18 พ.ค. 2019 เวลา 09:57 • การศึกษา
3 หลักสูตร ทหารไทยฝึกคนธรรมดาให้กลายเป็นยอดคน !!
ถ้าพูดถึงสุดยอดของทหาร หลายคนคงต้องนึกถึงทหารหน่วยรบพิเศษ (Special force) ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรรบพิเศษในแขนงต่างๆ ทั้งสี่เหล่าทัพ ซึ่งกว่าจะได้ปีกประดับยศของหน่วยนั้น ๆ มาได้ จะต้องผ่านการฝึกนรกมากมาย โดยแต่ละเหล่าทัพทั้ง 4 เหล่าก็จะมีหลักสูตรรบพิเศษที่ขึ้นชื่อความโหดและกดดันเกินกว่าคนปกติจะทนไหว ทั้งนี้ก็เพื่อการทำภารกิจที่แตกต่างจากทหารปกติ อันได้แก่
สงครามนอกแบบ (Unconventional Warfare) เป็นการปฏิบัติที่หน่วยรบพิเศษ ต้องใช้เวลาในการทำงานมากที่สุด การปฏิบัติที่เข้าไปในประเทศฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ยังไม่มีสงคราม แล้วสร้างกลุ่มต่อต้านรัฐบาลขึ้นมาเพื่อบั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลประเทศนั้น ๆ
การป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ (Counter Insurgency) เป็นการปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบภายในประเทศ
การปฏิบัติการจิตวิทยา (Psychological Operation) เป็นการปฏิบัติเพื่อให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายเป็นกลาง ให้มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายเรา
การปฏิบัติภารกิจโดยตรง (Direct Action) ภารกิจนี้เป็นการใช้กำลังในการเข้าทำลาย ยึดที่หมายที่ต้องการ เพื่อการปฏิบัติการอื่น เช่น การยึดสนามบิน การโจมตีที่เก็บเสบียงหรือที่บัญชาการของฝ่ายตรงข้าม
การลาดตระเวนพิเศษ (Special Reconnaissance) เป็นการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจโดยหน่วยรบพิเศษโดยลำพังหรือ ผ่านทางกำลังกองโจร วัตถุประสงค์เพื่อการยืนยัน ปฏิเสธข่าวสาร สมมติฐานที่ได้มาก่อน
ที่กล่าวมานี้คือภารกิจหลักของหน่วยรบพิเศษ ที่ต้องอาศัยทั้งความชำนาญ ความรอบคอบอดทน และทนต่อแรงกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก หลักสูตรที่ใช้ฝึกหน่วยรบพิเศษจึงมีความเข้มงวด และกดดันกว่าการฝึกทหารปกติ
แม้ยามบ้านเมืองสงบไร้ภัยคุกคาม แต่ทราบไหมว่าเหล่าทหารของไทย ยังฝึกฝนกันตลอดไม่หยุดพัก เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือเมื่อยามบ้านเมืองมีภัย ทว่าในหมู่นักรบย่อมมียอดนักรบ ที่ต้องผ่านหลักสูตรที่โหดหิน มีทั้งแรงกดดันทั้งร่างกายและจิตใจ จนนักรบหลายรายต้องยอมแพ้ให้กับการฝึกนั้น ๆ เกินกว่าครึ่งน้อยคนนักที่จะก้าวผ่านหลักสูตรเหล่านั้น จนได้ปีกประดับยศมาติดที่อกซ้ายและขวา
ในวันนี้ผมขอนำเสนอ 3 หลักสูตรสุดโหดของโรงเรียนลูกผู้ชายที่ความอยู่แค่ปลายจมูก มีอะไรบ้างไปดูกันครับ
1.Ranger(หลักสูตรการรบแบบจู่โจม)
หลักสูตรจู่โจม Ranger หรือสำหรับคนไทยจะคุ้นเคยกันในชื่อ เสือคาบดาบ นั้นเป็นชื่อหนึ่งในหลักสูตรสุดโหด ของกองทัพบกไทย ใช้ระยะในการฝึกประมาณ 3 เดือน แบ่งการฝึกออกเป็น 4 ภาค คือ
-ภาคที่ตั้ง
-ภาคป่าที่ราบ
-ภาคป่าภูเขา
-ภาคป่าที่ลุ่มทะเล
ในการฝึกฝนนั้นต้องฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดในสนามรบหลายอย่างเช่น การลาดตระเวน การอ่านแผนที่ เข็มทิศ การใช้อาวุธ การซุ่มโจมตี นอกจากนี้ยังมีการฝึกฝนที่สุดโหดขาดไม่ได้อย่าง การลอยคอในทะเลเป็นเวลานาน เพื่อว่ายเข้าหาฝั่งที่อยู่ไกลกว่า 2 ไมล์ทะเล รวมไปถึงการอยู่ในทะเลโคลนเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ฝึกหลักสูตรนี้ในไทย มีที่
-ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนรัตน์
-โรงเรียนสงครามพิเศษค่ายเอราวัณ
-ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร
ส่วนความหมายของสัญลักษณ์ “เสือคาบดาบ” นั้นมีความหมายคือ
หัวเสือ : สัญลักษณ์ของอำนาจ ความเป็นเจ้าป่า เหี้ยมโหดต่อศัตรูของมัน
ดาบ : สัญลักษณ์การต่อสู้ ความแหลมคมของดาบ หมายถึงสติปัญญา อันเฉียบแหลมของทหารจู่โจม ที่จะสังหารข้าศึกได้อย่างเงียบกริบ รวดเร็ว และฉับพลัน
ช่อชัยพฤกษ์ : สัญลักษณ์ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า อีกทั้งเป็นตัวอย่างและผู้นำที่ดี
ซึ่งโดยสรุปแล้วความมุ่งหมายของหลักสูตรนี้เพื่อต้องการให้มีความรู้ความสามารถในการรบแบบจู่โจม, ให้มีความอดทนต่อความเหนื่อยยากลำบาก , มีลักษณะความเป็นผู้นำสูง , สามารถนำหน่วยทหารขนาดเล็กอย่างมีประสิทธิภาพ
2
2.SEAL(หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม)
หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือที่เรามักเรียกกันว่า มนุษย์กบ เป็นหน่วยสงครามรบพิเศษทางเรือ ที่สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ
การทำงานของ SEAL นั้นจะเน้นหนักไปทางด้าน ทำลายใต้น้ำเพื่อเตรียมเส้นทางในการยกพลขึ้นบก หรือ สำรวจหัวหาดเพื่อประเมินความพร้อมของสถานที่ก่อนที่จะทำการยกพล ในปัจจุบัน SEAL ยังมีส่วนในภารกิจต่อต้านการก่อการร้ายสากล
หลักสูตรนี้ที่ถือได้ว่าเป็นหลักสูตรที่โหดหินสุดๆ ในบรรดาหลักสูตรหน่วยรบพิเศษของกองทัพไทย ที่ใช้เวลาในการฝึกฝนยาวนานถึง 7 เดือน เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ล้วนแล้วแต่มีความอันตรายที่ ต้องแบกรับกดดันทั้งทางร่างกาย และจิตใจ เหล่าทหารกล้าที่เข้ารับการฝึกจะต้องเรียนรู้ทักษะทั้งหมดที่หน่วยรบพิเศษพึงมี เช่น การดำน้ำ ยิงปืน ระเบิดทำลาย รวมไปถึงการลาดตระเวน และอื่นๆ ทหารที่เข้ารับการฝึกในหลักสูตรนี้จะต้องผ่านด่านทดสอบเรื่องจิตใจอย่างสาหัส เพื่อเอาชนะความเหนื่อย ความเพลีย ความง่วง และความหิว ซึ่งนอกจากการยุทธวิธีการรบแล้ว พวกเขายังต้องฝึกเพื่อรับมือกับสถานการณ์เมื่อถูกจับเป็นเชลยด้วย ทุกการฝึกฝนนั้นเต็มไปด้วยความกดดัน เพราะในสถานการณ์จริง ทุกนาทีในภารกิจคือชีวิต หากล้มเหลวย่อมหมายถึงชีวิต
สัญลักษณ์ของหน่วยนี้เป็น ปีกฉลามคู่ โต้เกลียวคลื่น ซึ่งความหมายของสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้ได้แก่
-แถบธงไตรรงค์ หมายถึง ชาติไทย
-สมอสีเงิน หมายถึง ทหารเรือ
-ปลาฉลามสีเงิน หมายถึง การปฎิบัติงานใต้น้ำที่ต้องอาศัยความกล้า และความอดทน
-เกลียวคลื่นสีทอง หมายถึง คลื่นหัวแตกบริเวณใกล้ชายฝั่ง ซึ่งเปรียบดังอุปสรรคที่ต้องเอาชนะไปให้จงได้ ด้วย
ความสามัคคี
1
3.RECON(หลักสูตรลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก)
RECON เป็น หน่วยรบพิเศษที่ขึ้นตรงกับ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ซึ่งภารกิจหลักนั้น คือการลาดตระเวนระยะไกลทั้งทางบกและทางน้ำ จึงถูกเรียกว่าลาดตระเวนแบบสะเทิ้นน้ำสะเทินบก
การฝึกฝนหลักสูตรนักสู้สะเทินน้ำสะเทินบกนั้น กินระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
การฝึกฝนหลักสูตรนี้สามารถแบ่งออกเป็น 3 ภาค ได้แก่ ภาคที่ตั้ง ภาคทะเล และภาคป่าภูเขา
ลักษณะการฝึกฝนนั้นคล้ายคลึงกับการจู่โจมของทหารบก แต่จะมีภาคน้ำเสริมเข้ามาด้วย โดยเฉพาะเกณฑ์การว่ายน้ำที่แสนโหดขึ้นชื่อที่สุด คือ การว่ายน้ำกลางคืนและว่ายน้ำ 5 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 9 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นหลักสูตรวที่วัดทั้งแรงกายและแรงใจกันเลย
สัญลักษณ์ของหลักสูตรหน่วยRECONนี้ประกอบด้วย
-รูปท้องทะเล ท้องฟ้า ภูเขา และหน้าผา อยู่ระหว่างสมอสองอันที่พันกันด้วยเชือก หมายถึง ภายใต้ความสามัคคี
กลมกลืนของกองทัพเรือนั้น จะเป็นรั้วที่เข้มแข็งเพื่อคุ้มครองป้องกันภัย ที่จะมาคุกคามต่อน่านน้ำ น่านฟ้า และ
ชายฝั่งทะเลของไทย
-ครุฑเหยียบโลกที่ปรากฎอยู่บนแผนที่ประเทศไทย มีสมอปักอยู่ หมายถึง เครื่องหมายกรมนาวิกโยธินที่ขึ้นตรง
ต่อกองทัพเรือ และปฎิบัติหน้าที่ภายใต้การควบคุม และการสนับสนุนจากกองทัพเรือ
สำหรับบางคนอาจสงงสัยว่า หน่วยRECON ต่างจากหน่วยSEAL ยังไง สรุปย่อ ๆ ได้ดังนี้ครับ
ลักษณะรูปแบบภารกิจ
RECON จะมีความใกล้เคียงกับ กองพันลาดตระเวนระยะไกล(LRRP) หรือกองพันจู่โจม (Ranger) ของกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(Special Operation)ในการเป็นหน่วยหัวหอกในการปฏิบัติการหรือใช้ประกอบกับกำลังหลักตามแบบ เช่น การลาดตระเวนพื้นที่หาด การโจมตีเป้าหมายคุณค่าสูง หรือมีความยากลำบากในการปฏิบัติเป็นพิเศษ
แต่ RECON จะแตกต่างจาก Ranger ตรงที่จะทำการฝึกเพื่อปฏิบัติการกับภูมิประเทศในลักษณะใกล้ชายฝั่งทะเลเช่น ชายหาด ป่าชายเลน และจากเรือมากกว่า
ส่วน SEAL นั้นจะเป็นหน่วยรบพิเศษ (Special Force) ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้ในการทำสงครามนอกแบบเป็นหลักในลักษณะหน่วยขนาดเล็กครับ เช่นภารกิจโดยตรงอย่าง แทรกซึมเข้าหลักแนวข้าศึุกเพื่อก่อวินาศกรรม ภารกิจข่าวกรองทหาร ปฏิบัติการจิตวิทยา และการต่อต้านการก่อการร้ายเป็นต้นครับ
โดยภารกิจหลักของ SEAL นั้นก็ตามที่กล่าวมาข้างต้นครับคือการสำรวจหาดและทำลายและริดรอนขีดความสามารถข้าศึกก่อนการยกพลขึ้นบก เช่นการทำลายทุ่นระเบิด หรือก่อกวนแนวหลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามนอกแบบครับ
2
โฆษณา