Human being..
หากเชื่อในเทพปกรณัมหรือความเชื่อทางตะวันตก วันที่พระเจ้าสร้าง "อดัม และ อีฟ" คงเป็นวันแรกในโลกที่มีมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ แต่จะให้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์คงเป็นตอนที่ดันเผลอไปกัดแอปเปิ้ลเข้าคำโต จนกลายเป็นมนุษย์ที่เป็น "มนุษย์" อยู่อย่างเช่นทุกวันนี้
แอปเปิ้ลคงเป็นผลไม้แห่งปัญญาโดยแท้ ดูจากตอนที่พระเจ้าบันดาลให้มันหล่นตกใส่ เซอร์ไอแซก นิวตัน นั่นปะไร เพราะถ้านั่งใต้ต้นทุเรียน อาจจะไม่มี เซอร์ไอแซก นิวตัน ในหน้าประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์โลกเลยก็เป็นได้
อะไรที่ทำให้ "มนุษย์" ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆบนโลกใบนี้?
บางคนเชื่อว่ามนุษย์มีสมองที่ใหญ่จึงฉลาดเฉลียวกว่าสัตว์ทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีสัตว์โลกอื่นๆ ที่มีขนาดสมองใหญ่โตกว่ามนุษย์มาก แต่ในมุมของมนุษย์แล้ว สัตว์เหล่านั้นดูไม่ได้ฉลาดไปกว่าตนเองเลย
มนุษย์จึงพยายามอธิบายความฉลาดของตนโดยอ้างอิงสัดส่วนของสมองกับน้ำหนักตัวบ้าง สัดส่วนของสมองส่วน cerebral cortex เทียบกับขนาดสมองบ้าง เพื่อให้ดูแล้วยังไง "มนุษย์" ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ให้ได้เชียว ในขณะที่ความจริงแล้วสัตว์พวกนั้นอาจจะทำอะไรที่ฉลาดล้ำได้ยิ่งกว่ามนุษย์จะสามารถด้วยซ้ำ เพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่ค้นพบแค่นั้นเอง
แต่ผมกลับคิดว่าสิ่งที่มนุษย์มี แล้วทำให้เรามีศักยภาพที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั่วไปคือ
การบันทึกและส่งต่อองค์ความรู้
สิ่งมีชีวิตอื่นอาจมีการส่งต่อสัญชาตญาณและการปรับตัวผ่านทางยีน ไปยังรุ่นสู่รุ่น แต่มนุษย์เหนือกว่านั้นในทางเทคนิค เพราะเราสามารถบันทึกสิ่งที่เราพบ สังเกตุ ทดลอง และส่งต่อองค์ความรู้เหล่านั้นไปยังลูกหลานของเรา โดยรูปแบบต่างๆ มากมาย ทั้งในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมหรือกระทั่งในนามธรรม
จนสิ่งที่เราสะสมจากรุ่นสู่รุ่นนำพาเรามาไกลถึงขนาดนี้ จากอดีตที่เราเฝ้ามองดูดาวแล้วอ้อนวอนต่อทวยเทพให้ช่วยเรา แต่ตอนนี้เรากลับออกเดินทางไปยังท้องฟ้ากว้างที่เคยมอง เพื่อไปค้นหาสิ่งต่างๆ ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตนอกโลก หรือบ้านใหม่ที่ไว้ทดแทนยามโลกกำลังจะสูญสลาย แต่เรายังเดินทาง จดบันทึก และส่งต่อข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งบางคนกำลังหาคำตอบให้กับอนุภาคพระเจ้า หรือแค่ยืนยันว่าจักรวาลเป็นแค่อีกหน่วยเล็กของมิติอะไรซักอย่างที่ครอบไว้อีกอนันต์
ซึ่งหากมนุษย์ยังคงจดบันทึกสิ่งที่ค้นพบ และส่งมอบมันต่อไปรุ่นสู่รุ่น ในอนาคตคงมีโอกาสที่เราจะได้พบกับสิ่งที่โดราเอมอนเคยนำมาช่วยเด็กแว่นขี้แย ทั้งไทม์แมชชีน ประตูสารพัดที่ หรือแม้กระทั่งตัวโดราเอม่อนเอง เพราะความสามารถที่แตกต่างจากสัตว์ทั่วไปข้อนี้นี่เอง ที่เป็นความหวังเสมอของมนุษย์ที่จะก้าวต่อไปในอนาคตอย่างมุ่งมั่น แม้ว่าเราจะยังไม่รู้เลยว่าจะพบกับอะไร
พลังอะไรที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่า รู้ว่าจะต้องส่งยานอวกาศออกไปวนรอบดาวอะไรไม่รู้สองรอบเพื่อเพิ่มแรงเหวี่ยง และเขวี่ยงตัวเองออกไปผ่านกลุ่มอุกกาบาตจำนวนมาหาศาล ผ่านไปยังชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์ เราทำสิ่งเหล่านี้ได้จากห้องเล็กๆและคอมพิวเตอร์ที่ใช้ข้อมูลผ่านตัวเลข 0 กับ 1 อยู่บนพื้นผิวดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่ไกลโพ้น ในขณะที่ปลาวาฬที่มีสมองโตกว่าเราหลายกิโลไม่ยักกะทำ
"พลังของการบันทึกและการส่งต่อนั่นเอง"
ไม่น่าแปลกที่ทำไมเราไม่หยุดแค่การนับปมเชือก ดีดลูกคิด หรือ ดูนาฬิกาแดด ทั้งๆที่ทำแค่นั้นเราก็อยู่บนโลกนี้ได้ หรือเราอาจจะหยุดแค่ขี่ช้าง เดินด้วยเท้า หรือต้มแกงด้วยท่อนไม้แห้ง ซึ่งนั่นก็อาจเพียงพอที่เราจะมีชีวิตได้ในแต่ละวัน แต่เรากลับไม่หยุด เรากลับสร้างสิ่งต่างๆมากมาย ทั้งสมองกล เครื่องบินเหนือเสียง หรือกระทั่งโรงงานพลังไฟฟ้านิวเคลียส์
คงเพราะเรามีความรู้ที่สะสมไว้มหาศาล และรู้ว่ามันจะดีขึ้นและดีขึ้น ไปได้ไกลขึ้นและไวขึ้น อยู่สบายขึ้นและยาวนานขึ้น เพียงแค่เรารู้จักใช้มันอย่างสร้างสรรค์
"ขอบคุณพลังแห่งการบันทึกและส่งต่อ"
หากมนุษย์ไม่ขีดเขียนและบันทึก และเก็บไว้กับตัวหรือเผาทิ้งตอนหนาวเหน็บ คงไม่มีมนุษย์ที่เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ มนุษย์ที่กำลังท้าทายและพยายามเข้าใกล้พระเจ้าไปทีละนิดๆ เพราะความสงสัยหลังการกัดผลแอปเปิ้ลในสวนอีเดนในครั้งนั้น
blockdit อาจเป็นการส่งต่อความรู้และข้อมูลอีกอันหนึ่งที่ในอนาคตอีกพันปี อาจมีมนุษย์ในอนาคตขุดพบคอมพิวเตอร์ server แบบล้าหลังที่พอเปิดออกดู จะพบเครื่องหมายอักษรโบราณรูปร่างคล้ายขนมปังก้อนสองชิ้นวางซ้อนกันบนพื้นหลังสีน้ำเงินสดใส ข้อมูลภายในมีเรื่องราวของมนุษย์ยุคโบราณที่แบ่งปันและส่งมอบให้กันหลากหลายแบบ เป็นเครื่องหมายของอารยะธรรมที่สูงส่งเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไปในยุคนั้น และน่าแปลกที่มันน่ารักน่าชังอย่างประหลาด ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้พบเจอมานานแล้วในอนาคตอีกพันๆ ปีข้างหน้า
"ขอบคุณ blockdit"
ที่อาจจะเป็นศิลาจารึกอักษรเฮียโรกริฟฟิคที่น่าฉงนอีกชิ้นหนึ่งในโลกอนาคตที่ยังมาไม่ถึง.....
"สวัสดีครับ มนุษย์โลกอนาคต"
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
