17 พ.ค. 2019 เวลา 16:30 • บันเทิง
"นั่นละฮะท่านผู้ชม"
คำพูดซิกเนเจอร์ของคุณ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมหน้าวงการข่าวไปอย่างสิ้นเชิง
หากย้อนไปเมื่อสักประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว การดูข่าวนั้นช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเหลือเกิน ไม่ว่าจะข่าวเช้า หรือข่าวค่ำ นักข่าวจะต้องใส่สูทผูกไทด์ นั่งตัวตรง ห้ามก้มอ่านสคริปนานจนน่าเกลียด บุคลิคเป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญห้ามมีการพูดผิด จะว่าไปว่ามาก็เหมือนกับหุ่นยนต์ไม่มีผิด
แต่ชายผู้ที่ชื่อว่า สรยุทธ คนนี้เขาจะมาพลิกวงการข่าวไทยไปอย่างตลอดการ
รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี 2548 หลังจากนั้นก็สร้างปรากฎการณ์การรายงานข่าวแบบใหม่ให้กับเมืองไทย การรายงานข่าวที่เป็นมิตรกับคนดูเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย
การแต่งตัวก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่สูทอีกต่อไป ใส่เสื้อผ้าสบายๆ แม้กระทั่งกางเกงขาสั้นก็ยังมี การนั่งการวางตัวก็แบบเบิร์ดๆสบายๆ ไม่ต้องมาพะวงเรื่องบุคลิก จะเอนจะยืดก็ตามสบาย การอ่านข่าวที่แสนน่าเบื่อก็ทดแทนด้วยการพูดข่าวเล่าที่มาที่ไปเสมือนเล่าข่าวให้เพื่อนหรือคนกันเองฟัง จากการรายงานข่าวจึงการเป็นการ "เล่าข่าว" แทนและจากเทปบันทึกก็เปลี่ยนเป็น "รายการสด" ตามเวลาจริง
มีการพูดจาทักทายกับคนดูอย่างเป็นกันเอง การส่ง SMS จากทางบ้านให้ร่วมสนุก แจกเสื้อแจกของรางวัล กินขนมกลางรายการยั่วคนดู คุยกันหยอกล้อระหว่างพิธีกรด้วยกัน หรือแม้กระทั่งหยอกล้อคนดู มีดารารับเชิญเพื่อมาสร้างสีสรรค์ให้รายการ มีมินิคอนเสิร์ตของศิลปินต่างๆในรายการ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสถานที่รายงานแบบ Out Door ตามสถานที่ต่างๆหลายๆจังหวัด เรียกได้ว่าเข้าถึงคนดูแบบสุดๆ
สิ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต่างทำให้รายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ของคุณสรยุทธ กลายเป็นขวัญใจยามเช้าของคนไทย เมื่อนานวันเข้าหลายสิบปีก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 09.00 น. ทุกจอในบ้าน ตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งตลาดสด เสียงแจ้วๆของคุณสรยุทธที่กำลังทำหน้าที่แบบเดิมทุกวัน หันไปทีวีเครื่องไหนก็ต่างเป็นรายการของคุณสรยุทธแทบทั้งสิ้น ระยะเวลาออกอากาศสามชั่วโมงนั้นมองดูเหมือนนานก็กลายเป็นแป๊บเดียว
จนปันจุบันไม่ว่ารายการข่าวช่องไหน ต่างก็มีรายการเรื่องเล่าเช้านี้เป็นโมเดลในการทำงานอยู่แทบทั้งสิ้น
ความเด็ดของรายการก็คงเป็นที่การเข้าถึงปัญหา ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องอะไรก็ตาม หากถึงมือของคุณสรยุทธแล้วกลับกลายเป็นง่ายไปซะงั้น ชาวบ้านตัวเล็กๆไม่ได้รับความเป็นธรรม...ฟ้องสรยุทธ เจ้าหน้าที่เอารัดเอาเปรียบ...ฟ้องสรยุทธ พ่อป่วยแม่ป่วยญาติป่วยไม่มีเงินรักษา...เข้าหาสรยุทธ น้องวิวนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิคที่ข่าวเหรียญทองของ มนัส บุญจำนงค์ นักมวยดังจนกลบไม่มีสปอนเซอร์ไหนหรือสำนักข่าวไหนสนใจ ก็ได้คุณสรยุทธมาเรียกร้องสิทธิต่างให้จนได้กลับมาเป็นที่สนใจของสังคม
หรือแม้กระทั่งช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2553-2544 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ก็เข้าถึงชาวบ้านบุกรายงานถึงในพื้นที่ รายงานข่าวกันแบบเรียลริตี้ชั่วโมงต่อชั่วโมง ระดมทุนช่วยเหลือ ประสานงานกับหน่วยงาน ทหาร ตำรวจ ภาครัฐต่างๆให้ง่ายขึ้น ก็มาจากความคิดการดำเนินงานของชายคนนี้ เรียกได้ว่าเป็นสื่อที่เข้าถึงและชาวบ้านจับต้องได้
จนมีวลีฮิตติดปากคนไทยวลีหนึ่งนั่นก็คือ "จะไปฟ้องสรยุทธ"
คุณสรยุทธจึงดูเหมือนจะกลายเป็นที่พึ่งของชาวบ้านตาดำๆอย่างแท้จริง เป็นที่พึ่งที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าสำนักงานหรือกระทรวงยุติธรรมไหนๆเสียอีก
แต่ทุกอย่างย่อมมีที่สิ้นสุดเมื่อปี 2559 บ.ไร่ส้ม ของคุณสรยุทธถูกจับได้ว่าโกงเวลาโฆษณาของรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ของทางช่อง 9 อสมท. คิดค่าเสียหายก็เกือบร้อยล้านบาท แม้คุณสรยุทธจะจ่ายค่าเสียหายให้ทั้งหมดก็ใช่ว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะเมื่อตรวจสอบลึกลงไปอีกก็พบว่าคุณสรยุทธติดสินบนเจ้าหน้าที่ของช่อง 9 อสมท.ในการโฆษณาเกินเวลานี้ และ ป.ป.ช.ก็เห็นแล้วว่าผิดจริงจึงสั่งจำคุกคุณสรยุทธกับลูกน้อง 20 ปี ลดเหลือ 13 ปี 4 เดือน หลังจากนั้นก็ขึ้นลงขึ้นศาลกันอีกเป็นว่าเล่น จนปัจจุบันนี้ข่าวคราวของคุณสรยุทธก็แทบจะลาหายไป
หากจะมองแค่เรื่องที่เขาโกงเวลาแล้วจะมาประณามเขาเสียอย่างเดียวก็คงจะไม่ดี อย่างน้อยก็อย่าลืมที่ว่าระยะเวลาสิบกว่าปีที่คุณสรยุทธทำงานมา เขาก็สร้างความสุข ทำความดี ทำประโยชน์ให้กับสังคมไทยมิใช่น้อย เพราะคนเรามีด้านดีก็มีด้านเสีย ขึ้นอยู่ที่เราจะมองด้านไหน เพราะไม่มีใครในโลกจะไม่มีความลับดำมืดซ่อนอยู่
"ก็นั่นละฮะท่านผู้ชม"
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมบทความนี้ : https://www.matichonweekly.com/scoop/article_20401
blockdit : นั่งเขียน คนดัง
โฆษณา