวเหล่านี้ไปปกครอง เรียกว่า ฮัน โดยโชกุนอิเอยาซุได้มอบฮันในจุดยุทธศาสตร์สำคัญให้ไดเมียวจากตระกูลโทกูงาวะหรือไดเมียวฟุไดไปปกครอง ส่วนไดเมียวโทซามะนั้น ก็คือเจ้าครองแคว้นไดเมียวทั้งหลายในสมัยเซ็งโงะกุ ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ก่อนแล้ว
ในช่วงต้นศตวรรษที่สิบเจ็ด ได้มีชาติตะวันตกชาติใหม่มาติดต่อขอทำการค้ากับญี่ปุ่น ได้แก่ฮอลันดาและอังกฤษ ซึ่งมาถึงเมืองนางาซากิในค.ศ. 1600 โดยโชกุนอิเอยาซุได้ให้นายวิลเลียม อดัมส์ (William Adams) ชาวอังกฤษต่อเรือแบบตะวันตกให้แก่ญี่ปุ่นเป็นลำแรกจนสำเร็จในค.ศ. 1604 นับแต่นั้นมาโชกุนอิเอยาซุจึงอนุญาตให้พ่อค้าต่างๆล่องเรือสำเภาแบบตะวันตกไปค้าขายยังอาณาจักรต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่า เรือตราแดง โชกุนอิเอยาซุดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับฮอลันดาและอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะขับไล่มิชชันนารีชาวโปรตุเกสและสเปนอันเป็นคู่แข่งการค้าของฮอลันดา ขับไล่และปราบปรามชาวคาทอลิก
บั้นปลายชีวิต
ในค.ศ. 1605 โชกุนอิเอยาซุได้สละตำแหน่งโชกุนให้แก่โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ บุตรชายที่เป็นทายาทของตน โดยที่อำนาจการปกครองที่แท้จริงยังคงอยู่ที่อิเอยาซุ เปลี่ยนมาดำรงตำแหน่งเป็นโอโงโช หรือโชกุนผู้สละตำแหน่ง และย้ายมาพำนักที่ปราสาทซุมปุ (อันเป็นปราสาทที่อิเอยาซุเคยพำนักเมื่อครั้งเป็นตัวประกันของตระกูลอิมางาวะ) โดยการยกให้โชกุนฮิเดตาดะบริหารปกครองอยู่ที่นครเอโดะ ทำให้โอโงโชอิเอยาซุสามารถจัดการกับการค้าขายกับชาติตะวันตกได้ ในค.ศ. 1609 โอโงโชอิเอยาซุออกประกาศอนุญาต ให้บริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา เข้ามาตั้งสถานีการค้าที่เมืองท่าฮิระโดะ นอกชายฝั่งเมืองท่านางาซากิ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าขายระหว่างญี่ปุ่นกับฮอลันดาไปอีกสองร้อยห้าสิบปี (ชาวฮอลันดายังคงอยู่ที่ฮิระโดะจนกระทั่งถูกย้ายออกไปที่เกาะเดะจิมะในสมัยของโชกุนโทกูงาวะ อิเอมิตสึ)
ในค.ศ. 1614 เกิดข่าวลือว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยริ บุตรชายของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งได้เติบใหญ่อยู่ที่ปราสาทโอซากะ ได้วางแผนกับมารดาของตนคือ นางโยะโดะ ซ่องซุมกำลังคนเพื่อที่จะฟื้นฟูตระกูลโทโยโตมิให้กลับมาปกครองญี่ปุ่นอีกครั้ง ในค.ศ. 1615 โอโงโชอิเอยาซุร่วมกับโชกุนฮิเดตาดะ ยกทัพขนาดมหึมาไปทำการล้อมปราสาทโอซากะ ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว จนกระทั่งฝ่ายโทโยโตมิพ่ายแพ้ ฮิเดโยริกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิต โดยท่านหญิงเซ็ง ภรรยาของฮิเดโยริผู้ซึ่งเป็นหลานสาวของอิเอยาซุได้รับการช่วยเหลือออกมาก่อน
ศาลเจ้านิกโกโทโช ในจังหวัดโทชิงิ
โอโงโชโทกูงาวะ อิเอยาซุ ถึงแก่อสัญกรรมในค.ศ. 1616 ที่ปราสาทซุนปุ อายุ 73 ปี หลังจากที่ถึงแก่อสัญกรรมแล้วโทกูงาวะ อิเอยาซุ ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้า มีชื่อว่า โทโช ไดงนเง็น เป็นพระโพธิสัตว์ที่ลงมาโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ มีศาลเจ้าคือ ศาลเจ้านิกโกโทโช ในเมืองนิกโก
ขอบคุณที่มา : Wikipedia
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ😊🙇"
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอบทความโดย :
"สาระหลากด้าน"
โฆษณา