ฟังไปแล้ว - อัลบัม Shine a Light งานใหม่ของรุ่นใหญ่แหบเสน่ห์ ไบรอัน อดัมส์
เคยเป็นหัวแถวของวงการเพลงช่วงกลางยุค 80 ถึงต้นยุค 90 ด้วยงานแบบอเมริกันร็อค ที่หลายๆ คนมองว่าเป็นบรูซ สปริงสทีนฉบับจูเนียร์ มีเพลงฮิตๆ อย่าง "Straight from the Heart”, ”Run to You”, “Heaven”, "Summer of ’69”, “Please Forgive Me” แต่ที่ดังระเบิดเทิดเถิง ส่งให้ไบรอัน อดัมส์ เจ้าของเสียงร้องที่แหบเสน่ห์อีกคนของวงการ กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกก็คงไม่พ้น “(Everything I Do) I Do It for You” เพลงประกอบหนัง Robin Hood: Prince of Thieves แล้วก็ “All for Love” จากหนัง The Three Musketeers ซึ่งเขาร้องกับอีกสองแหบรุ่นใหญ่ ร็อด สจวร์ท และสติง
หากไม่นับ “That’s How Strong Our Love Is” หรือถือว่าเป็นเพลงพิเศษไปซะ กับเพลงอื่นๆ ในงานชุดนี้ ก็คือเพลงในแบบของไบรอัน อดัมส์ ที่เคยทำให้หลายๆ คนสนุกด้วยได้ไม่ยากทั้งนั้น “Part Friday Night, Part Sunday Morning” ก็คือร็อคสนุกๆ ที่เข้ากับเสียงแหบๆ ของอดัมส์เป็นที่สุด, “Driving Under The Influence Of Love” ขยับเป็นร็อคที่เหมาะมากกับการเปิดในบาร์ซาลูน เมื่อมีสำเนียงของดนตรีคันทรี-ร็อคใส่เข้ามาเต็มๆ, “All Or Nothing” ร็อคเก๋าๆ ที่ได้เสียงริฟฟ์กีตาร์ที่เก่าไม่แพ้กันเล่นหยอดเป็นระยะๆ ท่อนฮุค เมโลดีก็ติดหูเหลือเกิน, “No Time For Love” แสดงถึงอิทธิพลของ The Beatles ในยุคแรกๆ ชัดเจน, “Talk to Me” งานบัลลาดช้าๆ ในบรรยากาศงานป็อปยุค 70 ไม่ว่าจะเป็นทางของเมโลดี และซาวนด์ที่ฟังฟุ้งๆ ล่องลอย, “The Last Night On Earth” ป็อป-ร็อคสนุกๆ เหมาะกับเปิดในปาร์ตีคืนสุดท้ายบนโลกอย่างที่ชื่อเพลงเป็น โดยมีซาวนด์กีตาร์แบบทแวง เป็นเสียงสะกิดหู ส่วน “Nobody’s Girl” ก็มาในอารมณ์ “Summer of ’69” เพลงเก่าของอดัมส์ ก่อนจะปรับเป็นคันทรี-ร็อคจังหวะกลางๆ ใน “Don’t Look Back” แล้วก็ปิดท้ายด้วยงานอะคูสติก-ร็อค “Whiskey In The Jar” ในแบบผ่อนอารมณ์จากพีคมาจบได้พอดิบพอดี