18 พ.ค. 2019 เวลา 05:56 • การศึกษา
ฝึกเอาไว้! 10 วิธีคิดแบบทหารที่ช่วยคุณเอาตัวรอดได้ในชีวิตจริง (1)
1. การรู้จักหน้าที่ของตนเอง
ทหารมีหน้าที่ในการรับใช้ชาติในยามที่มีศึกสงครามหรือภัยพิบัติใดๆ เกิดขึ้นกับประเทศของตน และทักษะในการเอาตัวรอดของทหารนั้นมีเพียง 3 เรื่องใหญ่ๆ นั่นคือ การวิ่ง การยิงปืน และการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมหรือผู้บังคับบัญชา โดยจำเป็นจะต้องฝึกฝนทักษะทั้งหมดนี้จนเก่งพอ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกรบหรือออกภาคสนามจริง เพียงแค่นี้คุณก็สามารถเป็นทหารที่ดี ที่มีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากทหารไม่รับรู้และเข้าใจในหน้าที่ของตนเองว่าควรจะต้องทำอะไร ในเวลาใด อย่างไรบ้าง และหากขาดการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอแล้ว ในยามจำเป็นที่ต้องใช้ทักษะเหล่านี้ในการเอาตัวรอดแล้ว ก็คงจะทำได้ยาก เปรียบได้กับกลุ่มคนในสาขาอาชีพอื่นๆ เช่น หากคุณต้องการเป็นสามีที่ดีของภรรยา หรือพ่อที่ดีของลูก คุณควรจะต้องรู้จักหน้าที่ในการเป็นพ่อและสามีที่ดีว่าควรจะต้องรักและซื้อสัตย์ต่อภรรยา และดูแลเอาใจใส่ลูกๆ และครอบครัว หรือการเป็นเจ้านายที่ดีควรมีความรับผิดชอบในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของลูกน้องอย่างใกล้ชิด ด้วยความเข้าใจและรับฟังลูกน้องบ้างในบางโอกาส เป็นต้น จงรู้จักหน้าที่ของตนเองและทำมันให้ดีที่สุด!
2. ความเอาใจใส่และตั้งใจที่จะฝึกฝนตนเอง
ทหารที่เก่งเชี่ยวชาญในการรบและยิงปืนแม่น! จะต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีนับร้อยหรือพันครั้ง จึงจะมีความชำนาญและเชี่ยวชาญในการใช้ปืน รวมถึงทักษะที่ทำให้ยิงปืนได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดเป้า เปรียบได้กับการจะทำอะไรก็ตาม หากต้องการให้ผลงานออกมาดีและสมบูรณ์แบบแล้วนั้น ย่อมต้องมีความตั้งใจจริงและใส่ใจที่จะฝึกฝนตนเองให้มีทักษะหรือความชำนาญในเรื่องนั้นๆ หากชั่วโมงบินสูงแล้วล่ะก็ย่อมได้เปรียบในทุกสถานการณ์
3. การรู้จักเคารพผู้อื่น
ค่านิยมของทหาร คือ การเคารพและเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ในขณะเดียวกันการรู้จักเคารพผู้อื่น ถึงแม้ว่าจะมียศหรือตำแหน่งต่ำกว่าก็ตาม ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จะละเลยเสียไม่ได้ เพราะหากคุณขาดความเคารพในตัวของคนอื่นแล้ว คงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะเคารพในตัวคุณด้วยเช่นกัน อยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเราในรูปแบบไหน ก็จงปฏิบัติกับเค้าในแบบเดียวกันกับที่คุณต้องการ และหากคุณไม่เคารพผู้อื่นก็เท่ากับว่าคุณนั้นไม่เคารพตัวเองด้วยนั่นเอง
4. การรู้จักกำจัดสิ่งไม่จำเป็นออกจากชีวิตเสียบ้าง
บ่อยครั้งที่คุณมักจะเห็นคนประเภท "บ้าหอบฟาง" เวลาไปออกแคมป์กับเพื่อนๆ ตามอุทยานแห่งชาติในภาคเหนือ หรือเวลาไปสัมมนาต่างจังหวัดกับที่ทำงาน หรือแม้แต่จะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล หรือน้ำตกก็ตาม
คนเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเวลาไปไหนเหมือนคนหอบบ้านทั้งหลังติดตัวไปด้วยนั่นเอง เพราะจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้นานาชนิด เช่น เสื้อผ้ารองเท้านับสิบๆ ชุด อาหารและน้ำที่กินทั้งเดือนก็ไม่หมด หากคุณได้ไปเรียนรู้ชีวิตของทหารเวลาไปฝึกภาคสนามที่มีเพียงเป้ใบเดียวกับชุดยูนิฟอร์มเพีง 2-3 ชุด เสื้อกันฝน และอุปกรณ์ภาคสนามที่จำเป็น เช่น เชือก แต่เค้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นสิบๆ วัน โดยไม่ต้องสนใจว่าจะมีใครมาเหม็นสาบกลิ่นเหงื่อของคุณบ้างหรือไม่
การรู้จักเลือกกำจัดโดยการโยนสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิตไปเสียบ้าง นอกจากจะทำให้ตัวคุณนั้นเบาขึ้นอีกหลายกิโลเพราะปลอดจากสัมภาระที่ฟุ่มเฟือยและไร้ประโยชน์ไปแล้ว คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่า ชีวิตมันช่างเบาและดีกว่าที่คิดหลายเท่านัก
โฆษณา