22 พ.ค. 2019 เวลา 11:35
ถ้าหากคนที่คุณรักต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในสงคราม
แล้วก็ขาดการติดต่อจากคุณไปเลย
คุณไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไง
คุณจะก้าวเดินต่อไป, มีความรักครั้งใหม่
หรือจะรออย่างมีความหวังว่าซักวันหนึ่งเขาจะกลับมา?
.
นี่เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่เฝ้ารอสามีที่ไปร่วมสงครามและหายตัวไป 💫
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 70 ปี
เธอจึงได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับเขา
ซึ่งทำให้หัวใจของเธอพองโตและปวดร้าวในเวลาเดียวกัน
.
Peggy เป็นสาวสวยที่ทำงานเป็นวิศกรไฟฟ้า 👩‍🏭
ส่วน Billie เป็นนักบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ 👨‍✈️
เมื่อ Peggy และ Billie ได้เจอกันครั้งแรก
💓💓 ก็รู้ในทันทีว่านี่คือ “รักแรกพบ” 💓💓
ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น
ทั้งคู่ก็แต่งงานกันในปีค.ศ. 1943 🤵💖👰
.
แต่ทว่า ช่วงฮันนีมูนก็ช่างแสนสั้น
เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Billie ถูกส่งไปฝรั่งเศสและทำหน้าที่ขับเครื่องบินรบ
เพื่อต่อกรกับเยอรมันซึ่งกำลังมาบุกยึดพื้นที่ 🛩️
.
ทางด้าน Peggy ก็ได้แต่เฝ้ารอสามีที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน
Peggy เริ่มกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Billie
เธอต้องการคำตอบ
แต่ไม่มีใครให้คำตอบนั้นแก่เธอได้เลย
จนกระทั่งในปีค.ศ. 1944
กองทัพอากาศสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศว่า
Billie Harris เป็นบุคคลสูญหาย
Peggy ใจสลาย 💔💔
เธอตั้งความหวังไว้สูงมากว่าเขาจะต้องกลับมา
แต่ถึงกระนั้น เธอก็จะไม่หยุดค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
.
และแล้วในวันหนึ่ง
Peggy ก็ได้รับจดหมายจากกรุงเบอร์ลิน
ซึ่งระบุว่า “Billie Harris เสียชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่”
Peggy ไม่เชื่อรายงานในจดหมายนั่น
เพราะไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขาเลย
.
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง
Peggy ส่งจดหมายไปยังสภาที่กรุงวอชิงตันเพื่อสอบถามเกี่ยวกับ Billie Harris
ทางสภาโทรกลับมาและให้คำตอบที่ไม่ทำให้เธอพอใจเอาเสียเลย
พวกเขาบอกเพียงว่า Billie ยังคงจัดว่าเป็นบุคคลสูญหาย
.
Peggy ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยวางจากเรื่องนี้ไป
จากเดือนกลายเป็นปี จากปีกลายเป็นทศวรรษ
เวลาที่ผ่านล่วงเลยไปไม่อาจทำให้เธอตัดใจจากการหายตัวไปของสามีได้แม้แต่น้อย
Peggy ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานใหม่
เธอยังคงเฝ้ารอคำตอบอยู่เสมอ 🍂
.
หลังจากผ่านไปเกือบ 70 ปี
Peggy ก็ตัดสินใจสืบค้นความจริงอีกครั้ง 🕵️‍♀️
เวลานานขนาดนี้แล้ว มันต้องมีซักหลักฐานสิ
หลักฐานอะไรก็ได้ที่จะบ่งชี้ว่า Billie อยู่ที่ไหน
Peggy กับลูกพี่ลูกน้องของ Billie
ร่วมมือกันเพื่อสืบค้นความจริงในเรื่องนี้
พวกเขาพยายามติดต่อทุกหน่วยงานที่พอจะเกี่ยวข้องและอาจมีเบาะแส
.
และแล้ว ในขณะที่ Peggy เริ่มหมดหวัง
เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
📞 กริ๊งงงงงง.. Peggy ได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว
ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Les Ventes ประเทศฝรั่งเศส
เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษที่มีหลักฐานใหม่ผุดขึ้นมา
.
กลายเป็นว่า ชื่อของ Billie Harris
เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในหมู่บ้านนี้
Billie Harris ได้รับการขนานนามว่าเป็นวีรบุรุษ 💘
.
หลังจากได้ติดต่อกับเทศมนตรี
Peggy ก็ถูกเชิญให้ไปประเทศฝรั่งเศส
และเยี่ยมชมหมู่บ้านดังกล่าว
Peggy ตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่า
มีการตั้งชื่อถนนสายหลักตามชื่อของสามีเธอ
“Billie D. Harris”
.
ใช่แล้วล่ะ
Billie Harris เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่จริง
แต่การตายของเขาไม่สูญเปล่า ✨
ชาวบ้าน Les Ventes คนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า
เครื่องบินของ Billie ถูกฝั่งนาซีเยอรมันยิง
และพุ่งลงมายังหมู่บ้าน 🛬
อันที่จริง คนขับสามารถปลดตัวเองออกจากเครื่องบินอย่างปลอดภัย
แล้วปล่อยให้เครื่องบินตกลงสู่พื้นก็ได้
แต่เขากลับเลือกที่จะทำทุกวิถีทางให้เครื่องบินตกไกลจากหมู่บ้านที่สุด
เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชาวบ้านหากเกิดการระเบิดขึ้น
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาจบชีวิตลงในป่าที่ห่างไกลออกไป 😔
.
🌷 ทุกคนที่นั่นรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ Billie
และซาบซึ้งในความเสียสละอันกล้าหาญของเขา
จึงยกย่องและให้เกียรติเขาในฐานะฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตชาวเมือง
[ ตอนแรกผู้คนที่นั่น
เข้าใจว่า Billie D. Harris เป็นชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส
โดยเดาจากชื่อที่ปักอยู่บนแจ็คเก็ต
พวกเขาก็เพิ่งได้รู้เหมือนกันว่าแท้ที่จริงแล้ว Billie เป็นชาวอเมริกันต่างหาก ]
.
น่าทึ่งนะ ที่ชื่อของ Billie Harris
เป็นชื่อที่รู้จักกันในวงกว้าง ณ เมือง ๆ หนึ่ง
แต่ในสถานที่ที่ไกลออกไป
กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
.
🌸 หลังจากความจริงปรากฏ
Peggy ก็มักจะไปเยี่ยมเยือนจุดที่เครื่องบินตกทุกปี
และทุกครั้งที่เธอไป
เธอจะได้รับการต้อนรับอย่างดี
ความรักที่มีต่อ Billie ยังคงไม่เสื่อมคลาย
มีแต่ความภูมิใจในความเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของชายอันเป็นที่รัก 💞
เมื่อถูกถามว่า รอเวลานี้มานานแค่ไหนแล้ว
Peggy ตอบว่า “ตลอดทั้งชีวิตของฉัน” 💫
.
ชาวอเมริกันคนนึงมาแสดงความเห็นด้วยว่า
“อะไรวะ เจ้าหน้าที่เราไม่ให้ความสำคัญกับวีรบุรุษของชาติ
กลับกลายเป็นชาวฝรั่งเศสที่ให้เกียรติและยกย่องเขามาเป็นเวลากว่า 60 ปี!!”
ที่มา : 🧚🏻‍♀ #BigUpอินเกร็ดประวัติศาสตร์ 🧚🏻‍♀
โฆษณา